Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Mangkud's Note
•
ติดตาม
23 ก.ย. เวลา 04:03 • ยานยนต์
ช่วงที่ 1: บทนำ – ใช้ Aion Y Plus 410p มา 1 ปีแล้วเป็นยังไงบ้าง?
สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์การใช้รถไฟฟ้าในชีวิตประจำวันมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้แบ่งปันความรู้ ความเข้าใจ เรื่องการใช้งานรถไฟฟ้าให้มากขึ้น กับการขับขี่ของรถ Aion 410p ครับ
.
หลังจากใช้รถมา 1 ปี ก็มีทั้งปัญหา และ การแก้ไขเฉพาะหน้าต่างๆมากมาย ถ้าให้เล่าทั้งหมดใน 1 ปี ว่าใช้ไปแล้วเป็นอย่างไร ผมคิดว่าอาจจะออกทะเลไปซะด้วยซ้ำ ผมเลยจะขอยกช่วงเวลาของวันที่ 24 มิ.ย 2025 แทนหละกันครับ
.
การเดินทางที่แสนยาวนาน แม้มันจะเป็นช่วงเวลาที่สั้นสำหรับใครหลายๆคน แต่ถ้าได้ลองนั่งรถติดๆ อากาศร้อนๆ หลงแล้วหลงอีก เป็นใครก็บอกว่านานกันทั้งนั้นแหละครับ วันนั้นผมเดินทางจาก กิ่งแก้ว - สุขุมวิท - วัดไทรใหญ่ - กิ่งแก้ว ระยะทางรวมประมาณ 161 กม. ช่วงเวลาตั้งแต่ 11.00-19.00 การการใช้พลังงาน 17.22 kWh เท่านั้น!
.
แล้วถามว่า ค่าไฟเท่าไหร่?
ถ้าใช้ค่าไฟบ้านทั่วไปที่ประมาณ 4 บาทต่อหน่วย (kWh)
17.22 kWh x 4 = 68.88 บาท
เท่ากับว่า วิ่งไปทั้งหมด 161 กม.
ใช้ไฟ 17.22 หน่วย (kWh) หรือคิดเป็นเงิน 68.88 บาท
ถ้าหารเฉลี่ยออกมา
68.88 ÷ 161 = 0.428 บาทต่อกิโลเมตร
หรือพูดง่าย ๆ คือ
ขับรถ 10 กม. ใช้ไฟแค่ประมาณ 4.28 บาทเท่านั้น
.
ทั้งนี้ ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการขับขี่ด้วยนะครับ แต่สำหรับผมแล้ว ผมใช้โหมด ECO สลับกับ I-padel regen higt ครับ ไม่ใช่คนขับเร็ว และ ในระหว่างการขับขี่ ก็เป็นช่วงรถติด รถไหล สลับกับ รถเคลื่อนที่คล่องตัวครับ
.
ผมคิดว่าตั้งแต่ขับรถมานี่ วันนั้นเป็นการขับที่ประหยัดที่สุด เท่าที่เคยขับมาเลยขับครับ 0.48 kWh สำหรับไฟบ้านปกติทั่วไปนะครับ ไม่ใช่ TOU หรือ ชาร์จ DC แบบ Super change นะครับ เลยคุมให้ราคาอยู่ที่ประมาณนี้ได้
.
ไหนๆก็เขียนเรื่องความประหยัดจบแล้ว บทความยังไม่ยาวสักเท่าไหร่ ผู้อ่านน่าจะยังอ่านกันไหว งั้นผมก็ขอพูดเรื่องข้อดีต่อไปเลยแล้วกันครับ กับเรื่องขนาดของตัวรถ
.
ช่วงที่ 2: บรรทุกก็เก่ง คนนั่งก็อัดได้เยอะ
-เคยใส่ โต๊ะเล็กๆ ผอมๆ สั่งจาก shopee 2 ตัว ไม่ถอดขา ถอดแต่ลิ้นชัก ก็ยัดเข้าไปในรถได้
-เคยใส่ บันได สูงประมาณ 180-200m ก็ใส่มาแล้ว
-เคยมีคนนั่ง 8 คน ก็ไปมาแล้ว
.
ก็เอาเป็นว่ามันใหญ่มากพอจะใช้ประโยชน์จากรถคันนี้ได้คุ้มค่า กับ ที่ซื้อมาในราคา 859,000.- หละกันครับ แม้ปัจจุบันมันจะเหลือ 769,000.- แล้วก็ตาม ก็มองข้ามมันไปครับ ว่าถ้าเราไม่ซื้อตอนนั้น เราก็อาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์แบบนี้ก็ได้ครับ และเชื่อว่า คนที่อ่านมาจนถึงช่วงที่ 2 แล้วนั้น ต้องมีคนที่เคยซื้อตั้งแต่ราคาเปิดตัวแน่ๆ เพราะทุกๆคนล้วนมีเหตุผลที่ต้องใช้ ต้องซื้อรถกันแล้วทั้งนั้นแหละครับ ผมเชื่อว่าพี่ๆน้องๆ ก็มองแบบเดียวกัน มองข้ามไปแหละ เราใช้ประโยชน์ของมันได้คุ้มค่าแล้วจริงๆ ใช่หละครับ
.
ระยะทาง 1 ปีของผม อยู่ที่ประมาณ 29,xxx km. ครับ ไม่ได้งานหนักมาก ไม่ได้เดินทางไกลบ่อยๆ ออกต่างจังหวัดไกลๆ แค่ 1 ครั้งเท่านั้นครับ ในปีที่ผ่านมา ทำให้การใช้งานรถไฟฟ้าประจำวัน นั้น อยู่แต่ กิ่งแก้ว - สุขุมวิท หรือบางครั้งก็ออกไปไกลหน่อยๆ อย่างสมุทรปราการ นนทบุรี ครับ แล้วก็ไกลเลยก็ขอนแก่น 1 ครั้ง นอกนั้นก็ยังไม่ได้ไปไหนมาก เพราะงานของผมค่อนไปทางในเมืองเป็นหลักครับ
.
ช่วงที่ 3: Mode การขับขี่ของ Aion Y plus
เรามาต่อกันที่โหมดการขับขี่ของ Aion Y plus กันครับ โดยการขับขี่ของรถคันนี้จะมีโหมดที่แตกต่างออกไปจากรถน้ำมันโดยสิ้นเชิงครับ ถ้าผู้อ่านท่านใด กำลังตัดสินใจอยากจะใช้รถไฟฟ้าสักคัน ยิ่งถ้าเป็นรถ Aion แล้วหละก็ ก็สามารถอ่านบทความนี้ เพื่อเป็นตัวตัดสินใจการเลือกรถไฟฟ้าได้ไม่ยากเลยครับ
.
Mode : ECO, Normal, Sport, I-padel, + Regen higth/Regen low
.
เริ่มต้นที่โหมด ECO Regen low ก่อนเลยครับ การขับขี่จะให้ฟิลลิ่งแบบรถน้ำมันมากที่สุด หมายถึงการแตะคันเร่ง แล้ว รถค่อยๆเคลื่อนไปข้างหน้า ชนิดที่เรียกว่า กำลังเดินเครื่องอยู่นะ ไม่พุ่ง ไม่ปรู้ดปร้าด ไม่กระชากแม้จะคิกดาวน์แล้วก็ตาม เป็นโหมดที่ขับทางไกลได้ชิว แบบ ชิวมากๆครับ ชิวในที่นี่คือ 80-90 นะ สบายๆ ขับเพลินๆครับ แต่ถ้าใครรู้สึกว่าไม่ค่อยโดน อยากได้แบบพุ่งขึ้นอีกนิด แนะนำ Mode Normal, Sport เลยครับ
.
Mode Normal Regen low ต้องบอกก่อนเลยว่า ใครที่เคยสัมผัสครั้งแรก ครั้งแรกแบบครั้งแรกจริงๆ จะสะดุ้งนิดนึง เพราะมันก้าวขึ้นมาจาก ECO มากๆ แตะปุ๊ป ออกตัวปั๊ป คิกดาวน์หน้าไฟแดง คือที่ 1 เลยครับ ต่อให้คันข้างๆ ไหลมาจนไฟเพิ่งเขียว ก็สู้ คิกดาวน์ได้ยากครับ มีสูสีคู่คี่กันบ้าง ตามแรงโน้มถ่วงของคันที่ไหลมาก่อนน่ะครับ
ส่วนอัตตราการบริโภคก็อยู่ที่ประมาณ 12 kWh ขึ้นอยู่กับการขับขี่ครับ ถ้า ECO จะอยู่ที่ 11 kWh ครับ ยิ่งตัวเลขน้อย ยิ่งประหยัดครับ เหมาะกับการขับขี่ทั่วไป ใช้ในเมืองบ้าง ออกต่างจังหวัดบ้าง คิกดาวน์ ชอบสปีดเยอะๆ แต่ไม่กระชากมาก ก็ Normal ไปเลยครับ และสุดท้ายของโหมดการขับขี่ทั่วไป คือ Mode Sport ครับ
.
Mode Sport Regen low (ไม่สามารถเปลี่ยนมาเป็น regen higth ได้ครับ) ใครที่ชื่นชอบในความเร็ว แต่ทรงรถยังเป็นแบบพ่อบ้านอยู่ ก็สามารถหยิบโหมดกระชากใจ ความเร็วต้นไม่มีใครเทียบได้ ถ้าเทียบกับรถไฟฟ้าบ้านๆด้วยกันนะ แต่ถ้าเป็น Tesla, Lotus, BMW หรือ รถที่เกิดมาเพื่อการขับเร็วนี่ ยังไงก็สู้ไม่ได้ครับ แพ้ตั้งแต่แรงต้านแล้วครับ แต่ถ้าเพื่อนๆ ไม่ได้ติดว่าจะเหนือคู่แข่ง ขอแค่ฟิลลิ่งขับขี่แบบปรู้ดปร้าด ที่หนึ่งหน้าไฟแดงแล้วหละก็ ขอแนะนำจริงๆครับ แตะปุ๊ป หายครับ! ใจคนนั่งหลังนี่หายไปอยู่ตาตุ่มเลยครับ
มันกระชากแบบเฮ้ยเฮีย อั๋วไม่ได้รีบ ประมาณนั้นได้ครับเพื่อนๆ Mode Sport นี่ สัมพัสของคันเร่ง ถือว่าเร็วที่สุดใน 3 Mode ที่กล่าวมาเลยครับ พูดง่ายคือ อัตราการเร่ง คือตัวแบ่ง Mode นั่นเองครับ ECO เร่งอืด Normal ทันใจ Sport จิตหลุดเลยครับ อัตตราการบริโภคของ Sport จะอยู่ที่ประมาณ 13 kWh ครับ
.
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเพื่อนๆด้วย ครับว่า จะขับโหมดไหน ชอบการขับขี่แบบไหน แม้คนที่ชอบ Sport แต่สามารถขับประหยัดได้ 11 kWh ก็ทำได้นะครับ ขึ้นอยู่กับการขับขี่ของเพื่อนๆ เลยครับ มาจนถึงตรงนี้ เพื่อนๆก็เข้าใจการขับขี่แบบ Regen low กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ เรามาพูดถึงตัว Regen hight กันบ้างก่อนที่จะข้ามไปที่โหมด i-padel ครับ
.
Mode Regen higt คือการให้รถของเราแทบไม่มีการเว้นวรรคการปล่อยให้รถไหลนั่นเองครับ เพื่อนๆน่าจะนึกภาพออก ว่าถ้าเราขับไปเรื่อยๆ แล้วยกคันเร่ง รถก็จะปล่อยไหลไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกใช่ไหมครับ และนั่นแหละ Regen hight คือตัวที่จะเอาแรงโน้มถ่วงนั้นให้กลายเป็นแรงดึง หรือพูดแบบบ้านๆ ก็คือมันชะลอจนเบรกให้ลงมาถึงระดับความเร็วที่ 15km. นั่นเองครับ ถามว่า ทำไมมันถึงทำแบบนั้น และทำแบบนั้นไปทำไม
.
คำตอบของการดึงกลับคือรถของเราได้นำการขับเคลื่อนแปลเปลี่ยนไปเป็นพลังงานไฟฟ้า เข้าแบต เปรียบเสมือนการชาร์จรถระยะสั้นนั่นเองครับ ถ้าเพื่อนๆยังไม่เคยลองขับ อาจจะต้องทำความเข้าใจ และ ศึกษาการดึงกลับของตัวรถด้วยนะครับ เพราะเหตุนี้ มันเลยมีอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนท้ายของรถไฟฟ้าค่อนข้างเยอะ ไม่ใช่เกิดจากตัวรถแต่อย่างเดียว เกิดจากการเหม่อลอยของรถคันข้างหลังที่มาชน ซึ่งเขาจิตนาการว่าไฟเบรกยังไม่ขึ้น ยังไม่ต้องเหยียบเบรก แต่ผิดถนัดครับ
ถ้าเราปล่อย Regen hight แบบค่อยๆปล่อยแบบเนียนๆนั้น ไฟเบรกไม่ขึ้นนะครับเพื่อนๆ อันนี้ต้องระวังจริงๆ ผมใช้เทคนิคนี้กับพวกที่ชอบจี้ตูดครับ เจอ Regen hight เนียนๆไป ถอยห่างออกไปเลยครับเพื่อนๆ ลองไปศึกษาดูนะครับ Regen hight บน ECO กับ Normal จะมีการการดึง ที่แตกต่างกันออกไปครับ ขึ้นอยู่กับการขับขี่ของแต่ละคนด้วยนะครับ
.
Mode i-padel Regeh hight โหมดสุดท้าย ที่จะพูดถึงนะครับ เป็น Mode ที่ผมใช้บ่อยมากๆ ยิ่งอยู่ในเมือง หรือ รถติดๆ แยกไฟแดง ทางลงเนินบ้าง ถือว่าเป็น Mode ที่อยู่บนคันเร่งอย่างเดียว ไม่ต้องเบี่ยงไปทางเบรกเลยครับ ถ้าความเร็วไม่แตะ 15km. นะ
.
ขยายความก่อนว่า Mode i-padel นี่ มีมาตั้งแต่ Nissan Kick เลยนะครับ Tesla ก็มี รวมไปถึง good cat, BMW, Xpeng ก็มีเช่นเดียวกันครับ ถ้าเพื่อนๆลองหาดูตามเพจต่างๆ ก็จะพบครับว่ามีหลายแบรนด์เหมือนกัน ที่นำระบบ i-padel มาใช้กับตัวรถ เพียงแต่ชื่อที่ใช้อาจจะแตกต่างกันออกไปครับ ส่วนการขับขี่นั้น ผมจะขอพูดถึง i-padel regen hight ของ Aion Y อย่างเดียวนะครับ (ไม่ได้ถูดถึง Regen low)
.
I-padel regen hight คืออะไร ถ้าพูดแบบบ้านๆ ก็คือเหยียบคันเร่งคือเร่ง ปล่อยคันเร่งคือเบรกนั่นแหละครับ แต่ไม่ได้เบรกจนถึงจุดหยุดนิ่งนะ หยุดถึงแค่ประมาณ 13-15 km. นี่หละ ไม่เคยมานั่งเช็คเป๊ะๆครับ ว่ามันหยุดถึงตรงไหนกันแน่ แต่มันคือระบบ ที่ทำให้เราไม่ต้องสลับเท้ามาที่แป้นเบรกเลยก็ว่าได้ ถ้าในเมืองนี่คือระบบที่เวิร์คมาก เวิร์คมากจริงๆ เวิร์คจนปวดหลังกันไป
แทบนึงเลยครับ เพราะมันแช่อยู่แต่ท่าเดิมๆ ท่าเดิมๆจริงๆครับ เดิมๆจนปวดหลังเลยผมเนี่ย
.
เพื่อนๆเป็นกันบ้างไหมครับ อาการปวดหลังจาก i-padel regen hight เนี่ย
แต่ถามว่ามันมีข้อดียังไง ก็คือไม่ต้องสลับมาที่แป้นเบรกบ่อยๆ นั้นแหละครับ ข้อดี ยิ่งตอนเข้าโค้ง หรือ วิ่งมาจนถึงโค้งยูเทิร์น ที่มีฟิลลิ่งแบบ ไปด้วยๆ ไม่อยากหยุดตรงยูเทิร์น แต่ถ้ามาด้วยความเร็ว ก็ต้องเบรกแหละ ไม่งั้นมีเหวี่ยงแน่นอน (คนข้างๆน่ะครับ) แต่กับ I-padel regen hight ไม่เกิดขึ้นแน่นอน
เพราะมันเบรกให้ตอนที่กำลังเข้าโค้ง เท่ากับว่า เข้าโค้งได้เนียนมากๆ เนียนจนโอ้ว นี่ยางเดิมนะเนี่ย ถ้าเปลี่ยนยาง น่าจะโค้งได้มันกว่านี้แน่ ผมว่า แต่ยังไม่ได้เปลี่ยน รอเปลี่ยนก่อน จะมารีวิวอีกครั้งกับการขับขี่ยางใหม่ครับ
.
พูดถึงเรื่องดีๆของรถคันนี้กันไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเพื่อน อ่านมาจนถึงตรงนี้ได้ ต้องใช้เวลาไปเท่าไหร่แล้ว ก็ขอบคุณมากๆครับ ที่อ่านมาจนถึงข้อเสียของรถคันนี้บ้าง
ช่วงที่ 4: ข้อเสียของ Aion Y plus
ข้อเสียอย่างแรก เรื่องหน้าตา และ รูปทรง ที่ไม่ได้ออกไปทางสปอร์ตเลยแม้แต่นิด ทรงแบบ บ้านในบ้าน ที่สามารถ ยัดของเข้าไปให้เป็นที่หลับนอนเหมือนบ้านได้นั่งเองครับ เอ๊ะ นี่พูดถึงข้อเสียใช่ไหมเนี่ย ก็นั่นแหละครับ เรื่องหน้าตานี่ ขึ้นกับเพื่อนๆเลยครับ จะบอกว่าเป็นข้อเสียเรื่องไม่สปอร์ตก็ว่าได้ครับ
.
เรื่องศูนย์บริการ และ อะไหล่ของ Aion ที่มีชื่อเสียงจากค่ายเพื่อนบ้าน ว่ารอนานบ้าง บริษัทล้มละลายบ้าง สาระพัดข่าวที่เกิดขึ้น และต้องเป็นแบรนด์จีนด้วยนั่นแหละ ก็ไม่แปลก ที่เพื่อนๆ หลายๆคน ที่ยังไม่กล้าขับรถไฟฟ้าจากจีนเพราะด้วยเรื่องอะไหล่ส่วนหนึ่งด้วยครับ น้องเขยผมคนนึงหละ ไม่เปิดใจแน่นอน พ่อผมก็คนนึง ไม่ไว้ใจด้วยหละ โน่น นี่ นั่น ก็ไม่แปลกครับ เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคลจริงๆครับ แต่เรามาโฟกัสคนที่เบนเข็มมาทางรถไฟฟ้ากันดีกว่าครับ ว่าศูนย์บริการ และ อะไหล่ของทาง Aion เป็นอย่างไรบ้าง
.
จากที่ขับรถมา 1 ปี อยู่ในกลุ่มตั้งแต่ราคา 1 ล้าน ก็จะเห็นศูนย์บริการ และ ผู้บริหารจากจีน ที่ดูแลฝั่งเอเชีย แวะมาดูความเป็นอยู่ของโรงงาน ของศูนย์บริการอยู่เป็นระยะๆ รวมไปถึงการจัดรางวัลต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขายในแต่ละศูนย์ ในแต่ละจังหวัด เพื่อการเข้าถึงของลูกค้าให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ก็ขอชื่นชน ทุกๆศูนย์บริการในประเทศไทย ที่พยายามทำให้ลูกค้าได้เกิดความประทับใจ จนบอกต่อ ทั้งกรุงเทพ ปริมณฑล รวมไปถึงต่างจังหวัดทั่วประเทศไทย
จะเห็นได้ว่า มีความพร้อมในเรื่องของศูนย์บริการจริงๆครับ โดยเฉพาะเรื่องอะไหล่ รอไม่นานครับ ซึ่งนี่ก็เป็นทั้งข้อดี และ ข้อเสีย ขึ้นอยู่แต่กับศูนย์บริการเลยครับ
.
ถ้าเพื่อนสิงอยู่ในกลุ่ม ก็จะพบกับเฮียคนนึง เขาเป็นคนนึงที่ ทุ่มเทกับการดูแลลูกค้ามากๆ และ ไม่แปลกใจว่าทำไมต้องออกรถที่นี่ ซ่อมที่นี่ หรือแม้แต่ เช็คระยะที่นี่ เพราะแกโปรโมทผ่านในกลุ่มบ่อยๆ เนื่องจากแกเป็นเจ้าของเองแหละ การโปรโมทเลยทำได้เต็มที่ ไม่ต้องผ่านการตลาด ไม่ต้องมีหัวหน้า อยากโพสอะไร ตัดสินใจเองเลย นั่นก็เป็นอีกหนึ่งข้อดีของการเป็นเจ้าของศูนย์บริการ ที่โปรโมทเองได้เต็มที่ครับ
เลยทำให้เห็นเฮียแกอยู่บ่อยๆ ส่วนศูนย์อื่นเขาก็มีวิธีการโปรโมทของเขา ที่แตกต่างกันออกไป แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความเชื่อใจของผู้บริโภค คือสิ่งที่หาซื้อไม่ได้ครับ การดูแลของศูนย์บริการเองต่างหาก ที่จะเรียกลูกค้าได้ ไม่ว่าจะที่ไหน จังหวัดไหน ก็ทำได้ดีเช่นกันครับ ผมคนนึง ที่เห็นเฮียแกบ่อยมากๆ แต่ ไปเช็คระยะใกล้บ้าน ออกศูนย์ใกล้ที่ทำงาน เคลมศูนย์จังหวัดใกล้ๆ ไม่ได้ไปหาแกสักที คิดอยู่ว่าสักวัน ต้องได้ถ่ายรูปกับแก
และอยากได้ความรู้เรื่องการบริการลูกค้าด้วยใจจริง เพราะผมก็ทำงานด้านบริการคุณลูกค้าเหมือนกันครับ มันสำคัญมาก เรื่องการทำให้ลูกค้าประทับใจครับ ถ้าเฮียแกอ่านมาจนถึงตรงนี้นี่ กราบขอบพระคุณที่เฮียอ่านมาจนถึงนี้เลยครับ เพราะมันยาวพอสมควรเลยครับ รวมถึงเพื่อนๆ ที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ด้วย ขอบพระคุณมากๆครับ
.
ใน 1 ปีที่ผ่านมา ผมเคลมกระจกหน้ารถไป 1 ครั้งครับ ใช้เวลา 1 เดือนพอดี แต่ถ้าไปหาเฮียแก ผมเชื่อว่า 1 วันเสร็จครับ เพราะช่วงนั้นยังไม่ค่อยยุ่งมากเท่าตอนนี้ครับ เหตุผลที่ไม่เลือกไปหาเฮีย เพราะแถวบ้านผมก็มีครับ และ เคลมกระจกที่ว่า คือหินดีดครับ แต่ดีดฝั่งคนนั่งนะ และ เล็กกว่าเหรียญบาทซะอีก เลยขอไปใกล้ๆบ้านหละกัน ตอนแรก ไปร้านกระจกเพราะเห็นว่าประกันทำได้ ก็ไปยื่นเรื่อง ทำเรื่อง 1 อาทิตย์
ปรากฏว่า โดนรีเจคออกครับ ต้องทำที่ศูนย์เท่านั้น ผมก็เอิ่ม แฟลไปหนึ่ง แล้วไงหละทีนี้ ไปหาเฮียแกแต่แรกจบแล้ว แต่ก็ทำใจครับ ไปแถวบ้านหละกัน เพราะต้องวิ่งไปโน่น ไปนี่ ไปนั่นตลอด เปลี่ยนกระจก 1 วันเสร็จ ถ้ามีของนะ ก็ไปศูนย์ใกล้บ้าน แต่ไปทำในค่ายญี่ปุ่นนะ เพราะ โกดังใหญ่เขาอยู่ที่นั่น Aion ของเราเป็นหนึ่งในโปรดักส์ของเขาแหละ ก็ต้องทำเรื่องโน่นนี่นั่น กว่าจะลงตัวก็โน่น 3 อาทิตย์ผ่านไป ได้เคลมซะที 1 วันเสร็จจบก่อนเที่ยง ไปทำงานต่อ ไม่ได้รอนานอย่างที่คนอื่นๆคาดการณ์ไว้เลยครับ
.
ไม่รู้ว่าที่บอกไปนี่ เป็นข้อดีหรือข้อเสียนะ เพราะทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับศูนย์ใกล้บ้านของเพื่อนๆด้วยหละครับ ว่าจะมีของไหม จะรอนานไหม ก็ขึ้นอยู่กับศูนย์บริการจริงๆครับ
.
ข้อเสียอย่างสุดท้ายที่จะพูดถึง เท่าที่นึกออกแล้วนะครับ นะตอนนี้ ถ้าเพื่อนๆ พบข้อเสียเรื่องอื่นๆของ Aion หรือ อยากจะเพิ่มเติมข้อดี ก็พิมพ์มาบอก มาแชร์กันได้นะครับ ยินดีรับฟัง เพื่อให้เพื่อนๆที่กำลังศึกษาดูรถไฟฟ้าของเราอยู่ ได้ตัดสินใจมาขับ Aion กันมากขึ้นครับ
.
เนื่องจากว่ารถของเรา ฐานล้อค่อนข้างกว้าง ทำให้ช่วงล่างไม่ค่อยโยน ออกไปทางแน่น หนึบด้วยซ้ำ และนั่นแหละ คือข้อเสีย เรื่องการเข้าโค้ง การจอดเข้าซอง การมุดเข้าซอย ซึ่งต้องบอกว่า มันกว้างงงงงงง มากกกกก ถอยยังไงก็ไม่พ้นครับ ต้องเขยิบแล้วเขยิบอีก เหมือนไม่ใช่ B-sagment เลย ฐานล้อนี่ออกไปทาง C-sagment เลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าบอกว่า Aion คือ C-sagment นี่ มันจะไปชนกับ Aion V เกินไปครับ มันจะทำให้ผู้บริโภคสับสนได้ครับ
.
อ่านมาจนถึงตรงนี้ได้ เพื่อนๆคือตั้งใจอ่านมากๆเลยนะครับ เพราะมันยาววววว แบบบ ยาววววจริงๆครับ และนี่คือ รีวิวของผมกับรถ Aion Y plus 410 ครับ ที่ใช้เอง ขับเอง ไม่ได้มีใครจ้างแต่อย่างใดครับ
.
ขอบคุณเพื่อนๆที่อ่านจนจบนะครับ ขอบคุณครับ
จีน
ยานยนต์
car
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย