Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PPTV Wealth
•
ติดตาม
24 ก.ย. เวลา 11:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ
NEO ไม่ใช่ "เงินเทา" เสมอไป แบงก์ชาติไขความหมายเงินลึกลับ
ไม่ใช่ "เงินเทา" เสมอไป แบงก์ชาติไขความหมาย เงินลึกลับที่ทุกคนเรียกว่า NEO จาก 5 แสนล้าน เหลือ 2.3 แสนล้าน เพราะความคลาดเคลื่อนเชิงสถิติ
สังคมตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับเงิน Net Errors and Omissions (NEO) หรือที่เข้าใจกันว่าเป็นเงินปริศนา เงินลึกลับ ไม่รู้ที่มาที่ไปโดยชาวต่างชาติที่เข้ามาแลกเป็นเงินบาทแล้วใช้จ่ายในประเทศ ซึ่ง NEO นี้ ในทางการเงินถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นมาตลอด เพียงแต่ช่วง 2-3 ปีมานี้ ตัวเลข NEO สูงถึงหลัก แสนล้านบาทต่อไตรมาส ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยมากขึ้นไปอีก ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลน่าสนใจ ระบุว่า
ธปท.แถลง การปรับปรุงข้อมูลในบัญชีดุลการชำระเงินปี 2567
ช่วงที่ผ่านมาหลายคนเห็นข้อมูล Net Errors and Omissions (NEO) ปี 2567 ที่เผยแพร่เมื่อเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ประมาณ 15.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิกเป็นเงินไทย ประมาณ 5 แสนล้านบาท แล้วกังวลว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินสีเทาที่ไหลเข้าประเทศจนส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยที่ไม่สามารถระบุที่มาที่ไปได้ ธปท.จึงอธิบายทีละประเด็น คือ
NEO คืออะไร
ชื่อเต็มคือ Net Errors and Omissions (NEO) เป็นตัวเลขที่แสดงความคลาดเคลื่อนเชิงสถิติในการจัดทำข้อมูลบัญชีดุลการชำระเงิน (Balance of Payments: BOP) ที่ยังไม่สามารถแจกแจงธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างคนไทยกับ ชาวต่างชาติว่ามาจากกิจกรรมใด ไม่ว่าจะเป็นการค้าขายสินค้าและบริการ การเปลี่ยนแปลงการถือครองสินทรัพย์ระหว่างคนไทยกับชาวต่างชาติและธุรกรรมการชำระ/แลกเปลี่ยนเงิน ซึ่งบางกรณียากที่จะบันทึกได้ครบถ้วน 100% หรือครบถ้วนตั้งแต่แรก
ดังนั้น NEO จึงมาจาก 2 สาเหตุ
1.ความล่าช้าของข้อมูล เช่น ข้อมูลการลงทุนโดยตรง (FDI) หรือการส่งกลับกำไรของบริษัทต่างชาติที่ต้องรออ้างอิงจากงบการเงินที่รายงานต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
2.ความไม่ครบถ้วนและไม่แม่นยำของข้อมูล เช่น ข้อมูลการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย ซึ่งต้องประมาณการจาก model ก่อนที่จะสอบทานกับข้อมูลการสำรวจของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
โดย ธปท. จะเผยแพร่ข้อมูล BOP รายปีเบื้องต้นในเดือนมีนาคมของปีถัดไป จากนั้นจะปรับปรุงข้อมูลอีก 2 ครั้ง ในทุกเดือนกันยายน ตัวอย่างเช่น การจัดทำข้อมูล BOP ของปี2567 จะเผยแพร่ครั้งแรกในเดือนมีนาคมปี2568 และจะปรับปรุงข้อมูลอีก 2 ครั้ง ในเดือนกันยายน 2568 และเดือนกันยายน 2569
สัดส่วน NEO ต่อมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทย ในปี 2567 อยู่ที่1% ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ที่ 1.3% และน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศทั่วโลกที่ประมาณ 2.4%
NEO ของปี 2567 ถือว่าสูงหรือไม่
ธปท.ระบุว่า ในการพิจารณาว่า NEO สูงหรือไม่ ควรดู NEO เป็นสัดส่วนต่อมูลค่าการค้าระหว่างประเทศโดยรวม เนื่องจากทั่วไปประเทศที่มีการค้าขายและการลงทุนระหว่างประเทศสูง จะมี NEO สูงตามไปด้วย ซึ่ง NEO ปี 2567 อยู่ที่ 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 2.3 แสนล้านบาท โดยปรับลดลงมากว่าครึ่งจาก 15.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 5 แสนล้านบาท
โดยสัดส่วน NEO ต่อมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทย ในปี 2567 อยู่ที่ 1% ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ที่ 1.3% และน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศทั่วโลกที่ประมาณ 2.4%
NEO สะท้อนเงินทุนสีเทาที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ใช่หรือไม่
ธปท. ยืนยันว่า NEO ไม่ได้สะท้อนว่าเป็นเงินสีเทา โดยการถูกบันทึกเป็น NEO เป็นคนละเรื่องกับการบ่งชี้ว่ามาจากธุรกิจสีเทา เพราะ NEO เกิดจากความคลาดเคลื่อนทางสถิติจากการจัดทำข้อมูลดุลบัญชีการชำระเงิน ขณะที่ธุรกรรมสีเทาสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในส่วนที่บันทึกใน BOP ได้และในส่วนที่เป็น NEO
โดยตัวอย่างธุรกรรมที่บันทึกใน BOP ได้เช่น บริษัทต่างชาติที่อาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาเข้ามาซื้อหุ้นไทยผ่านตัวกลาง ซึ่งไม่สามารถระบุตัวตนและวัตถุประสงค์ของเจ้าของเงินได้ หรือ บริษัท scammer มาซื้อทองในไทยเพื่อฟอกเงิน จะถูกบันทึกเป็นกิจกรรมปกติใน BOP ส่วนธุรกรรมที่จะถูกบันทึกเป็น NEO เช่น ชาวต่างชาติซื้อคอนโดในไทยและชำระด้วยคริปโทเคอร์เรนซี(cryptocurrency) กรณีนี้ จะเห็นการถือสินทรัพย์ไทยของชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น แต่ไม่เห็นข้อมูลการแลกเปลี่ยนเงิน จึงถูกบันทึกเป็น NEO
โดยข้อมูลทองคำและ cryptocurrency ธปท. เห็นข้อมูลการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินที่ทำผ่านผู้ให้บริการที่อยู่ใต้กำกับ เช่น สถาบันการเงิน ทั้งหมดซึ่งรวมถึงธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินของบริษัททองคำและธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินที่มีวัตถุประสงค์เพื่อซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัล
กรณีทองคำ นอกจากข้อมูลธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินแล้ว ธปท. จะนำข้อมูลนำเข้า-ส่งออกทองคำจากกรมศุลกากรมาประกอบการจัดทำข้อมูล BOP ด้วย โดยที่ผ่านมา ข้อมูลจากกรมศุลกากรและข้อมูลธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินจากสถาบันการเงินเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน อย่างไรก็ดี ธปท. เห็นเฉพาะข้อมูลการนำเข้า-ส่งออกทองคำที่รายงานต่อกรมศุลกากร แต่ไม่ทราบวัตถุประสงค์ของการนำเข้า-ส่งออก รวมถึงไม่เห็นข้อมูลการลักลอบนำเข้า-ส่งออก หรือความผิดปกติอื่น ๆ ซึ่งต้องอาศัยการตรวจสอบเชิงลึกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กรณีของ cryptocurrency ธปท. มีข้อมูลการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินเฉพาะที่ระบุวัตถุประสงค์เพื่อซื้อ-ขาย cryptocurrency ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนเงินของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา จึงจำเป็นต้องนำข้อมูลการซื้อขาย cryptocurrency ที่รายงานต่อสำนักงาน ก.ล.ต. มาประกอบด้วย เพื่อลดความคลาดเคลื่อนของข้อมูล และสอบทานความถูกต้องได้ดีขึ้น
ส่วนการตรวจสอบว่าเป็นธุรกรรมสีเทาหรือไม่ เป็นหน้าที่ของสำนักงาน ปปง. ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลหลักในเรื่องการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ขณะที่ ธปท. มีบทบาทในการกำกับดูแลให้สถาบันการเงินปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ AML/CFT ที่สำนักงาน ปปง. กำหนดและรายงานธุรกรรมต้องสงสัยต่อสำนักงาน ปปง. เพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป
NEO ปี 2567 อยู่ที่ 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปรับลดลงมากว่าครึ่งจาก 15.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ธปท. ไม่ต้องการเห็นธุรกิจหรือธุรกรรมในประเทศไปเกี่ยวข้องการทุจริตและได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง คือ
1. การสนับสนุนการใช้ดิจิทัลในภาคการเงิน เช่น พร้อมเพย์ เพื่อให้การทำธุรกรรมมี digital footprints และสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้
2.การออกหลักเกณฑ์การรู้จักลูกค้า ได้แก่ Know Your Customer (KYC) Customer Due Diligence (CDD) และ Enhanced Due Diligence (EDD) การออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาบัญชีม้า รวมถึงการกำกับดูแลให้สถาบันการเงินปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ AML/CFT ของสำนักงาน ปปง. อย่างเคร่งครัด
3. การแสดงความกังวลต่อการจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) ที่อาจมีกฎเกณฑ์ที่ผ่อนคลายมากกว่าปกติ จึงควรมีแนวทางปิดช่องโหว่ในมิติต่าง ๆ ให้พร้อมก่อน เพื่อลดความเสี่ยงการถูกใช้เป็นแหล่งสนับสนุนธุรกรรมทางการเงินที่ไม่ถูกกฎหมาย
4.การมีท่าทีที่สะท้อนความระมัดระวังในการนำ cryptocurrency มาใช้ในธุรกรรมทางการเงิน โดยเฉพาะในช่องทางที่ไม่ถูกกำกับดูแล ซึ่งมีโอกาสถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน เนื่องจากยากต่อการติดตามและตรวจสอบ
พร้อมกันนี้ ได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ (task force) เพื่อติดตามพัฒนาการของธุรกรรมในหลากหลายมิติรวมทั้งนำข้อมูลไปใช้ในการออกแบบนโยบาย และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบได้ทันการณ์ และร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่น สำนักงาน ก.ล.ต. สศช.เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น และเพิ่มศักยภาพในการติดตามธุรกรรมต่างๆ รวมทั้งประสานกับหน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบ เช่น สำนักงาน ปปง. เมื่อมีธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดธุรกรรมสีเทา
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
https://www.pptvhd36.com/wealth/monetary/257710
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์
https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
Facebook PPTVHD36 :
https://www.facebook.com/PPTVHD36
YouTube :
www.youtube.com/@PPTVHD36
เงิน
เงินทุนธุรกิจ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย