21 ก.ย. เวลา 05:08 • ปรัชญา
เราคงต้องขออนุญาตเจ้าของกระทู้ ที่จะเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ภาพที่แนบประกอบก่อนนะคะ คือด้วยความที่เราเป็นคนที่มี sensing ที่ไวมาก เมื่อเราขยายภาพดุู ก็รู้สึกแปลกๆ กับเพดานและผนัง (บน ซ้ายมือ) และร่องรอยระหว่างภาพภิกษุ (จีวร) และฉากหลัง เราจึงนำภาพดังกล่าวไปขอความช่วยเหลือกับ AI ว่า "ช่วยวิเคราะห์ภาพนี้โดยละเอียดทุกมิติและมุมมอง ว่าเกิดจากการถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอล หรือกล้องฟิล์มทั่วไป หรือเป็นการแต่งภาพ หรือ AI Generate ภาพนี้ขึ้นมา" มันให้คำอธิบายได้ละเอียดยิบมากๆ แล้วมันก็สรุปว่า
ภาพนี้จึงน่าจะเกิดจากการตัดต่อ
1
ตัดกลับมาที่ประเด็นคำถาม มีผู้รู้ท่านตอบว่า "แม้พระวินัยไม่มีบัญญัติไว้ว่าห้ามพระภิกษุมีไว้เป็นของส่วนตัว แต่ถ้าพิจารณาตามมหาประเทศของพระวินัยที่ว่า "สิ่งใดไม่ได้บัญญัติไว้ว่าไม่ควร แต่สิ่งนั้นเข้ากับของที่ไม่ควร สิ่งนั้นก็ไม่สมควร" เพราะเป็นไปเพื่อการเพิ่มกิเลส สะสมของใช้มากมายไม่เป็นไปเพื่อการขัดเกลา"
1
โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือสื่อสาร
ในการทำธุรกิจสำหรับคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม
ส่วนบรรพชิตเป็นผู้สละอาคารบ้านเรือน
ละซึ่งกิจกรรมทางโลกแล้ว
ไม่มีความจำเป็นในการใช้เครื่องมือสื่อสาร
เพราะจะเป็นเครื่องกังวล เป็นภาระ และทำให้จิตไม่สงบ
1
โทรศัพท์มือถือเครื่องแรกของโลกคือ Motorola เกิดขึ้นในปีพ.ศ.1973 ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่เกิดมาลืมตาดูโลกเลยค่ะ รวมทั้งเราเอง และในประเทศไทย เกิดเทคโนโลยี 3G ในปี 2544 จากนั้นเป็นต้นมาพระธรรมยุตแทบทุกรูป ก็พกมือถือ!
เราจึงขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า
พระอรหันต์ที่แท้และมีจริง มีอยู่เพียงในครั้งพุทธกาล
ดังนั้นทุกคืน ที่เรากราบไหว้พระรัตนรัย
...เราจะน้อมจิตระลึกว่า...
......................................
พระพุทธ เราจะตั้งจิตน้อมบูชาพระพุทธเจ้า
พระธรรม เราจะตั้งจิตน้อมบูชาไตรลักษณ์ที่พุทธองค์ทรงสอน
พระสงฆ์ เราจะตั้งจิตน้อมบูชาพระอริยสงฆ์
(โสดาบัน, สกทาคามี, อนาคามี, อรหันต์)
" เฉพาะในครั้งพุทธกาลเท่านั้น "
.................................................
โฆษณา