23 ก.ย. เวลา 05:23 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

F-16 ยอดอากาศยานแห่งกองทัพอากาศไทย EP.2 มิติใหม่แห่งการบินกับ F-16

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ต่อจากตอนที่แล้วผู้เขียนได้เขียนถึงขีดความสามารถของเอฟ-16 กันไปแล้วว่ามันมีดีอย่างไร แล้วเหนือกว่าในด้านใดบ้านทีนี้จะขอนำทุกท่านเข้าสู่เรื่องราวต่อจากตอนที่แล้วกันนะครับ
ค.ศ.1979 โครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบใหม่ของกองทัพอากาศไทยหลังสงครามเวียดนามเริ่มต้นขึ้น ครั้งนั้นกองทัพอากาศไทนกำลังทะยอยบรรจุเครื่องบินขับไล่แบบ F-5E ฝูงที่ 2 คือฝูงบิน 403 กองบิน 4 ตาคลี
โดยการส่งนายทหารนักบินระดับหัวกระทิ อาทิ นาวาอากาศเอกหม่อมราชวงศ์ ศิริพงษ์ ทองใหญ่ , นาวาอากาศเอก อมร แนวมาลี (ภายหลังทั้งสองท่านเป็น พลอากาศเอก / ผู้บัญชาการทหารอากาศ) ไปทำการประเมินค่า เครื่องบินขับไล่แบบ F-16/79 และเครื่องบินขับไล่อีกหลายแบบ อาทิ F-16A/B, F-20A ฯลฯ ซึ่งในเวลาต่อมาปีค.ศ.1985 กองทัพอากาศ ก็ได้จัดหาเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์แบบ F-16A มาใช้งาน
ภายใต้ชื่อโครงการ “PEACE NARESUAN”
สมแล้วที่กองทัพอากาศไทยเลือกซื้อมาใช้ เพราะเจ้าเหยี่ยวพิฆาตนี้ช่างดีเหลือหลาย แผน แบบของเครื่องบินนี้ตลอดจน เทคโนโลยีที่ใช้ เรียกว่าเป็นการก้าวขั้นไปสู่เครื่องบินอีกรุ่น (Generation) หนึ่งทีเดียว และในยุค 70-80 ก็เป็นตอนเริ่มต้นของรุ่นเสียด้วย ซึ่งหมายความว่าจะพัฒนาขึ้นไปได้อีกไกล โดยใช้โครงลำตัวต้นแบบนี้
เอฟ-16 เป็นเครื่องบินขับไล่ที่ก้าวหน้าขึ้นมาอีกรุ่น มีหลายไอย่างที่ดีกว่า เช่นการใช้อุปกรณ์ Avionics กล่องดำ (Black boxes) ในเรื่องต่างๆ เป็นจำนวนมากจนสามารถตรวจพบเป้าหมายที่ตาเปล่าไม่สามารถมองทะลุเมฆหมอกมาได้ ทั้งยังสามารถกำบังตัวไม่ให้ข้าศึกรู้ด้วยการรบกวนการตรวจจับของเรดาร์
ข้าศึกได้เป็นอย่างดี อย่าว่าแต่เทคนิคการบังคับเครื่องบินที่ใช้แบบ “Fly by Wire"
นอกจากเอฟ-16 แบบอื่นก็มีใช้เช่นกัน
ภาพ 3 วิวของเอฟ-16
ระบบที่ทำให้เจ้าเหยี่ยวพิฆาตเป็นมิติใหม่แห่งการรบทางอากาศของไทยในยุคนั้นกล่าวคือมันเป็นเครื่องที่บินง่าย เพราะมีระบบ “Head Up Display" หรือเรียกย่อๆ ว่า “ฮัด = HUD” ข้อมูลที่จำเป็นและที่ต้องการจะวิ่งเข้าไปปรากฏในจอตรงหน้า ทำให้นักบินรู้สถานภาพของตนได้รวดเร็ว ผิดกับเครื่องบินรุ่นเก่าที่บางอย่างไม่มีให้นักบินไทย เมื่อ HUD โชว์ผลมันจึงสะดวกสบายสำหรับนักบินบ้านเรา
จอใหญ่ตรงหน้าบริเวณส่วนล่างของหน้าปัดแผงเครื่องวัด ก็เป็นส่วนแสดงที่สำคัญในการใช้เรดาร์ตรวจ และควบคุมการยิงเรดาร์เป็นแบบ APG-66 ซึ่งทันสมัยที่สุดที่มีใช้ใน .เครื่องบินขับไล่สมัยใหม่ทั้งหลาย
เมื่อใช้เรดาร์ตรวจจับและควบคุมการยิงได้ผล นักบินไทยก็ต้องมารู้จักการใช้อาวุธประจำกายเจ้าเหยี่ยวพิฆาตนี้ มันมีปืนใหญ่อากาศขนาด 20 ม.ม. แบบ M61A1 หลายลำกล้องอยู่ 1 กระบอกติดตั้งอยู่ด้านซ้ายของลำตัว นอกจากนั้นแล้วที่ใต้ปีกทั้งสองข้าง รวมทั้งใต้ลำตัวด้วยจะมีจุดที่ติดอาวุธได้ 7 ตำแหน่ง
ซึ่งจะสามารถบรรทุกต่างๆได้แล้วแต่ภารกิจที่นักบินบินเช่น อาจบรรทุกระเบิดได้น้ำหนักรวมประมาณ 15,000 ปอนด์ เพื่อไปโจมตีเป้าหมายที่พื้น แต่ถ้าจะทำการบินสกัดกั้น ก็จะติดอาวุธจรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบ AIM-9L "Sidewinder” ได้ 6 นัด ซึ่งจรวดนี้สามารถยิง บ.ข้าศึกที่บินสวนตรงหน้ากันได้
เอฟ-16 ฝูงบิน 103 กองบิน 1 โคราช
โดยไม่ต้องรอให้บินเข้าหาตำแหน่งยิงทางข้างหรือข้างหลัง (Stern) แบบที่ใช้จรวดรุ่นเก่า หรือถ้าจะไปโจมตีเป้าหมายที่สำคัญยิ่งและต้องการหวัง ผลสูงในการทำลายเป้านั้นให้ได้ ก็จะบรรทุกจรวดนำวิถีอากาศสู่พื้นแบบ AGM-65 "Maverick” ได้ จำนวน 6 นัด จรวดแบบนี้จะนำวิถีเข้าสู่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำมาก โดยมีการนำวิถีได้สองแบบคือใช้ทีวี หรือใช้ระบบเงาประกอบแสงอินฟราเรด (Imaging Infra-red = IIR)
อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นมิติใหม่ของนักบินไทยกับเอฟ-16 ก็คือความรู้สึกขณะบังคับ บ.ให้เลี้ยว การบังคับแบบนี้ใช้การดึงคันบังคับมาข้างหลัง ดึงมากก็เลี้ยวเร็วดึงน้อยก็เลี้ยวช้า ในสมัยก่อนจะได้ขับเอฟ-16 นักบินที่เคยบินเครื่องแบบเก่ามาก่อน เวลาใช้มือดึงคันบังคับมาข้างหลัง เมื่อเกิดแรงจีมากขึ้นๆ จะรู้สึกหนักมือหนักแรงที่ดึงคันบังคับ
แต่กับเอฟ-16 นี้ไม่เป็นอย่างนั้น
เมื่อดึงให้เกิดแรงจีมากขึ้นๆ แรงมือที่ใช้กับคันบังคับไม่ค่อยตึงเท่าใด อีกทั้งยิ่งความคล่องตัวสูง แรงจีสูงจึงเป็นสิ่งที่นักบินไทยเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องบินเจ้าเหยี่ยวเหล็กตัวนี้
ในปีเดียวกันกองทัพสหภาพโซเวียตได้ส่งกำลังขนาดใหญ่ทั้งกำลังทางเรือและทางอากาศ มาประจำการ ที่ฐานทัพบนเกาะแห่งหนึ่งในอ่าวคามรันห์ในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับ ประเทศไทย มีจุดมุ่งหมายที่จะส่งกำลังเข้ามาตีไทยเพื่อให้ล้มไปตามอย่างเวียดนามที่ล้มไปเมื่อ 10 ปีก่อน
หมู่บิน F-16 กองทัพอากาศไทย
ลาวและเขมรที่ตกไปอยู่ใต้อำนาจเวียดนาม ตั้งแต่ปี 1979 เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดโดยญวน ภายใต้คำบงการจากพ่อใหญ่โซเวียตอีกต่อหนึ่ง เรียกได้ว่าจะให้ล้มไปตามๆ กันแบบ "ทฤษฎีโดมิโน"
ซึ่งนายพลไอเซนฮาว อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยกล่าวไว้
พ่อใหญ่แห่งค่ายสังคมนิยมจึงส่งกำลังทางเรือ ประกอบ ด้วย เรือลาดตระเวนหนัก เรือฟริเกต และเรือดำน้ำ รวมทั้งหมดเป็นกำลังรบ ประมาณ 30 ลำ มาประจำที่ท่าเรืออ่าวคามรันห์ ซึ่งมีอุปกรณ์สนับสนุนทางเรือครบครัน ในขณะเดียวกัน กำลังทางอากาศก็ได้รับการเสริมเพิ่มเติมอย่างผิดสังเกต เครื่องบินแบบสำคัญที่น่าหวั่นเกรงเป็นอย่างยิ่ง
ก็คือ TU-16 “Badger” ซึ่งเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธ ศาสตร์ขนาดกลาง ได้รับการเพิ่มเติมอีก 2 เครื่อง เสริมให้กลายเป็น 16 เครื่องแล้ว และ 10 เครื่องในจำนวนนี้ (ข้อมูลเมื่อ 40 ปีก่อน)
มีความสามารถโจมตีโดยใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ เครื่องบินนี้ออกปฏิบัติการจากที่ตั้ง ณ อ่าวคามรันห์ สามารถไปโจมตีเป้าหมายได้ทุกแห่งในประเทศไทยโดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิงทางอากาศเสียทีเดียว
เครื่องบินที่น่าอันตรายควบคู่กันกับตู-16 ที่มาประจำการ ณ อ่าวคามรันห์ในประเทศญวนก็คือ 1 ฝูงของเครื่องบิน MIG-23 สมญานาม “Flogger” ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องบินขับไล่สกัดกั้น และคุ้มกันให้กับเจ้าตู-16 เมื่อจะออกเดินทางไปโจมตีเป้าหมาย
และอีกแบบหนึ่งที่สำคัญคือเจ้าหมี TU-95 “Bear” จำนวน 8 เครื่องที่มาอยู่ร่วมด้วยเพื่อภารกิจสองประการ แบบ Bear-D ใช้ในกิจ การหาข่าวทางอีเล็กทรอนิกส์ (Electronic Intelligence = ELINT) และ แบบ Bear-F ที่ใช้ในกิจการปราบเรือดำน้ำ (Anti Submarine Warfare = ASW)
พลอากาศเอกประพันธ์ ธูปะเตมีย์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ
ตัดภาพมาที่ประเทศไทยมีผู้ชายอายุกลางคนรายหนึ่งในเครื่องแบบทหารอากาศกล่าวว่า
“ MIG-23 ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า MIG-21 ซึ่งเราคาดว่าวันหนึ่งจะเป็นของเวียดนาม เหตุผลนี้จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราต้องซื้อ F-16 เพราะเครื่องบินขับไล่ที่เรามีคือ F-5 นั้นประสิทธิภาพของ F-5 กับ Mig-21 นี่พอสูสีกัน"
" แต่เขามีมากกว่าเรา 4 ต่อ 1 และเราคิดว่าในอนาคตเวียดนามจะได้ Mig-23
เพราะฉะนั้น เราจึงต้องหาเครื่องบินมาเพิ่มเติมกำลังของเรา แต่เนื่องจากว่าเราไม่สามารถที่จะหาปริมาณทัดเทียมกับเขาได้ เราจึงต้องหาเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อชดเชยกับความด้อยทางปริมาณ"
"กำลังทางอากาศมิใช่กำลังที่จะรบชนะได้โดยเด็ดขาด....อาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่กำลังทางอากาศจะช่วยให้เกิดการได้เปรียบ ช่วยให้กำลังภาคพื้นและทางเรือ สามารถดำเนินกลยุทธของตนเองได้โดยเสรี”
พลอากาศเอกประพันธ์ ธูปะเตมีย์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้ผลักดันและจัดหา F-16 ให้กับกองทัพอากาศไทยได้เป็นผลสำเร็จ
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
Credit บทความและภาพประกอบ
กองทัพอากาศไทย
BATTLEFIELD DEFENSE
Defense Info TH
หนังสือข่าวทหารอากาศ
Wassana Nanuam
เรียบเรียงโดย : เบิ้ล ตาควาย
โฆษณา