21 ก.ย. เวลา 16:41 • หนังสือ

แด่ทุกสถานที่ที่แตกสลาย

ช่วงแรกของการทำเพจ เราเคยเขียนถึงหนังสือเล่มหนึ่ง หนังสือที่ว่าด้วยเรื่องราวของมิตรภาพที่รั้วหนามก็ไม่อาจขวางกั้น หนังสือที่มีตอนจบที่แม้จะไม่เล่าออกมาตรงๆ แต่นักอ่านทุกคนก็สามารถเดาได้ไม่ยากว่าตัวละครต้องเผชิญชะตากรรมแบบไหน ทำให้มันกลายเป็นบทสรุปของเรื่องราวที่ชวนให้ช็อกมากที่สุด จนได้รับการกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง ใช่แล้ว หนังสือเล่มนั้นก็คือ "เด็กชายในชุดนอนลายทาง"
ผู้คนจำนวนไม่น้อยคงได้แต่สงสัยว่า ครอบครัวของตัวเอกในเรื่องนั้นจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร เมื่อลูกชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจต้องจากไปเพราะความเลวร้ายที่พวกเขาเห็นดีเห็นงงามด้วย #แด่ทุกสถานที่ที่แตกสลาย จึงเกิดขึ้นมาเพื่อตอบข้อสงสัยเหล่านั้น และแม้จะทิ้งเวลาห่างกันนับสิบปี แต่เนื้อหาของเล่มนี้ก็ยังคงน่าประทับใจไม่น้อยไปกว่าเล่มก่อนหน้าเลย ต้องขอบคุณ Words publishing ที่เอามาแปลให้คนไทยได้อ่านกัน ❤️
"เกรเทล เฟิร์นสบี" เป็นหญิงชราวัย 91 ปีที่ร่างกายแข็งแรงกระฉับกระเฉงและสมองยังแจ่มชัด ทว่าแม้จะอยู่ที่ลอนดอนมาหลายสิบปี เธอกลับไม่มีเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้เลยสักคน เพราะเรื่องราวในอดีตของเธอนั้นดำมืดเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดได้ เกรเทลต้องอยู่กับคำโกหกมากว่าค่อนชีวิต ต้องคอยปิดบังตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ ด้วยกลัวผลที่จะตามมาหากมีใครล่วงรู้ว่าเธอเป็นใคร
แต่แล้ววันหนึ่งก็มีครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามาอยู่ในห้องชั้นล่าง ประกอบไปด้วย "อเล็กซ์" สามีผู้มีอิทธิพลในวงการภาพยนตร์, "แมเดอลิน" ภรรยาสาวสุดสวยที่มักมีอาการเหม่อลอย และ "เฮนรี" เด็กชายวัย 9 ขวบผู้หลงใหลการผจญภัย ในระยะเวลาเกือบ 80 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่รบกวนจิตใจเกรเทลมากที่สุดจนเธอแทบทนไม่ได้ก็คือ เด็กผู้ชายที่เป็นเหมือนภาพสะท้อนของ "บรูโน" น้องชายที่จากไปก่อนวัยอันควรของเธอ และตอนนี้เฮนรีก็ได้ปลุกความทรงจำเก่าๆของเธอขึ้นมาอีกครั้ง
หนังสือจะเล่าสลับกันไประหว่างชีวิตของเกรเทลในปัจจุบัน กับชีวิตของเธอในช่วงหลังจบสงคราม นับตั้งแต่หลบหนีออกจากโปแลนด์ในวันที่เยอรมนีแพ้สงคราม พ่อของเธอถูกแขวนคอเพื่อชดใช้ความผิดของเขา แต่มันก็ยังไม่สาสมกับความเคียดแค้นของผู้คนที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปเพราะความโหดร้ายของสงคราม เกรเทลต้องใช้ชีวิตระหกระเหเร่ร่อนอยู่นานหลายปี เผชิญกับความเกลียดชังของคนทั้งโลกที่มีต่อสิ่งที่ครอบครัวเธอเป็นส่วนหนึ่งของมัน จนหลายครั้งก็ถึงกับหมดหวังในการมีชีวิตอยู่
เธอเชื่อจริง ๆ หรือว่าคนทั้งโลกที่ตกใจกับเรื่องนี้จะยอมปล่อยลูกที่เหลืออยู่คนเดียวของพ่อเธอให้พ้นจากความรับผิดชอบ
และถึงแม้จะอึดอัดคับข้องใจแค่ไหน ก็ไม่อาจเอ่ยปากพูดกับใครได้เลยสักคน เพราะอาจจะนำภัยมาสู่ตัวเองได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผู้คนทั่วโลกต่างก็ต้องการคนที่พวกเขาสามารถกล่าวโทษได้ คนที่พวกเขาสามารถสาดความโกรธเกรี้ยวไปหา เพื่อบรรเทาความเศร้าหรืออาจจะรวมถึงความรู้สึกผิดในใจของตนให้เบาบางลง แค่ใครสักคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ใครก็ได้ ต่อให้จะเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งก็ตาม
พวกเราเป็นอย่างที่เขาเรียกกันว่าบุคลผู้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง และพวกเขาก็จะหาทางลงความเห็นว่าเธอเองก็มีความผิดพอ ๆ กับพวกเราจนได้ ไม่ว่าเธอจะอายุน้อยแค่ไหนก็ตาม
เกรเทลต้องใช้ชีวิตอยู่ในวังวนแห่งความสับสนมาตลอดชีวิตของเธอ ใจหนึ่งเธอก็ปฏิเสธว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมในการสังหารหมู่ เธอแค่บังเอิญเกิดเป็นลูกของนายทหารระดับสูงที่มีหน้าที่ควบคุมค่ายกักกันที่แสนโหดร้ายแห่งนั้น แต่อีกใจเธอก็รู้ดีว่าเธอมีความผิดที่ไม่ได้พยายามทำอะไรเลยเพื่อจะหยุดสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมัวแต่เสวยสุขอยู่กับความมั่งคั่งของครอบครัวในขณะที่พ่อของเธอออกคำสั่งฆ่าคนนับหมื่นนับแสน
การที่ไม่ทำอะไรเลยคือการที่คุณทำทุกอย่าง การที่ไม่รับผิดชอบคือคุณต้องรับผิดชอบทั้งหมด
เราอาจจะไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอย่างนี้ เพราะเราไม่ใช่คนที่ต้องสูญเสียในเหตุการณ์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่มนุษย์กระทำต่อกันเป็นอันดับต้นๆ แต่เราก็เห็นได้ว่าแม้เกรเทลจะพยายามหลบหนีจากโทษทัณฑ์ของตัวเอง แต่เธอก็ไม่ได้ไม่รู้สึกรู้สากับความผิดที่พ่อของเธอก่อ บาปอย่างเดียวของเธอในตอนนั้นมีแค่การเพิกเฉยต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น และสวรรค์ก็ได้ลงโทษครอบครัวเธออย่างสาสมแล้วด้วยการพรากน้องชายผู้เป็นที่รักไปด้วยวิธีเดียวกันกับที่พ่อของเธอพรากพ่อ ลูกชาย พี่ชาย และน้องชายของผู้อื่น
ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน แผลเป็นแสนสวยที่เคิร์ทพูดถึงนั้นจะลากตัวฉันกลับไปยังที่แห่งนั้นได้เสมอ
นี่ยังไม่นับการที่เกรเทลไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้อีกเลยนับตั้งแต่สงครามจบลง เธอต้องทนทุกข์กับความรู้สึกผิดที่ตามหลอกหลอนทั้งยามหลับและยามตื่น ต้องหวาดระแวงผู้คนรอบตัวอยู่ตลอดเวลา ถูกปฏิเสธจากคนที่เธอรักเพียงเพราะสายเลือดของตัวเอง ทั้งหมดนี้ทำให้เรารู้สึกว่าเธอได้ชดใช้มามากพอแล้ว ถ้าเทียบกับการที่เธอไม่ได้ทำอะไรที่ควรทำในตอนนั้น โดยเฉพาะเมื่อมองกันตามความจริงแล้ว เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เด็กอายุ 12 จะไปหยุดความบ้าคลั่งที่แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังทำไม่ได้ได้ยังไงกันนะ
ในชีวิตนี้ฉันเป็นประจักษ์พยานรู้เห็นเรื่องราวทุกข์ทรมานมากเกินไปและไม่ได้เข้าไปช่วย ฉันจะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยแล้ว
การได้มาเจอกับเฮนรี เด็กชายวัย 9 ขวบที่มีอุปนิสัยคล้ายคลึงกับน้องชายของเธอ และเป็นเหยื่อของความรุนแรงไม่ต่างกับ "ชมูเอล" เด็กชาวยิวที่ถูกขังอยู่หลังรั้วนั้น จึงเป็นเสมือนโอกาสสุดท้ายในการไถ่บาปที่กัดกินใจเกรเทลมาตลอดชีวิตอันยาวนานของเธอ เพราะตอนนี้เธอตระหนักได้แล้วว่า เมื่อเรามีโอกาสที่จะหยุดความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อใครสักคน จงกล้าหาญให้มากพอที่จะหยุดมันให้ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วเราอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
ใครที่อ่านเด็กชายในชุดนอนลายทางแล้วชอบ เราว่าเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่คุณไม่ควรพลาด https://s.shopee.co.th/7KnlaBNdKI
โฆษณา