20 ก.ย. เวลา 04:28 • ไลฟ์สไตล์
วัดมหาธาตุ อยุธยา

วัดมหาธาตุ อยุธยา

วัดแรกที่เราไปถึงจากทัวร์นั่งรถกลับเรือ วัดแรกบอกเลยไม่ร้อนเลย เป้นวัดที่มีพื้นที่มากพอสมควร มีอะไรให้ถ่ายรูปไว้เยอะมาก
วัดนี้ตั้งอยู่เชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งวัดมหาธาตุแห่งนี้ เป็นวัดที่มีความสำคัญยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยาค่ะ เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ ใจกลางพระนคร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสี
อยู่ใกล้วัดราชบูรณะ และเป็นพระอารามหลวงซึ่งสร้างในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ขุนหลวงพะงั่ว ช่วงปี พ.ศ. 1917 แต่ในตอนนั้นยังสร้างไม่เสร็จดี พระองค์ก็ทรงเสด็จสวรรคตก่อน
หลังจากนั้นก็มีการสร้างต่อเติมจนกระทั่งมาเสร็จในสมัยสมเด็จพระราเมศวร โดยพระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระปรางค์ประธาน และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัดในช่วงปี พ.ศ. 1927 อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญขึ้น นั่นก็คือ พระศรีศิลป์และจหมื่นศรีสรรักษ์ใช้เป็นที่ซุ่มพลก่อนจะยกพลเข้าจับกุมสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์
ต่อมาสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ยอดพระปรางค์องค์เดิมที่สร้างด้วยศิลาแลง ได้ทลายลงมาเกือบครึ่งองค์ถึงชั้นครุฑ แต่ยังไม่ได้ซ่อมแซมในรัชกาลนั้น ต่อมา สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ทรงบูรณะใหม่ รวมเป็นความสูง 25 วา เมื่อปี พ.ศ.2176
และในสมัย สมเด็จพระเจ้าบรมโกศ เมื่อปีพ.ศ.2275-2301 จนถึงช่วงเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 วัดมหาธาตุโดนทำลายจนเหลือเพียงซากปรักหักพังและถูกทิ้งร้าง
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดมหาธาตุ
  • พระปรางค์ขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันพังทลายลงมาหมดแล้ว แต่ราชทูตลังกาที่ได้เคยมาเยี่ยมชมวัดมหาธาตุ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไว้ว่า ที่ฐานของพระปรางค์ มีรูปราชสีห์ หมี หงส์ นกยูง กินนร โค สุนัขป่า กระบือ มังกร เรียงรายอยู่โดยรอบ รูปเหล่านี้อาจหมายถึงสัตว์ในป่าหิมพานต์ที่รายล้อมอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาล
  • เจดีย์แปดเหลี่ยม เป็นเจดีย์ลดหลั่นกัน 4 ชั้น 8 เหลี่ยม ชั้นบนสุดประดิษฐานปรางค์ขนาดเล็ก ซึ่งเจดีย์องค์นี้จัดว่าเป็นเจดีย์ที่แปลกตา พบเพียงองค์เดียวในอยุธยา
  • วิหารที่ฐานชุกชี ของพระประธานในวิหาร กรมศิลปากรพบว่ามีผู้ลักลอบขุดลงไปลึกถึง 2 เมตร จึงดำเนิน การขุดต่อไปอีก 2 เมตร พบภาชนะดินเผาขนาดเล็ก 5 ใบ บรรจุแผ่นทองเบาๆ รูปต่างๆ
  • พระปรางค์ขนาดกลาง ภายในพระปรางค์ มีภาพจิตรกรรม เรือนแก้วซึ่งเป็นตอนหนึ่งในพุทธประวัติ
  • ตำหนักพระสังฆราช บริเวณพื้นที่ว่างทางด้านทิศตะวันตก เป็นสถานที่ที่เป็นที่ตั้งพระตำหนักพระสังฆราช ราชทูตลังกาได้บอกไวว่า เป็นตำหนักที่สลักลวดลายปิดทอง มีม่านปักทอง พื้นปูพรม มีขวดปักดอกไม้เรียงราย เป็นแถวเพดานแขวนอัจกลับ (โคม) มีบังลังก์ 2 แห่ง
  • เศียรพระพุทธรูปหินทราย ซึ่งมีรากไม้ต้นโพธิ์ปกคลุมอยู่ โดยเศียรพระพุทธรูปนี้ เป็นพระพุทธรูปหินทรายเหลือแค่ส่วนเศียร สำหรับองค์พระนั้นหายไป และเป็นเศียรพระพุทธรูปศิลปะสมัยอยุธยา วางอยู่ในรากโพธิ์ข้างวิหาร
คาดว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ ในสมัยเสียกรุงจนรากไม้ขึ้นปกคลุมทำให้มีความงดงามแปลกตา จนเลื่องลือกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกสิ่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งทำให้ชื่อเสียงของวัดมหาธาตุโด่งดังไปทั่วโลก ตรงนี้เป้นแลนด์มากที่หลายคนชอบมาถ่ายรูป แล้วไกด์แนะนำให้ขอพรตรงนี้เพราะว่าเชื่อว่าจะสำเร็จ เมื่อมาได้เห้นกับตาก้อบอกเลยว่างามโดยธรรมชาติสรรค์สร้างอย่างแท้จิง
สำหรับเราชื่นชอบ 2 วัดแรกมาก เพราะแม้แต่เหลือเพียงซาก แต่ก้อยังทิ้งร่องรอยของเงาความรุ่งเรืองในอดีต สวยมาก ยิ่งตอนตะวันใกล้ตกดิน หรือยามราตรี เราคิดว่าคงมีมนต์ขลังมากที่เดียว ทางเดินแม้จะเดินยากเพราะพื้นไม่เรียบ แต่บอกเลยว่าใจสู้มาก แนะนำจากใจยาดม น้ำเปล่า แว่นกันแดด หมวก รองเท้าผ้าใบแบบสวมจำเป้นมากเลยที่เดียว มันจะทำให้เราเดินสบาย ส่วนเครื่องดื่มในนั้นไม่ค่อยแนะนำให้ซื้อเพราะราคาแรงมาก ผู้คนที่นั่นอัธยาศัยดี สมกะเป้นเมืองท่องเที่ยว
วันที่เราไปไม่ร้อนมาก มีแดดจริงๆตอนวัดที่ 3 แต่ไม่ถือว่าแรงแบบหน้าร้อน มันออกแนวอากาศขมุกขะมัวเหมือนฝนกำลังมา และก้อมาจิงๆตอนล่องเรือเข้ากทม. ทำให้ทริปแอบกร่อยไปหน่อย ตอนอยู่บนเรือลมแรงมาก แล้วก้อแดดเอาเรื่องสุด นี่ถ้าไม่ใส่แว่นกันแดดจะพังมาก นึกถึงครีมกันแดดเลยที่เดียว
แต่สิ่งที่แย่ที่สุดอันนี้ความคิดส่วนตัว ตอนสงครามเสียกรุงโดนกระทำจนวอดวาย อันนี้พอเข้าใจ ส่วนหลังจากนั้นกลับเป้นคนไทยด้วยกันที่ตัดเศียรพระไปขาย ทำลายกรุตามเจดีย์ ใจเราคิดว่าต้องเห้นแก่ตัวแค่ไหนถึงทำ หรือต้องเป้นคนแบบไหนกัน
ครั้งหน้าจะมาแชร์ตอนสุดท้ายวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดที่เราว่างามสุดๆ
บริเวณหน้าวัด
โฆษณา