21 ก.ย. เวลา 11:07 • การเมือง

ถนน F-16 ที่ชายแดน

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ช่วงนี้ชายแดนไทย-กัมพูชามีอะไรให้ติดตามอย่างไม่ขาดสาย เมื่อไม่กี่วันมานี้มีข่าวว่าพลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์
รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางไปที่พักสงฆ์วัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ จังหวัดอุบลราชธานี
เพื่อกราบนมัสการ และสนทนาธรรม กับหลวงตาสินทรัพย์ จรณธัมโม หรือ หลวงตาสิ้นคิด
การเดินทางไปพบหลวงตาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อขอบคุณท่านที่ได้มอบ
ปัจจัยเลี้ยงหมูกระทะให้กับทหารทุกท่านตามแนวชายแดน 200 ชุด นอกจากนี้ พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ ยังได้นำเสนอโครงการก่อสร้าง
ถนนส่งกำลังบำรุงตามแนวชายแดน และเล่า สถานการณ์ชายแดนที่เกิดขึ้นให้ท่านรับฟัง
สำหรับการสนับสนุนงบประมาณ
หลวงตาสินทรัพย์ ได้รับเป็นเจ้าภาพในการ ระดมทุน เพื่อหางบประมาณ 15 ล้านบาท
เพื่อสนับสนุนโครงการสร้างถนนตามภารกิจป้องกันชายแดนนี้ โดยถนนนี้จะสร้างขึ้นบริเวณช่องอานม้า
พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2
ความสำคัญของถนนนั้น หลวงตาได้เล็งเห็นถึง ความสำคัญของถนนเส้นยุทธศาสตร์ที่ต้องใช้ในการลำเลียงสรรพกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศหากมีสงครามเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว
หลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาว่าทหารไปขอเงินพระ หลวงตาได้ชี้แจงว่า "งบประมาณ 15 ล้านบาทนั้น เป็นเงินที่หลวงตา เสนอว่าจะระดมเงินให้เอง โดยทหารไม่ได้มา ขอ หลวงตาเต็มใจที่จะทำโครงการนี้ เพราะการสร้างถนนจะช่วยลดความลำบากของ ทหาร โดยเฉพาะในหน้าฝน และเมื่อการสู้รบจบลง ถนนดังกล่าวอาจเป็นประโยชน์ให้ประชาชนได้ใช้ต่อไปอีกเป็น 100-200 ปี ซึ่งถือว่าคุ้มค่า"
จากประสบการณ์เดิมของหลวงตาท่านให้สัมภาษณ์กับนักข่าวไทยรัฐทีวีว่า "หลวงตาเคย มอบเงินทำถนนชายแดนมาแล้วหลายเส้นทาง และหลายจังหวัด"
หลวงตาระบุเพิ่มเติมว่าเงินบริจาคที่ได้รับจะถูกนำไป ทำประโยชน์ทั้งหมด และท่านไม่เคยมีเงินติดค้างในบัญชี เนื่องจากท่านทำเล่มไว้ทุกปี ทั้งนี้ที่พักสงฆ์ของท่านไม่ใช่วัด
ยอกจากนี้มีการมอบของที่ระลึกเป็น
เหรียญที่ระลึกรูปหลวงตารุ่นแรกและรุ่นเดียว ให้กับ พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ ซึ่งเป็นเหรียญแบบเดียวกับที่ แม่ทัพกุ้ง พลโท บุญสิน พาดกลางได้รับไปก่อนหน้านี้
หลวงตาสินทรัพย์ จรณธัมโม
สำหรับชื่อถนนชายแดนตอนที่ผู้เขียนเขียนอยู่นี้มีความคิดว่าอยากให้ใช้ชื่อถนน F-16 ทำไมต้องชื่อนี้ ไม่เอาชื่ออื่นบ้างเหรอ อันที่จริงอยากให้กองทัพตั้งชื่อนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่เครื่องบินขับไล่แบบดังกล่าวที่มีบทบาทในการปกป้องอธิปไตยในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
การตั้งชื่อถนนเป็นชื่อเครื่องบินขับไล่โดยเฉพาะชื่อถนน F-16 เพียงสายเดียวอาจมีหลายฝ่ายเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร ผู้เขียนเข้าใจว่าหากถนนชายแดนใช้ชื่ออื่นที่ไม่ใช่ชื่ออาวุธยุทธโธปกรณ์หรือทหารที่เสียสละในสมรภูมินี้
ผู้เขียนก็ไม่ขัดความคิดของผู้ที่เสนอการตั้งชื่อถนนชายแดนสายต่างๆ เพราะประเทศนี้เปิดโอกาสให้ทุกท่านเสนอความคิดเห็นได้อย่างเสรี เอาเป็นว่าต่อไปนี้จะนำเสนอเรื่องราวของ F-16 กองทัพอากาศไทยที่มีบทบาทในปฏิบัติการรบจริง เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย และหยุดยั้งภัยคุกคามจากการโจมตีของกัมพูชา
การจัดหาเครื่องบินขับไล่ทั้ง 2 แบบเช่น F-16 และ Gripen เพื่อปกป้องน่านฟ้ารวมถึงอธิปไตยของประเทศนั้นคุ้มค่ากับภาษีทุกบาทที่เสียไป โดยเฉพาะเมื่อเครื่องบินเหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้ในการช่วยเหลือและสนับสนุนกองทัพบก โดยการเข้าโจมตีเป้าหมายที่ให้การสนับสนุนกองทัพกัมพูชาในการโจมตีฝั่งไทย ชาวไทยทุกท่านต่างเห็นพ้องต้องกันว่าการมีเครื่องบินเหล่านี้ถือว่าคุ้มค่า
F-16BM eMLU ฝูงบิน 403 กองบิน 4 ตาคลี
การปฏิบัติภารกิจที่หนักหน่วงของ F-16 เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สงครามระหว่างไทยกับกัมพูชา เหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่การใช้กำลังทางอากาศคือวันที่ 24 กรกฎาคมพ.ศ. 2568 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่กัมพูชาเริ่มสาดกระสุนใส่ฝั่งไทย
ชนวนเหตุมาจากการที่กัมพูชาได้ส่งทหารเข้ามายั่วยุและวางระเบิด ทำให้ทหารไทยเหยียบกับระเบิดไปถึง 2 ครั้งส่งผลให้การปะทะมีขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 24 กรกฎาคมพ.ศ.2568 การปะทะอย่างจริงจังจึงเริ่มขึ้น โดยกัมพูชาเป็นฝ่ายยิงกระสุนใส่ฝั่งไทยก่อน ซึ่งได้รับการยืนยันจากภาพถ่ายดาวเทียม
หลังจากการสู้รบภาคพื้นดิน กองทัพกัมพูชาได้ยิง BM-21 ใส่ทั้งทหารและประชาชน ทำให้กองทัพไทยตัดสินใจว่าจำเป็นต้องใช้อาวุธหนักเพื่อขจัดภัยคุกคามเหล่านี้ บัดนี้ภารกิจของกองทัพอากาศเริ่มต้นขึ้นแล้ว
มีการส่ง F-16 ขึ้นปฏิบัติการจากกองบิน 1 โคราช ภารกิจแรกของ F-16MLU จากกองบิน 4 ตาคลีและ F-16 จากกองบิน 1 โคราชคือการจับมือร่วมปฏิบัติการค้นหาที่ตั้งของ BM-21 หลังจากได้รับข่าวสารและใช้โดรนสอดแนมแล้ว ทางผู้ใหญ่ในกองทัพขอไม่เอยนามท่านได้มีการเปิดวอร์รูมและสั่งเครื่องบิน F-16 จำนวน 6 ลำขึ้นปฏิบัติภารกิจเพื่อสนับสนุนกองทัพบก
F-16 ฝูงบิน 103 กองบิน 1 โคราช
การส่งกำลังทางอากาศถือเป็น "พลังที่แท้จริง" ในการปกป้องดินแดน ในขณะที่กองทัพบกไทยมีจำนวนน้อยกว่าและมีเป้าหมายเพื่อป้องกันเท่านั้น ทำให้มีอาวุธและกำลังพลน้อยกว่าฝั่งกัมพูชา
F-16 ทั้ง 6 ลำนี้ได้รับการติดตั้งระเบิด 500 ปอนด์ (เป็นแบบธรรมดา) โดยแต่ละลำบรรทุกระเบิดรวม 6 ลูก มีที่ปีกซ้าย 3 ลูก ปีกขวา 3 ลูกคิดเป็นน้ำหนัก 3,000 ปอนด์ต่อลำ
ภารกิจต่อไปคือการโจมตีเป้าหมายที่เป็นที่ตั้งอาวุธหนักของกัมพูชา เช่น ปืนใหญ่ และ BM-21 เป้าหมายที่ถูกโจมตีคือ กองพลน้อยส่วนสนับสนุนที่ 8 และกองพลน้อยส่วนสนับสนุนที่ 9 ของกัมพูชา สภาพแวดล้อมของกัมพูชาเป็นเช่นไร จากข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงระบุว่ามีพื้นที่ได้เปรียบกว่า เช่น ที่ราบสูงที่ทหารไทยบุกยาก
นอกจากชัยภูมิที่กล่าวไปแล้วยังมีเรื่องสภาพอากาศ เนื่องจากในวันปฏิบัติการสภาพทัศนวิสัยไม่ดี มีฝนตก เมฆหมอกหนา และฟ้าปิด ทำให้เครื่องบิน F-16 ซึ่งบินในเพดานบินสูงประมาณ 20,000–30,000 ฟุตไม่สามารถมองเห็นพื้นดินได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม F-16 ใช้เป้าหมายที่ได้รับมอบหมายมา และหน่วย CCT ทำชี้เป้าจากภาคพื้นดิน สามารถใช้ของของกองทัพบกหรือกองทัพอากาศ เมื่อได้ทำการยืนยันเป้าหมายว่าพบแล้ว F-16 เราสามารถทำลายภัยคุกคามที่ส่งผลต่อกองทัพบกได้สำเร็จ
อาร์มครบรอบ 30 ปี  F-16 ฝูงบิน 403
แม้ว่าอาจจะมีการเบี่ยงเบนเล็กน้อย หลังจากนั้นมีการปฏิบัติการต่อเนื่องและการใช้อาวุธเพิ่มเติม หลังจากการโจมตีรอบแรกเสร็จสิ้น F-16 ได้บินกลับมาลงที่โคราชเพื่อเติมอาวุธและขึ้นไปปฏิบัติภารกิจอีกครั้งในวันเดียวกัน และยังคงมีการส่ง F-16 เข้าไปปฏิบัติการในเวลากลางคืน
นอกจากนี้มีเครื่องบิน Gripen ก็ได้เข้าร่วมเสริมทัพในภารกิจ และในวันถัดมา F-16 และ Gripen ทั้งสามฝูงบินทพยานขึ้นจากโคราชไปปฏิบัติการร่วมกัน นี่ถือเป็นครั้งแรกของ F-16 ไทยที่ได้เข้าร่วมการรบจริงเช่นนี้กับกัมพูชา
นอกจากระเบิด 500 ปอนด์ที่ใช้ในการโจมตีแล้วเครื่องบิน F-16 ยังได้ติดตั้งอาวุธอื่น ๆ เพื่อป้องกันตัวได้แก่ ขีปนาวุธ AIM-9M และ AMRAAM ซึ่งมีระยะยิงไกลกว่า AIM-9M นอกจากนี้ยังมีการใช้ระเบิด 500 ปอนด์ที่ติดตั้งชุดคิท KGGB ที่เราสั่งซื้อจากเกาหลีใต้ซึ่งเป็นชุดดัดแปลงเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการโจมตี
จากปฏิบัติการณ์นี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนอยากเห็นชื่อ "ถนน F-16" เกิดขึ้นไม่สายใดก็สายหนึ่งที่ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้จะเป็นถนนที่ใช้โดยกองทัพบกและประชาชน แต่มันก็อาจเป็นการแสดงให้เห็นว่าครั้งหนึ่งกองทัพไทยเคยใช้อาวุธอันทรงอานุภาพแบบนี้ในการป้องกันประเทศและเป็นการการันตีว่านี่คืออากาศยานที่คนไทยภาคภูมิใจ
แพนหางครบรอบ 30 ปี F-16 ฝูงบิน 403 กองบิน 4 ตาคลี
การปฏิบัติภารกิจของ F-16 และ Gripen ในการโจมตีครั้งนี้ ทำให้ไทยเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ ผู้บรรยายเน้นย้ำว่า การซื้อเครื่องบินรบมานั้นซื้อมาไม่ได้เสียเปล่าและซื้อมาไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่ได้ซื้อ ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของการมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยในการปกป้องประเทศ
หากมีการสูญเสียทหารเพิ่มอีก 1 นายจากทุ่นระเบิดหรือถูกซุ่มยิงจากฝีมือทหารกัมพูชา พวกเขาคงจะเจ็บหนักกว่าครั้งแรกเพราะ F-16 ไทยไม่เคยอ่อนข้อให้ผู้รุกรานง่ายๆ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
ชมรมจงอาง ชมรมจงอาง
Tum_2006_5
RTAF
Top News
Matichon
Tharit Lohapiyaphan
Thairath TV
LEELiFE-LEE เล่า
เรียบเรียงบทความ : นักรบชายแดน
โฆษณา