23 ก.ย. เวลา 04:37 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

เดชอสูร ขันแก้วนพเก้า: ละครพื้นบ้านสะท้อนอำนาจสตรี

เดชอสูร ขันแก้วนพเก้าละครเรื่องนี้เป็นละครพื้นบ้านฟอร์มยักษ์ ผลิตโดยค่ายสามเศียร ทำให้ผู้เขียนกลับมาดูละครพื้นบ้านอีกครั้งในรอบสิบปี ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางค่ายไม่เคยทำมาก่อน แบ่งเป็นสองภาคคือภาคสวรรค์ และภาคมนุษย์
ภาคสวรรค์
เป็นเรื่องราวที่เริ่มต้นจากพระอินทร์ ได้มอบอัญมณีทั้งเก้าให้แก่พระธิดารัตนชาติ (ผุ้คุมความสมดุล)ดูแล อันได้แก่ เพทาย มุกดา มรกต นิลกาล ไพฑูรย์ มณีแดง โกเมน บุษราคัม และ เพชรรัตน์ หน้าที่ของอัญมณีทั้ง9 และพระธิดารัตนชาติคือการดูแลน้ำอมฤต
แต่แล้วสวรรค์ก็วุ่นวาย เมื่อเทพขันดินได้ขโมยเพชรจากโซนต้องห้ามมาใส่ที่หัวแหวนเพื่อมอบให้กับทางฟ้าเนตรมุนี คนรักของเขา การกระทำของเขาส่งผลให้โยคีดำ ตื่นขึ้นจากการจองจำ และออกอาลวาดทำให้เหล่าเทพอัญมณีต้องช่วยกันปราบ ส่วนเทพขันดินตัวต้นเรื่องก็ถูกลงโทษให้เป็นอสูรหน้าตาอัปลักษณ์มีหน้าที่ล้างเท้าเหล่าเทดา นางฟ้าที่มาเข้าเฝ้า เขาต้องทนถูกเหล่าเทวดานางฟ้าบูลี่อีกทั้งยังถูกคนที่รักเมิน
ทำให้สำนึกผิด จึงเข้าเฝ้าพระอินทร์ พระอินทร์จึงดลบันดาลให้เขากลับไปหล่อเหมือนเดิม และเปลี่ยนขันดิน ให้เป็นขันแก้ว หลังจากเรื่องวุ่นๆบนสวรรค์จบลง ก็มีการส่งเทวดา นางฟ้า ไปจุติยังโลกมนุษย์
ภาคมนุษย์
เป็นภาคที่เทพเทวดาลงไปจุติตามเมืองต่างๆ เมื่อโยคีดำทราบว่าเมืองใดให้กำเนิดทารกก็จะเข้าไปทำลาย เช่นสุริยะเทพถูกโยคีดำนำไปเลี้ยง สองพี่น้องขันแก้วและนพเก้าต้องพัดพรากจากกัน ขันแก้วถูกเลี้ยงดูโดยครอบครัวของลิง ส่วนนพเก้าอยู่ที่เมืองไพบูลย์ โดยมีพระโอรสศรีวิชัยเป็นเพื่อน
แต่สิ่งทีไม่คาดคิดที่สุดก็คือเทพวารินทร์ ที่กลายเป็นอสูรเฝ้าขัน คาเรคเตอร์นี้คล้ายกับยักษ์จินี่ในอาละดิน (ไม่รู้ว่าพระเอกจะต้องถูกขันก่อนหรือไม่ อิอิ) ภาคสวรรค์ที่ว่ามันส์แล้ว ภาคมนุษย์ก็มันส์ไม่แพ้กัน
วิเคราะห์เรื่อง
ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นำจุดเด่นของวรรณคดีไทยแต่ละเรื่องมารวมกัน การเปลี่ยนร่างของพระธิดานพเก้าก็คล้ายกับละครเกราะเพชรเจ็ดสีและเกราะกายสิทธิ์ แต่ไม่ทราบว่าจะมีเงื่อนไขอะไรที่ทำให้นางเอกสามารถแยกร่างได้อย่างเหมือนละครตระกูลเกราะฯหรือไม่ เพราะในเรื่องเกราะกายสิทธิ์ พระเอกสามารถแยกร่างได้ทั้งแบบถาวรและไม่ถาวร สำหรับการแยกร่างของนางเอกในเรื่องนี้จะมีหรือไม่ หรือแค่เปลี่ยนร่างได้ เท่านั้น
ส่วนการลงโทษเทพขันดินนั้นทำให้นึกถึงวรรณคดีเรื่อง รามเกียรติ์ตอนนารายณ์ปราบนนทก และขวานฟ้าหน้าดำ เหตุผลที่ผู้เขียนนึกถึงสองเรื่องนี้เพราะว่าตัวเอกเรื่องนี้ทำหน้าที่ล้างเท้าเทวดา ก่อนเข้าเฝ้าเทพระดับสูงและถูกกลั่นแกล้งจากเทพองค์อื่น แต่ต่างกันตรงที่ขันดินไม่ได้ขออาวุธวิเศษไปทำร้ายผู้อื่น
นองจากการนำจุดเด่นของจุดเด่นของวรรณคดีไทยแต่ละเรื่องมาอยู่ในเรื่องเดียวกัน
ละครเรื่องนี้เป็นละครอีกเรื่องที่ให้ค่าผู้หญิงโดยการสร้างตัวละครหญิงให้มีความสามารถทางการต่อสู้ เพื่อที่จะได้ปกป้องตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งผู้ชาย ถ้าใครทันละครในยุค90-2000 ก็จะมีละครแนวนี้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นสี่ยอดกุมาร(2544) เกราะกายสิทธิ์(2549) แก้วหน้าม้า(2544,2558) อุทัยเทวี (2545 ) เทพสามฤดู (2546, 2560) เป็นต้น
แสดงให้เห็นว่าคนเขียนบทในยุคนั้นเริ่มมีความคิดเห็นค่าผู้หญิงแล้วแต่การมาก่อนกาลของบทแบบนี้ มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ พวกเขาเชื่อว่ามันไม่ใช่ขนบของละครพื้นบ้าน แต่สำหรับผู้เขียนแล้วผู้เขียนชอบบทแบบนี้ การที่มีตัวละครหญิงที่สามารถต่อสู้ ป้องกันตัวเองได้ แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงก็มีสิทธิ์ในการป้องกันตัวเองดูแลตัวเองได้
ไม่ใช่แค่การต่อสู้ป้องกันตัวเองของผู้หญิงเท่านั้น ละครเรื่องนี้ทำให้ฉันนึกถึงละครแนวมาเฟีย เรื่องหงส์เหนือมังกรเหมือนกันเห็นได้จากการขึ้นครองบัลลังก์ของมเหสีเมืองไพบูลย์แทนสามีคล้ายกับอาหลิวที่ต้องรับหน้าที่หัวหน้าแก๊งแทนพ่อของเธอซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนเขียนบทเริ่มกลับมาให้ความสำคัญแก่ผู้หญิงและเชื่อว่าถึงเป็นหญิงก็สามารถมีอำนาจได้เช่นเดียวกับผู้ชาย
โฆษณา