25 ก.ย. เวลา 10:21 • ธุรกิจ
เรามองว่า เจ้าของกระทู้อาจต้องขยายความอีกสักนิดค่ะ ว่าที่กำลังศึกษาทั้ง 2 ธุรกิจนี้ ศึกษาไปเพื่ออะไร (1) เพื่อศึกษาต่อให้สอดคล้องกับตลาดแรงงานในอนาคต หรือ (2)เพื่อการลงทุนในหุ้นของกิจการ หรือ (3)เพื่อการประกอบธุรกิจในฐานะเจ้าของกิจการ คือถ้าเราเริ่มต้นด้วยวัตถุประสงค์การศึกษา ภาพมันก็จะได้ชัดขึ้นค่ะ คือในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงการอุดมฯ ได้วางกรอบนโยบายให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ป้้นนิสิตนักศึกษาให้คิดแบบ "entrepreneur" คือใส่ความเป็น "entrepreneur"ลงไปในทุกๆกิจกรรมและทุกๆหลักสูตรด้วย
1. เรื่อง Carbon Footprint หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คุณลองไป Search หาธุรกิจในไทยตอนนี้นะคะ บริษัทเกือบทั้งหมดให้บริการในลักษณะ "ที่ปรึกษา" คำถามคือใครบ้างที่ต้องการใช้บริการ? แน่นอนอันดับต้นๆคือธุรกิจขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนอยู่ใน SET ตามมาด้วยโรงงานอุตสาหกรรมและภาคการผลิต
ดังนั้นแม้ในตอนนี้ ธุรกิจนี้ก็มี Rival เป็น Threat อยู่แล้ว
ดังนั้นคำว่าในอนาคต มันก็อาจจะแปลว่า
คุณช้าเกินไปแล้วด้วยซ้ำ
2. AI Health Service คำนี้ทั้งใหญ่และกว้าง หาหมุดหมายให้เจอก่อนค่ะ คำถามคือ คุณจะเจาะที่ Hospital หรือ Medical Center หรือ Home use บอกตรงๆ ว่าถ้า Hospital ให้คุณคิดใหญ่รอไว้เลย ให้นึกถึงโรงพยาบาลอินเตอร์ในตลาดหลักทรัพย์ หากคุณทำธุรกิจจะไปประมูลงานรพ.เหล่านี้ จำนวนทุนจดทะเบียนและทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ คือ "หัวใจสำคัญของธุรกิจ"
ส่วน Home use
คุณก็อาจจะพอทราบว่า
ลูกค้าน่าจะคือเศรษฐีเซเลบริตี้ผู้รักสุขภาพ
3. เมื่อประมาณ10 -12 กันยา เราเพิ่งไปดูงาน Medical Fair Thailand ที่ไบเทค ใน Pavilion ของ Taiwan คือสุดยอดมากค่ะ Smart Clinics, Smart Operating Rooms, Smart Wards รวมทั้ง AI diagnostics, ระบบวัสดุอัจฉริยะ และอุปกรณ์โรงพยาบาลครบวงจร นี่คือนวัตกรรมและโซลูชั่น ที่เกาะเล็กๆอย่างไต้หวันทำได้น่าทึ่งมาก
ดังนั้น หากตอนนี้คุณยังเป็นนศ.
หรือกำลังจะเตรียมเป็นผู้ประกอบการในอนาคต
เราแนะนำไปหาข้อมูลที่ไต้หวัน
หรือไปเรียนที่ไต้หวันก็ได้ค่ะ
โฆษณา