25 ก.ย. เวลา 09:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

นำทัพ ครม.เศรษฐกิจ หารือ ภาคตลาดทุน ชี้! เป็นด่านแรกเรียกความเชื่อมั่น

นายกฯ อนุทิน นำทัพ ครม.เศรษฐกิจ หารือ ภาคตลาดทุน รับฟังข้อเสนอฟื้นตลาดทุน ชี้! เป็นด่านแรกเรียกความเชื่อมั่น ย้ำ! แม้เวลาน้อยแต่จะลุยเต็มที่ ส่วนกรณีที่ Fitch Ratings ปรับ Out look เป็นการปรับลดจากพื้นฐานในอดีต ลุย จัดการเงินปริศนา 5 แสนล้าน แก้ปัญหาบาทแข็ง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ,นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ,นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ,นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายลวรณ แสงสนิทปลัดกระทรวงการคลัง พร้อมคณะฯ
นายกฯ อนุทิน นำทัพ ครม.เศรษฐกิจ หารือ ภาคตลาดทุน รับฟังข้อเสนอฟื้นตลาดทุน ชี้! เป็นด่านแรกเรียกความเชื่อมั่น ย้ำ! แม้เวลาน้อยแต่จะลุยเต็มที่ ส่วนกรณีที่ Fitch Ratings ปรับ Out look เป็นการปรับลดจากพื้นฐานในอดีต ลุย จัดการเงินปริศนา 5 แสนล้าน แก้ปัญหาบาทแข
ประชุมหารือร่วมกับ นายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคณะผู้บริหารสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO ในหัวข้อ “ข้อเสนอจากตลาดทุน เพื่อเสริมพลังภาครัฐ” ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยนายอนุทิน​ กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาพบทุกท่านถึงอาคารตลาดหลักทรัพย์​ ขอบคุณทุกท่านที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตื่นเต้นนอนไม่หลับ​ มาตั้งแต่ 09.00 น. เพราะทราบดี​ ​จะได้มาพบกับกัลยาณมิตร​ที่ดี​ เพื่อนที่หวังดีต่อกันตลอดเวลา​ และความสัมพันธ์ของเราก็พัฒนาไป แต่ละคนก็มีหน้าที่ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง​ แม้จะอยู่ในภาคเอกชน​ ตลาดทุน​ แต่พวกเราในฐานะรัฐบาลก็มีหน้าที่ในการสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือในทุกทาง ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จมากที่สุด​
ท่านเป็นแหล่งระดมทุนให้กับประเทศ เป็นกลไกในการสร้างการเจริญเติบโตกับทางเศรษฐกิจ​ ว่าประเทศไทยมีความมั่นคงมั่งคั่งในระดับไหน เป็นตัวสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ในต่างประเทศ
จากนั้นภายหลังการประชุม นายอนุทิน ระบุว่า การหารือร่วมกันในวันนี้ เป็นการหารือในเนื้อหาสาระที่จะแสวงหาความร่วมมือกันให้มากพอ ที่จะนำไปเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และด้านความเข้มแข็ง แข็งแกร่งของตลาดทุนไทย ซึ่งหารือเกี่ยวกับการเพิ่มสภาพคล่องระยะยาวในระบบตลาดทุน เสริมสร้างความเชื่อมั่นนโยบายภาครัฐให้กับนักลงทุน พัฒนาเครื่องยนต์เศรษฐกิจยุคใหม่ด้วยกลไกของตลาดทุน ซึ่งมีรายละเอียดให้ภาครัฐและฝ่ายตลาดทุนหารือต่อไปเพื่อให้นำมาซึ่งการดำเนินการโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ เพื่อทำให้ตลาดทุนไทย เป็นตัวชี้วัดด่านแรกในการแสดงความมั่งคั่งของประเทศ ให้ได้รับความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่จากนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมถึงได้หารือถึงการแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค ซึ่งจะต้องใช้ความกล้าหาญในการตัดสินใจ หรือการกิโยตินกฎหมาย ผ่านกฎกระทรวงที่กำกับดูแล ต้องไม่แตะการแก้ไขกฎหมายที่ต้องใช้สภาผู้แทนราษฎร
พร้อมระบุอีกว่า รัฐบาลชุดนี้จะใช้เวลาที่เหลือ 4 เดือนอย่างเต็มที่ ส่วนไหนที่ทำได้ในเชิงการตัดสินใจบริหารก็จะเร่งทำ โดยในฐานะนายกรัฐมนตรีจะมอบหมายให้คณะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ ทั้งการคลัง พาณิชย์ อุตสาหกรรม และพลังงาน เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง สร้างความเชื่อมั่น ฟื้นฟู และวางรากฐานอนาคตของตลาดทุนไทยของระบบเศรษฐกิจในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังย้ำว่าบุคลากรที่เข้ามาทำงานจะไม่ถูกครอบงำทางการเมืองและตนเองจะให้มีอำนาจเต็มที่ในการทำงาน สามารถใช้ความรู้ความสามารถทำภารกิจตามนโยบายของตนอย่างเต็มที่ เพื่อฟื้นฟูสร้างความเชื่อมั่น สร้างความมั่งคั่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบ กฎหมายและไม่ทำผิดรัฐธรรมนูญ
พร้อมฝากถึงภาคตลาดทุนไทยว่า ตลาดทุน และเศรษฐกิจเป็นเรื่องคู่กัน ตนเองคาดหวังให้ดัชนีหุ้นไทยพุ่งและสูงขึ้นเรื่อยๆเพราะมีทีมงานที่ดี จึงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น ตนเองมั่นใจว่า ประชาชนก็เชื่อมั่นต่อทีมเศรษฐกิจในรัฐบาลชุดนี้ระดับหนึ่ง
การปรับลด Outlook เป็นการปรับลดจากพื้นฐานในอดีต
ส่วนกรณีที่ Fitch Ratings บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกเป็นเจ้าถัดมาได้ประกาศปรับ Outlook ของประเทศไทยจาก "มีเสถียรภาพ" ไปเป็น "เชิงลบ" จากปัจจัยการเมือง รายจ่าย ในขณะที่รัฐบาลก็มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจลดค่าครองชีพและใช้เครื่องมือทางการคลังนั้น
นายกรัฐมนตรีระบุว่า การปรับลด Outlook เป็นการปรับลดจากพื้นฐานในอดีต วันนี้เป็นรัฐบาลใหม่ ซึ่งเราได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว และจะพยายามดำเนินการ ให้ Outlook ปรับเพิ่มขึ้นโดยการสร้างความเชื่อมั่นและกำหนดนโยบายต่างๆ
ที่ผ่านมาได้เดินสายพูดคุยกับผู้ประกอบการ สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย ซึ่งปัญหาพื้นฐานที่ได้รับฟังจากทุกภาคส่วน จากเอกชนก็คือ ทิศทางการนับสนุนของรัฐต่อผู้ประกอบการที่ไม่ชัดเจน ซึ่งตนมั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้ที่มาจากภาคเศรษฐกิจ ซึ่งเข้าใจบริบทปัญหา ก็จะเร่งแก้ไขปัญหาร่วมกัน
นายอนุทิน กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อย ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีเสมอไป แต่ตนเองขอนึกถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นเป้าหมายหลัก หากนโยบายที่เป็นสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์กับประชาชน ที่ค้างจากรัฐบาลชุดก่อน เป็นที่นิยมชมชอบของประชาชนและสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทำความสงบให้สังคมได้ก็จะนำมาสานต่อไป เช่นเดียวกับนโยบายคนละครึ่งที่รัฐบาลชุดนี้จะดำเนินการต่อให้ได้ ซึ่งได้เตรียมงบประมาณเอาไว้ และหากไม่สามารถใช้งบประมาณก้อนนี้ได้ก็ได้เตรียมงบประมาณเพิ่มเติมเอาไว้ เพื่อไม่มีเป็นการเลื่อนนโยบายที่จะดำเนินการให้แก่ประชาชน ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ว่า รัฐบาลชุดนี้เข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมืองจริงๆ
ส่วนเป้าหมายและนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ก็อยากให้ทุกคนสนุกกับการลงทุน อยากเห็นการสนับสนุนจากภาครัฐและอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้สามารถประกอบกิจการได้ด้วยความสะดวก สร้างผลกำไร และก็ทำให้นักลงทุนได้มีมูลค่าเพิ่มจากการลงทุน
ทั้งนี้ ยอมรับว่า บางข้อเสนอที่มีการหารือกัน คงทำให้ไม่ทันในรัฐบาลนี้ เช่น เรื่องที่ต้องมีการตรากฎหมาย แต่หากเป็นเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ที่แก้ไขได้ เราก็จะทำทันที เพื่อทะลวงท่อที่ล็อกไว้ โดยได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังดูแล เร่งดำเนิน หากสภาธุรกิจตลาดทุนไทยขอมา 10 เรื่อง รัฐบาลก็ควรทำให้ได้สัก 3-4 เรื่อง ให้เห็นเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนโดยรวม
ลุยจัดการเงินปริศนา 5 แสนล้าน แก้ปัญหาบาทแข็ง
ส่วนกรณีที่ เงินทุนปริศนาไหลเข้าประเทศไทยจนส่งผลกระทบให้ค่าเงินบาทแข็งนั้น นายอนุทิน ระบุว่า เรื่องเงินปริศนา นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติและ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตลอดจนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารต่างๆ เพื่อขอความร่วมมือป้องกันให้ไม่ให้เกิดสิ่งเหล่านี้
นายอนุทิน กล่าวว่า เงินดังกล่าวที่ไหลเข้ามา แล้วมันมีข้อสงสัยก็ต้องใช้การประสานงานติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เงินเหล่านี้เข้ามา ซึ่งการไหลเข้ามาแต่ละครั้งนั้นก็ส่งผลให้เงินบาทแข็ง กระทบผู้ประกอบการ ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องเร่งดำเนินการ พร้อมกับย้ำว่าเรื่องที่ผิดกฎหมาย ยังไงรัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการ
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา