20 ก.ย. เวลา 07:25 • ธุรกิจ

ทำไม ผู้ถือหุ้นใหญ่ กุมอำนาจบริหารได้ ผ่านกรรมการบริษัท /โดย ลงทุนแมน

คำว่าผู้ถือหุ้น ทุกคนคงทราบดีเพราะความหมายตรงไปตรงมา
แต่คำว่า กรรมการบริษัทคืออะไร
ตำแหน่งนี้มีหน้าที่อะไร แล้วมันแตกต่างจาก ประธานบริษัท หรือ CEO อย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่า หน้าที่และความรับผิดชอบแต่ละตำแหน่ง แบบเข้าใจง่าย ๆ ให้ฟัง
ถ้าพร้อมแล้วเริ่มกันเลย
2
เรามาเริ่มกันจากการทำความเข้าใจตัวละคร
ที่เกี่ยวข้องกับ “การเป็นเจ้าของ” และ “การบริหารบริษัท” กัน
1
ยกตัวอย่างถ้าเราเปิดบริษัท ที่เป็นร้านขายลิปสติก ด้วยตัวเราคนเดียว
เราก็คงจะเป็นทั้ง ผู้ถือหุ้น, กรรมการบริษัท, ผู้บริหารบริษัท หรือนั่งทุกตำแหน่งในคนเดียว
1
แต่จริง ๆ แล้ว ในบริษัทที่มีขนาดใหญ่จะแบ่งบทบาทกันชัดเจน
โดยมี 3 ฝ่ายหลักที่เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของ และการบริหาร นั่นก็คือ
1. ผู้ถือหุ้น
2. กรรมการบริษัท
3. ผู้บริหาร
1
1. ผู้ถือหุ้น
มาเริ่มจาก ผู้ถือหุ้น ความหมายตรงตัวก็คือ ผู้ที่มีความเป็นเจ้าของบริษัท โดยจะมีส่วนแบ่งกำไรหรือขาดทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นนั้น เช่น ถ้าเราถือหุ้นอยู่ 52% ถ้าบริษัทกำไร 1 ล้านบาท เราก็จะมีสัดส่วนในกำไรนั้น 5.2 แสนบาท เมื่อบริษัทจ่ายเงินปันผลออกมา ผู้ถือหุ้นก็จะได้รับตามสัดส่วนหุ้นที่ถืออยู่
4
2. กรรมการบริษัท
ต่อมาคือ กรรมการบริษัท ซึ่งเราน่าจะเคยได้ยินคำว่า “คณะกรรมการบริษัท” เพราะปกติแล้วในหนึ่งบริษัทจะมีกรรมการหลายคนเป็นหมู่คณะนั่นเอง
1
คณะกรรมการของบริษัท เปรียบเสมือนเป็น “ตัวแทนของผู้ถือหุ้น” ที่ผู้ถือหุ้นโหวตกันในที่ประชุมว่าจะเป็นบุคคลที่มาควบคุมบริษัทเพื่อทำผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นให้ได้มากที่สุด
ซึ่งก็หมายความว่า ผู้ถือหุ้นที่สามารถกุมอำนาจโหวตในมือได้ เช่น เกิน 50% ขึ้นไป ก็จะมีสิทธิ์แต่งตั้งกรรมการบริษัทที่เป็นคนของตัวเองเข้าไปควบคุมบริษัท เพื่อทำในสิ่งที่ต้องการได้ และเรื่องนี้ก็เป็นที่มาว่า ทำไมการถือหุ้น 51% มันสำคัญกว่าการถือหุ้น 49% มาก
1
โดยปกติแล้ว กรรมการบริษัทจะมีบทบาทในการกำหนดทิศทาง กลยุทธ์ โครงสร้างองค์กร และติดตามการดำเนินงานของฝ่ายจัดการ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นมากที่สุด
ซึ่งจะมีกรรมการบริษัทอีกประเภทหนึ่ง ก็คือ กรรมการอิสระ โดยจะเป็นกรรมการที่ถือหุ้นในบริษัทน้อยกว่า 1% และเป็นอิสระจากผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุม เพื่อการถ่วงดุลอำนาจภายในคณะกรรมการบริษัท โดยตามเกณฑ์ของ ก.ล.ต. ต้องมีกรรมการอิสระอย่างน้อย 1 ใน 3 และไม่น้อยกว่า 3 คน
1
แต่เราก็จะเห็นว่าหลายครั้งผู้ถือหุ้นบริษัท จะแต่งตั้งตัวเองเข้าไปเป็นกรรมการบริษัทเพื่อกำหนดทิศทางบริษัทโดยตรงได้เช่นกัน
แต่ก็มีบางกรณีที่ผู้ถือหุ้นบริษัท จะไม่ได้เข้ามาเป็นกรรมการบริษัทเอง เพราะผู้ถือหุ้นนั้นมีอายุมากแล้ว หรือถือหุ้นหลายบริษัทจนเรียกว่ายุ่งเกินกว่าจะเข้ามาเป็นกรรมการบริษัทเอง
3. ผู้บริหาร
ผู้บริหารก็คือ ผู้ที่มีอำนาจในการบริหารบริษัทและควบคุมพนักงานในบริษัทโดยตรง
ซึ่งก็มีตั้งแต่ CEO ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่เป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กร
นอกจากนั้นหลายบริษัท ก็ยังมีตำแหน่ง “C” ที่แตกแขนงออกไปอีก เช่น
CFO หรือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน
CTO หรือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี
หรือ COO หรือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
ซึ่งในระดับผู้บริหารสูงสุดในด้านต่าง ๆ จะเรียกกันว่า C-LEVEL
1
โดยผู้บริหารที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมดนี้ ก็จะมีการรายงานผลการดำเนินงาน รายไตรมาส หรือรายปีต่อ คณะกรรมการบริษัท อีกทีนั่นเอง
ดังนั้นก็ไม่น่าแปลกใจที่บางกรณี ผู้ถือหุ้น หรือกรรมการบริษัท จะไม่เคยพบ หรือพูดคุยกับพนักงานในบริษัทนั้นเลยก็ได้ เพราะคนที่พูดคุยโดยตรงคือผู้บริหารของบริษัท
แต่ก็จะมีหลายครั้งที่ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท จะเป็นทั้งกรรมการบริษัท และเป็นผู้บริหารไปด้วย เพื่อกำหนดทิศทางของบริษัทด้วยตนเอง ซึ่งจะเกิดขึ้นกับบุคคลที่ยังมีอายุไม่มาก และยังมีแรงบริหารด้วยตนเองอยู่ เช่น
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เป็น CEO ของ Meta
อีลอน มัสก์ เป็น CEO ของ Tesla
1
ทั้ง 2 คนนี้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท เป็นกรรมการของบริษัท และเป็นผู้บริหารของบริษัทด้วย
แต่ถ้าอายุมากแล้วอย่าง บิลล์ เกตส์ ที่เคยเป็น CEO แต่ปัจจุบันลดตำแหน่งเป็นเพียงที่ปรึกษา
ซึ่ง CEO คนปัจจุบันของบริษัทก็คือ สัตยา นาเดลลา
Alphabet เจ้าของ Google ก่อตั้งโดยแลร์รี เพจ และเซอร์เกย์ บริน ก็ถอยไปนั่งเป็นกรรมการบริษัท และได้แต่งตั้งให้ ซุนดาร์ พิชัย เป็น CEO
นอกจากนั้นเมื่อมีการซื้อกิจการเกิดขึ้น
เราก็จะเห็นการที่ผู้ซื้อ จะแต่งตั้งตัวเองเข้าไปเป็นกรรมการบริษัทเพื่อกำหนดทิศทางบริษัทได้
สำหรับตัวอย่างในประเทศไทย ก็เช่น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
หรือ GULF ที่ได้เข้าซื้อ INTUCH กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
โดย INTUCH ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท AIS อีกที
ก็จะมีการนำคนจากทาง GULF หลายคนเข้าไปนั่งเป็นกรรมการในบริษัท INTUCH จนเวลาต่อมาก็ควบรวมกับ INTUCH ทำให้ตอนนี้ GULF ก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 40% ใน AIS
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
มีมที่ในโลกโซเชียลชอบเล่นกันว่า รปภ. เป็น “ประธานบริษัท” ที่ปลอมตัวมา รู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้วตำแหน่งนี้อาจไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในบริษัท..
1
ตำแหน่งประธานบริษัท ชื่อเต็มก็คือ ประธานกรรมการบริษัท ซึ่งถูกแต่งตั้งมาจากการโหวตของผู้ถือหุ้นอีกที ให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการบริษัท ซึ่งจะเป็นตัวผู้ถือหุ้นใหญ่เอง หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้
ดังนั้นถ้าจะให้บอกว่าใครใหญ่สุดในบริษัทจริง ๆ
ก็จะได้คำตอบว่า คนที่มีอำนาจมากสุดในบริษัท ก็คือ “ผู้ถือหุ้นใหญ่” ที่มีอำนาจควบคุมบริษัทได้ นั่นเอง..
1
“ถ้าอ่านจนถึงตรงนี้แล้วชอบบทความแบบนี้ กดติดตามเพจลงทุนแมน ได้เลย”
ลงทุนแมนมีบทความที่เน้นข้อเท็จจริง ความรู้ธุรกิจ การลงทุนให้อ่านอยู่เป็นประจำ เพราะการลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในความรู้
โฆษณา