20 ก.ย. เวลา 16:11 • ท่องเที่ยว
สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)

หลงเสน่ห์ย่านหัวลำโพง.....ที่เป็นมากกว่าสถานีรถไฟฟ้า

ทริปนี้เริ่มต้นมาจากมาจากความเหงาของเรากับเพื่อน 2 คน ที่ดันว่างตรงกันพอดี แต่เราสองคนดันว่างตรงกันแค่วันเดียวนะสิ ทริปนี้เลยเป็นทริปที่กะทันหันสุดๆ เพราะเรากับเพื่อนมีเวลาวางแพลนเที่ยวแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น!!!
บอกเลยว่าทริปนี้พวกเราสองคนจะพาทุกคนไปเที่ยวแบบ one day trip ในงบประหยัดไม่เกิน1,000 บาท ให้คุ้มทุกวินาทีจริงๆ จนทุกคนต้องอึ้งไปกับเราสองคนแน่นอน และจากเด็กรังสิตสองคนจะไปเทียวหัวลำโพงได้ยังไงกันน้าาาาาา ถ้าพร้อมแล้วไปกันต่อออออ
จุดหมายแรก : จากม.กรุงเทพ มุ่งหน้าสู่ แยกคปอ.
เราก้าวเท้าออกจากห้องตอน 9.00 น.และเดินข้ามสะพานตรงหน้ามอไปขึ้นรถเมย์ เราสองคนตัดสินใจนั่งรถเมย์ 520 ไปลงแยกคปอ.ทีเดียวเลย จะบอกว่าเราเสียเงินค่ารถเมย์แค่คนละ 8 บาทเองนะ ถ้ารถไม่ติด 20 นาทีก็ถึงที่หมายแล่วววว
*** และไม่ได้มีแค่รถเมย์ 520 ที่ไปถึงแยกคปอ.ได้น้าาาาาา ยังมีอีกตั้ง3วิธีที่แนะที่จะไปถึงแยกคปอ.ได้เหมือนกัน คือนั่งรถเมย์ 356, 39, 510
พวกเราถึงแยกคปอ.ประมาณ 9.30 น. พอถึงแยกคปอ.เป้าหมายต่อไปก็คือ MRT หัวลำโพง ทีนี้ก็ไปกันต่ออออ
จุดหมายที่ 2 : มุ่งหน้าสู่ หัวลำโพง เสน่ห์ที่น่าหลงใหลของย่านเก่าแก่แห่งนี้
 
พอถึงแยกคปอ.การที่จะไปสถานีหัวลำโพงได้ ต้องนั่งรถไฟฟ้าทั้งหมด 2 สาย คือ รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน และรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน พวกเราได้ซื้อตั๋วรถไฟฟ้า BTS ไปลงสถานีหมอชิตก่อน และเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินจากสวนจตุจักรไปลงสถานีหัวลำโพงเลย ทีนี้เราก็จะถึงย่านเก่าแก่แห่งนี้แล้ว และในการเดินทางครั้งนี้เราเสียค่ารถไฟฟ้าคนละ 60 บาท นั่ง 50 นาทีก็ถึงแล้ว
อาจจะนานหน่อยนะ แต่นั่งชิวๆฟังเพลงไปเรื่อยๆแปบเดียวเดี๋ยวก็ถึงน่า แต่ถ้าใครโชคร้ายหน่อยจากที่จะได้นั่งฟังเพลงชิวๆจะได้เปลี่ยนเป็นยืนแทนน้าาาา กว่าเราจะถึง สถานีหัวลำโพง เกือบตุยกันไปข้างนึงเลยล่ะ แต่เชื่อมั้ยพอพวกเราได้สัมผัสกับภาพที่เห็นตรงหน้า เราบอกเลยล่ะ ว่ามันโครตคุ้มค่ากับการเดินทางมาเป็นชั่วโมงกว่าเลยนะจะบอกให้ ถ้าไม่เชื่อไปฟังกันต่อดีกว่าาาา
จุดหมายที่ 3 : เที่ยววัดไตรมิตร ชมพระทองคำแห่งเยาวราช
วิธีมาวัดไตรมิตรก็ไม่ยาก ..เพียงแค่ทุกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิด GPS ค้นหาว่า วัดไตรมิตร แล้วเดินออกจากสถานีโดยใช้ทางออกหมายเลข 1 และเดินตามจีมาประมาน 5 นาทีก็ถึงแล้ว พวกเราก็ทำแบบนี้เหมือนกัน
ก่อนจะไปรู้เหตุผลทำไมเราถึงมาวัดนี้กัน เราไปรู้จักวัดนี้คร่าวๆกันก่อนดีกว่า วัดไตรมิตร หรือ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร หรือรู้จกกันในอีกชื่อนึงว่า วัดสามจีน สำหรับคนไทยเข้าฟรีนะ ส่วนชาวต่างชาติค่าเข้าจากที่เราไปหาข้อมูลมา ค่าเข้าน่าจะคนละ 140 บาทนะ
*** ที่สำคัญ *** อย่าลืมขึ้นไปไหว้หลวงพ่อทองคำ ซึ่งได้รับการบันทึกว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลย และใครมาสถานที่แห่งนี้อย่าลืมอีกจุดแลนด์มาร์ค คือ จุดไหว้ขอพร 4 ทิศ ให้ชีวิตมีแต่ความมงคล ใครที่สนใจเราจะแปะลิงค์ ทริกในการไหว้ขอพร 4 ทิศ ไว้ให้ข้างล่างนะ และขอบคุณคริปดีๆจากข่อง : Sale Here ค่ะ
ทีนี้มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า คือ เราจะบอกว่าวัดแห่งนี้มันสวยกว่าจิตนาการที่พวกเราคิดไว้กันมาก ไม่คิดว่าจะมีสถานที่ที่สามารถเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ได้สนุกและตื่นเต้นเท่านี้มาก่อน เพราะตอนแรกที่เรามาวัดนี้พวกเรากะมาแค่ไหว้พระทำบุญเสร็จก็จะออกไปที่อื่นต่อเลย
แต่ไม่น่าเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้ทำให้เราอยู่ถ่ายรูปและเก็บบรรยากาศได้เกือบ 2 ชั่วโมง เนื่องจากวัดแห่งนี้ยังมีศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์เยาวราชด้วย เล่าตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษการเข้ามาของจีน จนเป็นชุมชนจีน และกลายเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญ ข้างในจะแบ่งเป็น 6 ห้อง บอกเลยว่าข้างในนอกจากความรู้แน่นๆที่จะได้กลับไป ในแต่ละห้องจัดเต็มสุดๆทั้งรูปปั้น โมเดลจำลอง แสง สี เสียง บอกเลยว่าเดินเพลินมากๆ แถมแอร์เย็นด้วยแหละ กว่าเราจะออกจากวัดได้เวลาก็ปาไป 13.00 น. แล่ววว
จุดหมายที่ 4 : River City Bangkok จุดเช็คอินสายอาร์ต
วิธีมานิทรรศการงานศิลปะมาได้ไม่ยาก แปบเดียวถึง ก็คือ กลับไปที่จุดเริ่มต้น ง่ายๆคือพวกเราเดินจากวัดกลับไปที่สถานีหัวลำโพงอีกรอบ แล้วเรียกพี่วินแถวนั้นบอกให้พี่แกไปส่งที่ River City ได้เลย พี่แกก็จะพามาส่งถึงหน้าทางเข้าเลยแหละ และเราก็จ่ายเงินให้เรียบร้อย พวกเราทั้งสองคนเสียค่ารถให้พี่แกไปคนละประมาณ 30 บาท
ข้างในก็จะมีนิทรรศการศิลปะต่างๆ ซึ่งแต่ละช่วงจะมีนิทรรศการไม่เหมือนกัน ก่อนจะไปสามารถดูอัพเดพนิทรรศการที่จะจัดแสดงไปก่อนได้เลย ส่วนที่เราไปครั้งนี้เพราะว่าเป็นนิทรรศการของวง Cocktail บอกเลยว่าคนเยอะมาก!!!! โดยรวมคือดีค่ะไม่แออัด เดินถ่ายภาพเพลินๆ แอร์เย็นๆ และเราได้ภาพสวยๆมาเยอะเลย เรียกว่า มุมไม่ซ้ำกันสักภาพเลยล่ะ และกว่าเราจะออกจากนิทรรศการได้ก็ 15.00 น. แล่ววว
จุดหมายที่ 5 : ตลาดน้อย จุดเช็คอินสุดฮิตของคนชอบถ่ายภาพ
วิธีมาตลาดน้อยง่ายๆ คือ เปิด GPS หาคำว่าตลาดน้อยและเดินมาเรื่อยๆประมาณ 10 นาทีก็ถึง พอถึงตลาดน้อยเดินเข้าไปเรื่อยๆ จะมีจุดถ่ายภาพที่สวยมากๆตลอดทั้งทางเลย ชมงานศิลปะและเสพบรรยากาศเก่าๆของชุมชนให้ Mood วินเทจสุดๆไปเลย ถูกใจสายถ่ายภาพแบบเราเลย แวะเช็คอินเก๋ๆ มีผนังกำแพงสีสดใส ไม่อยากเชื่อว่าเราจะได้ภาพเยอะพอๆกับที่ถ่ายใน River City เลย เราใช้เวลาเดินเล่นในย่านนี้ไปแค่ชั่วโมงนิดๆเอง พอถึง 16.00 ก็ไปกันต่อออ
จุดหมายที่ 6 : กินเพลิน เดินสนุกที่เยาวราช
วิธีมาเยาวราชก็เหมือนกับตลาดน้อย ก็คือ เปิด GPS หาคำว่าตลาดน้อยและเดินมาเรื่อยๆประมาณ 15 นาทีก็ถึง เราไปถึงเยาวราชช่วงเย็นๆพอดี ประมาณ 17.00 น. บรรยากาศยามค่ำคืนสวยมาก คนเยอะม๊ากกกก แต่สนุก พ่อค้าแม่ค้าเรียกซื้อของกันฉ่ำ วันนั้นคืออิ่ม นั่งกินข้าว บัวลอยไส้ถั่วดำ เฉาก๋วยเย็นๆ เดินกินทั้งน้ำ ไส้กรอกย่าง อิ่มโครตๆ เราหมดค่ากินไปประมาณ 400 บาท
จุดหมายที่ 7 : ปากคลองตลาด.....สีสันที่ไม่เคยหลับ
วิธีมาคลองตลาดของพวกเราใครได้ยินอาจจะช็อกนิดหน่อย เพราะเราสองคนเลือกที่จะเดินจากเยาวราชไปปากคลองตลาด ซึ่งเราเดินไปประมาณ 2 กิโลกว่า ใช้เวลาเดินไปเกือบ 40 นาที บอกเลยว่าของที่กินไปจากเยาวราชที่อยู่ในท้องแทบจะไม่เหลือเลยล่ะ เพราะความขี้งกของพวกเราทำให้เลือกที่จะเดินแทนนั่งรถไป ใครสนใจเดินแบบพวกเราก็ได้นะถือว่าออกกำลังกายน่ะน้าาาา กว่าเราจะถปลาากคลองก็เกือบ 20.00 น. เลยล่ะ
แต่สำหรับคนที่ไม่อยากเดินเหมือนพวกเรา ก็เลือกที่จะนั่งรถเมย์ 7ก หรือ 73 ไปได้ด้วย ราคาประหยัดด้วย ถ้าเพิ่มราคามาหน่อย เอาความสะดวกสบาย การนั่งรถตุ๊กๆหรือรถแท็กซี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ นั่งรถตุ๊กๆได้ชมบรรยายกาศด้วยแหละ สวยมากๆเลยล่ะจะบอกให้ เราเคยนั่งอยู่ครั้งนึง ใครสนใจก็อย่าลืมไปถ่ายรูปชมวิวกับน้องกันนะ
บอกเลยว่าปากคลองตลาดเป็นแหล่งตลาดขายส่งดอกไม้ที่ใหญ่และคึกคักที่สำคัญที่สุดในกรุงเทพฯ แถมที่นี่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเลยแหละ และเราก็ได้เดินเลือกซื้อดอกไม้ที่นี้เพื่อไปถ่ายรูปเช็คอิน อ้อเราจะบอกว่าพอมาถึงที่นี้ร้านดอกไม้เต็มไปหมดเลยล่ะ เราเลือกซื้อไม่ถูกเลยล่ะ แถมราคาถูกมากๆด้วย เราได้ซื้อดอกทานตะวันมาช่อนึงร้านจัดช่อมาให้สวยเลยนะ ราคาช่อละ 100 บาทเองคุ้มมากๆเลย ดอกไม้เหมาะกับการถือถ่ายรูปเก๋ๆสุดเลยล่ะ มีคนแล้วมีดอกไม้แล้ว จะพลาดที่นี่ไปไม่ได้ ถ้านั้นไปกันต่ออออ
ทีนี้พลาดไม่ได้กับ “สะพานพุทธ” สถานที่ถ่ายรูปสุดฮิตที่ห้ามพลาดเลย ถ้าอยากได้แสงสวยๆแนะนำว่าให้ไปถ่ายตอน 5-6 โมงแสงจะสวยมากๆเลยค้าบ แต่เราไปถึงตอนสองสามทุ่มแสงก็จะออกส้มๆหน่อย แต่ก็สวยเหมือนกันนะจะบอกให้ อย่าลืมไปถ่ายรูปกันเยอะๆน้าาาา
จุดหมายที่ 8 : ปิดทริปวันนี้....กลับบ้านไปนอนกันนน
กว่าเราจะถ่ายรูปเสร็จก็ 21.00 น. กว่าแล่ววว วิธีที่ใช้กลับรังสิตของเราไม่ยาก คือ มาทางไหนกลับทางนั้น คือ จากปากคลองพวกเราเลือกเดินกลับ พอถึงเยาวราชเราก็เลือกเดินไปต่อ เดินไปเรื่อยๆจนถึง ตลาดน้อย และก็ถึงสถานีหัวลำโพงซะที เราเดินเกือบชั่วโมงเลยนะ เกือบขึ้นรถไฟฟ้ากลับไม่ทันแน่ะ ถึงตอน 23.00 น. อะคิดดู เดินจนกล้ามขาจะขึ้น5555
ทีนี่ก็ซื้อตั๋วกลับไปแยกคปอ.เหมือนเดิม พอถึงแยกคปอ.เราเลือกที่จะนั่งรถเมย์กลับต่อ แต่รถเมย์ช่วงดันส่งเราถึงแค่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตอะสิ เราขี้เกียจรอรถแล้วไม่ไหวเหนื่อยโครตๆ แต่สนุกมากคุ้มมากกับที่ไป และเราเลือกที่จะโบกแท็กซี่กลับ หารกันก็ตกคนละ 50 บาทเอง
มาถึงช่วงสุดท้ายของทริปนี้กันแล้วนะ ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านข้อความยาวๆขนาดนี้ เราหวังว่าทุกคนคงเห็นมุมน่ารักๆของสถานที่นี่เหมือนกับเราแน่ๆ ขนาดกลับมาแล้ว แล้วเขียนออกมาให้ทุกคนฟัง เรายังยิ้มทุกครั้งที่เขียนถึงมันอยู่เลยอะ ฟินนนมากกกก และถ้าใครที่สนใจอยากไปเที่ยวตามสถานที่ที่เราลิสมา ก็อย่าลืมไปตามรอยกันเยอะๆน้าาาา แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้านะคะ
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่าเดินเดินทางทั้งหมด 296 บาท
- ค่าของกิน/อาหารทั้งหมด 400 บาท
- ค่าดอกไม้ 100 บาท
 
รวมพวกเราใช้เงินไปกับทริปนี้ประมาณ 800 บาท
#BU #TourPlaning #เที่ยวกันไหม
โฆษณา