Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
20 ก.ย. เวลา 03:11 • หุ้น & เศรษฐกิจ
⚔️ บทบาทผู้นำ “ยามสงคราม”
“กฎเหล็กเพื่อนำองค์กรฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ”
ทำไมในวันที่เศรษฐกิจฝืดเคือง “กำไร” จึงสำคัญกว่า “ยอดขาย” และ “คนเก่ง” สำคัญกว่า “คนดีที่ทำงานไม่เป็น”
====
💥 เมื่อเสียงดนตรีหยุดลง
* ยุคของเงินทุนราคาถูก การเติบโตแบบไม่สนใจ “กำไร” และการขยายธุรกิจด้วยความฝันได้สิ้นสุดลงแล้ว วันนี้โลกธุรกิจเผชิญกับ “ภาวะสงคราม” อย่างแท้จริง
* ในสถานการณ์เช่นนี้ วิธีคิดและทักษะของ “ผู้นำยามสงบ” ไม่เพียงใช้ไม่ได้ แต่ยังอาจเป็นอันตรายต่อความอยู่รอด สิ่งที่องค์กรต้องการคือ ผู้นำยามสงคราม (Wartime Leader) ผู้ที่กล้าตัดสินใจเด็ดขาด เผชิญหน้ากับความจริงที่เจ็บปวด และสร้างวินัยให้ทั้งองค์กรเดินไปข้างหน้า
* นี่ไม่ใช่เวลาของความคลุมเครือหรือการเอาใจทุกฝ่าย แต่คือเวลาของความชัดเจนและการลงมือที่จริงจังที่สุด และนี่คือ 4 กฎเหล็ก ที่แยก “ผู้นำที่จะรอด” ออกจาก “ผู้นำที่จะร่วง”
====
📖 4 กฎเหล็กของผู้นำยามสงคราม
1. กำหนด “หมุดหมาย” ที่ชัดเจน
* ในยามสงบ องค์กรอาจทดลองหรือสำรวจเส้นทางใหม่ๆ ได้ แต่ในยามสงคราม ทุกคนต้องรู้ว่า “ฐานที่มั่น” คืออะไร?
* ผู้นำต้องตอบให้ได้ว่า “เรากำลังทำสิ่งนี้เพื่ออะไร?” และ “เป้าหมายที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คืออะไร?”
* เป้าหมายต้องถูกสื่อสารซ้ำๆ จนฝังอยู่ในหัวใจของทีมงาน เพราะเมื่อเกิดความไม่แน่นอน ทุกคนจะหันกลับมาที่ “หมุดหมาย” เพื่อยึดมั่น
* ตัวอย่างเช่น ในช่วงโควิด-19 หลายองค์กรปรับเป้าหมายจาก “การขยายธุรกิจ” เป็น “การรักษาสภาพคล่อง” เพื่อให้พนักงานและองค์กรอยู่รอด การสื่อสารที่ชัดเจนทำให้ทั้งทีมเข้าใจและเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน
2. โฟกัสที่ “กำไร” ไม่ใช่แค่ “ยอดขาย”
* ยอดขายอาจดูสวยงาม แต่กำไรเท่านั้นที่เป็นตัววัดความอยู่รอดขององค์กร
* ผู้นำต้องกล้าตัดสินใจที่ทำร้ายใจ เช่น ปิดสายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำกำไร หยุดแคมเปญการตลาดที่ไม่คุ้มค่า หรือปฏิเสธโปรเจกต์ที่ไม่มีอนาคต
* หลักคิดสำคัญ “Margin ต้องอยู่ในใจ กำไรต้องอยู่ในหัว”
* ตัวอย่างเช่น ยุคดอทคอมทำให้หลายบริษัทล่มเพราะไล่ล่าจำนวนผู้ใช้โดยไม่สนรายได้ แต่ Amazon รอดมาได้เพราะมีโมเดลธุรกิจที่ชัดเจน แม้จะขาดทุนหลายปี แต่พวกเขารู้ดีว่ากำไรจะมาจากไหน และเมื่อถึงเวลา ผลลัพธ์ก็คือการครองตลาด
3. สร้าง “วินัย” และ “มาตรฐานสูง”
* วิกฤตคือบททดสอบของวินัยองค์กร ผู้นำต้องทำให้ทีมรู้ว่า “งานหนักไม่ใช่ศัตรู ความไม่แน่นอนต่างหากที่ฆ่าเรา”
* ความตรงไปตรงมาเป็นสิ่งจำเป็น “ไม่มีใครตายเพราะทำงานหนัก แต่หลายคนตกงานเพราะไม่ทำงานให้ถึงมาตรฐาน”
* ผู้นำต้องผลักดันทีมให้ก้าวข้ามขีดจำกัด และเมื่อสำเร็จ ต้องให้รางวัลและการยอมรับที่สมเกียรติ
* ตัวอย่างเช่น วินสตัน เชอร์ชิลล์ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 พูดกับคนอังกฤษว่า เขามีเพียง “เลือด น้ำตา และหยาดเหงื่อ” ที่จะให้ แต่ด้วยวินัยและความมุ่งมั่น ประชาชนก้าวผ่านวิกฤตไปได้ เช่นเดียวกับธุรกิจที่ต้องการผู้นำที่กล้าพูดความจริงและนำทีมฝ่าคลื่นลม
4. ลงทุน “เวลา” กับคนเก่งที่สุด
* กฎ Pareto 80/20 ชัดเจน “ผลลัพธ์ 80% มักมาจากคนเก่ง 20%”
* แต่ผู้นำจำนวนมากกลับใช้เวลามากเกินไปกับพนักงานที่ผลงานไม่ดี ซึ่งไม่สามารถสร้างผลลัพธ์สำคัญได้
* ผู้นำยามสงครามต้องเลือกลงทุนเวลาและพลังงานกับ “คนเก่งที่สุด” เพราะพวกเขาคือกำลังหลักที่จะพาองค์กรรอด
* ตัวอย่างเช่น สตีฟ จ็อบส์ เลือกทุ่มพลังกับทีมเล็กๆ ของ Apple ที่เก่งที่สุดเพื่อสร้าง iPhone และตัดโปรเจกต์ที่ไม่จำเป็น ผลลัพธ์คือผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนโลก
* อีกตัวอย่างคือ Netflix ที่โฟกัสการรักษาคนเก่งในทีมระหว่างวิกฤตปี 2008 จนสามารถปรับตัวจากธุรกิจเช่าวิดีโอไปสู่สตรีมมิ่ง และพลิกชะตาองค์กรได้สำเร็จ
====
✨ วิกฤตเปิดเผยเนื้อแท้ของผู้นำ
* กฎเหล็กเหล่านี้อาจฟังดูแข็งกร้าว แต่เป็นความจริงที่จำเป็นเพื่อความอยู่รอด วิกฤตคือบททดสอบที่จะบังคับให้องค์กรกลับมาโฟกัสในสิ่งสำคัญที่สุด “เป้าหมายที่ชัดเจน กำไรที่แท้จริง วินัยที่เข้มแข็ง และคนเก่งที่สุดในทีม”
* ผู้นำทุกคนอาจดูดีได้ในวันที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู แต่เมื่อคลื่นวิกฤตถาโถม สิ่งที่ไม่จำเป็นจะถูกเผาผลาญออกไป เหลือเพียงแก่นแท้ของผู้นำคนนั้น
คำถามสำคัญไม่ใช่ว่าวิกฤตจะมาถึงหรือไม่ แต่เมื่อมันมาถึง…มันจะเปิดเผยว่าคุณคือผู้นำแบบไหน?
#วันละเรื่องสองเรื่อง #Leadership #WartimeLeader #EconomicCrisis #Management #Discipline #Profitability #ภาวะผู้นำ
เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทย
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย