26 ก.ย. เวลา 05:08 • ธุรกิจ

สรุปวิธีคิด สู้วิกฤติ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือซีพี

“ธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยง เป็นไปไม่ได้ เพราะอะไรที่คิดไม่ถึง มันเกิดขึ้นตลอดเวลา”
นี่คือคำพูดของคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ที่ย้ำว่า ในโลกธุรกิจ ทุกวันเต็มไปด้วยความเสี่ยง
และคุณธนินท์ ก็เคยเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่ ตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง ไปจนถึงวิกฤติโควิด
ซึ่งไม่เพียงฟันฝ่าเอาตัวรอดมาได้ แต่ยังสั่งสมประสบการณ์ จนเป็นตำราและบทเรียนที่ทำให้เครือ CP ก้าวสู่ระดับโลก
และนี่คือตำราฝ่าวิกฤติฉบับ คุณธนินท์ เจียรวนนท์
ที่ลงทุนแมนคิดว่าน่าศึกษาวิธีคิด..
บทเรียนที่ 1 การบริหารความเสี่ยงและการรับมือวิกฤติ
คุณธนินท์เชื่อว่า การทำธุรกิจย่อมมี “ความเสี่ยง” อยู่เสมอ และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกว่าไม่เสี่ยง
แต่หากการลงทุนใดมีความเสี่ยงถึงขั้นทำให้ บริษัทแม่ล้มละลายได้ ต่อให้มีกำไรดีเพียงใดก็ไม่ควรลงทุน
วิกฤติที่หนักที่สุด ในชีวิตของคุณธนินท์คือ “วิกฤติต้มยำกุ้ง”
ซึ่งเป็นวิกฤติที่เกิดจากนโยบายที่ผิดพลาด ทำให้สถานการณ์ที่ควรจะเบากลับกลายเป็นหนักเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในเวลานั้นประเทศไทยมีหนี้ต่างประเทศของภาคเอกชน ระดับแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
คุณธนินท์ยอมรับว่าความผิดพลาดส่วนตัวคือ การคาดไม่ถึงว่าค่าเงินบาท จะพุ่งสูงอย่างรวดเร็วจาก 25 บาท ไปถึง 55 บาท
แต่เมื่อเจอวิกฤติ คุณธนินท์ยอมรับว่า ไม่สามารถรักษาธุรกิจไว้ได้ทั้งหมด และจำเป็นต้องขาย "ของดี" เพื่อนำเงินมารักษาสภาพคล่องไว้ เพราะ "ของไม่ดี" ให้ฟรีเขาก็ไม่เอา
แต่อีกมุม ในวิกฤติย่อมมีโอกาส เช่น คนที่ทำธุรกิจส่งออก ซึ่งได้ประโยชน์จากการที่ค่าเงินบาทอ่อนตัว
หรือก็คือ ในทุกวิกฤติ จะมีทั้งคนที่ร่ำรวย และคนที่ล้มละลาย หรือยากจนลง
1
บทเรียนที่ 2 ดาบสองคมที่ชื่อว่า เทคโนโลยี
ในบรรดาความไม่แน่นอนทั้งหลาย เทคโนโลยีคือสิ่งที่คุณ ธนินท์ มองว่าน่ากลัวที่สุด เพราะมันพัฒนาเร็วแบบไม่หยุดยั้ง และเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นใหม่บ้าง
ตัวอย่างคือ ธุรกิจที่เคยเป็นพระเอกและทำกำไรให้กับ CP อย่างเคเบิลใต้มหาสมุทร ซึ่งได้เงินตราต่างประเทศ (USD) จากการให้เช่าโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต
2
CP ร่วมทุนกับ Nynex (บริษัทโทรศัพท์ที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น) ลงทุนเคเบิลใต้มหาสมุทรเชื่อมโยงไทยตรงไปถึงยุโรป ญี่ปุ่น และอเมริกา
อย่างไรก็ตาม เคเบิลใต้มหาสมุทรที่ลงทุนไปมหาศาลนั้น กลับล้มละลาย เนื่องจากเมื่อลงทุนเสร็จ ก็มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาเร็วขึ้นถึง 3 เท่า โดยใช้การลงทุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่งผลให้หุ้น True ร่วงจาก 130 บาท เหลือเพียง 2 บาท
1
คุณธนินท์ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดในชีวิต ที่ไม่ได้ขายหุ้น True บางส่วน เช่น 10-20% ในราคา 80 บาท เพื่อรักษาธุรกิจหลักไว้ งั้นคงไม่ต้องขายทั้งแม็คโคร โลตัส และดาวเทียม..
บทเรียนคือ หากจะลงทุนด้านเทคโนโลยี ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า มีใครกำลังศึกษาหรือคิดค้นสิ่งใหม่ ซึ่งอาจเข้ามาแทนที่ของเดิมที่ใช้การลงทุนมหาศาลได้
“เพราะเหนือฟ้า ยังมีฟ้า”
บทเรียนที่ 3 การเลือกธุรกิจหลัก
ในสถานการณ์ที่ต้องยอมตัดใจขายสินทรัพย์ คุณธนินท์ตัดสินใจรักษาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารและการเกษตร ไว้
เนื่องจากตระหนักว่ามนุษย์สามารถเลื่อนการซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น รถยนต์หรือเสื้อผ้าได้ แต่เรื่องปากท้องต้องกินทุกวัน
ธุรกิจที่ CP รักษาไว้ ได้แก่ อาหาร, ค้าปลีก (7-Eleven) และเจริญโภคภัณฑ์ (เกษตร)
ซึ่งคนภายนอกมักไม่เข้าใจและคิดว่า CP ทำเพียงอาหารสัตว์ แต่แท้จริงแล้ว CP ทำอาหารคน โดยอาหารสัตว์เป็นเพียงขั้นตอนกลางที่ใช้เทคโนโลยีสูงมาก
1
อาหารสัตว์ต้องถูกออกแบบสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญหรือดอกเตอร์ และต้องผ่านการวิเคราะห์ในห้องแล็บที่ทันสมัยไม่แพ้โรงพยาบาล
CP มุ่งมั่นในมาตรฐานอาหาร โดยต้องเลี้ยงสัตว์อย่างสบายและไม่ทรมาน และมีการวิจัยเรื่องสำคัญ เช่น การผลิตหมูที่มีน้ำมันโอเมก้า 3 ที่ต้องเลี้ยงในที่สะอาดที่สุด และไม่ใช้ยาปฏิชีวนะเลย
บทเรียนที่ 4 วิกฤติโควิด-19 ที่คาดไม่ถึง
คุณธนินท์ คิดไม่ถึงว่าวิกฤติโควิด จะลากยาวไปนานถึง 3 ปีกว่า โดยคาดไว้ว่าวิกฤติจะยาวนานสูงสุดเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น
 
ความยืดเยื้อของวิกฤติ ทำให้เกิดผลกระทบที่คาดไม่ถึงตามมา เช่น กัปตันเครื่องบินและพนักงานต้อนรับ ต้องไปหางานอื่น
แม้ว่าวิกฤติจะผ่านไปและมีการเปิดประเทศ แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือความไม่พร้อมของระบบต่าง ๆ เช่น ท่าเรือและสนามบินของแต่ละประเทศไม่พร้อม รวมถึงการขาดแคลนบุคลากรในการทำงาน
เมื่อเปรียบเทียบกับวิกฤติต้มยำกุ้ง วิกฤติต้มยำกุ้งนั้นยังพอรู้ล่วงหน้าว่ามันจะเกิดวิกฤติ แต่โควิดไม่รู้ล่วงหน้า และอยู่ ๆ มันก็เกิดขึ้น
1
บทเรียนคือ การทำธุรกิจนั้นมีวิกฤติอยู่เรื่อย ๆ และสิ่งที่เราคิดไม่ถึงนั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
วิกฤติที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ เป็นตัวอย่างที่ตอกย้ำถึงความอันตรายของการลงทุนในไฮเทคหรือการทำธุรกิจใด ๆ ที่เราต้องประเมินความเสี่ยงอยู่เสมอ
บทเรียนที่ 5 การสร้างคน
โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากองค์กรขนาดใหญ่ตามไม่ทันก็จะยิ่งเจ็บตัวมาก CP จึงต้องเปลี่ยนนโยบาย โดยให้คนหน้างาน (ผู้ปฏิบัติงาน, ผู้จัดการร้าน) มีอำนาจตัดสินใจอย่างแท้จริง
ส่วนผู้บริหารระดับสูง มีหน้าที่สนับสนุน เปรียบเสมือนฮ่องเต้ให้อำนาจแม่ทัพที่สนามรบ
คุณธนินท์เน้นย้ำว่า “ปัญญา” คือสิ่งที่สำคัญกว่า “ปริญญา” เพราะปริญญาสามารถเรียนได้ แต่ปัญญาต้องมาจากการลงมือปฏิบัติจริง
2
วิธีทดสอบคนเก่งคือการมอบหมายงานยาก ๆ หรือโปรเจกต์ใหม่ ๆ ไม่ใช่ให้ทำงานเดิมซ้ำ ๆ จนพรสวรรค์หายไป
สำหรับสมาชิกครอบครัวที่เข้ามาทำงานในเครือ ต้องไม่ทำงานที่สำเร็จอยู่แล้ว แต่ต้องไป “กู้วิกฤติ” หรือสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อเรียนรู้จริง
และที่สำคัญ คุณ ธนินท์ ชี้ว่า “ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องเสียหาย” ถ้าไม่ได้ตั้งใจผิด เราต้องเรียนรู้จากมัน แล้วแก้ไขในวันรุ่งขึ้น
อีกทั้งปัจจุบัน เทคโนโลยีมีบทบาทต่อแรงงานสูง เนื่องจากปัญหาขาดแคลนแรงงาน จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น IoT, กล้องอัจฉริยะ, AI เป็นเครื่องทุ่นแรง เพื่อให้คนทำงานได้ 10-20 เท่า เช่น ช่วยผู้จัดการหนึ่งคน สามารถดูแลสาขาของร้านค้าได้ถึง 10-20 แห่ง
คุณธนินท์ คาดการณ์ว่าในอนาคต หุ่นยนต์จะเพิ่มงาน ไม่ใช่ลดงาน โดยมนุษย์จะไปทำหน้าที่สร้างเครื่องจักร ดูแลโรงงาน และบริหารจัดการแทน
1
และชั่วโมงการทำงานจะลดลงเหลือ 4 วันต่อสัปดาห์ และสุดท้ายอาจเหลือ 2-3 วันต่อสัปดาห์ โดยที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้
บทบาทของมนุษย์ ยังคงสำคัญที่สุด เพราะมนุษย์เป็นคนคิด สร้าง และบริหารจัดการเครื่องจักรและหุ่นยนต์ รวมถึงเป็นผู้บริโภคสิ่งที่สร้างขึ้นมา
1
แต่การศึกษา ต้องปรับหลักสูตรให้สร้างคนที่มีความรู้ที่โลกยุค 4.0 ต้องการ ไม่ใช่สร้างคนที่มีความรู้ล้าสมัย
และหากไทยขาดแคลนคนเก่งในยุค 4.0 ควร นำเข้าคนเก่งจากทั่วโลกมาเป็นคนไทย เพื่อมาสร้างธุรกิจ สร้างอาชีพ และรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งคนไทยเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติเพราะมีอัธยาศัยดี
คุณธนินท์ย้ำว่า ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปกี่ .0 ก็ตาม คนยังมีความสำคัญมากขึ้นเสมอ แต่หากคนไม่เก่งพอ จะถูกโลกและเทคโนโลยีทอดทิ้ง
บทเรียนที่ 6 กลยุทธ์ระดับโลกของ CP
1
CP ใช้มืออาชีพและคนเก่งจากทั่วโลก โดยถือว่าพวกเขาคือ คนในครอบครัวของ CP เพื่อให้สามารถขยายธุรกิจไปยังกว่า 100 ประเทศได้
1
เมื่อ CP ไปลงทุนในประเทศกำลังพัฒนา จะต้องนำเทคโนโลยีที่สูงไปใช้ เพื่อให้ประเทศเหล่านั้นได้รับประโยชน์ และรู้สึกว่า CP มาช่วยประเทศของเขา
โดย CP มีค่านิยม 6 ข้อ
1. ประชาชนและประเทศนั้นต้องได้ประโยชน์ก่อน แล้วบริษัทจึงจะได้ประโยชน์
2. ต้องมีนวัตกรรม
3. ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง
4. ต้องมีความรวดเร็ว และมีคุณภาพ
5. ต้องสามารถทำเรื่องยาก ให้เป็นเรื่องง่าย
6. ความกตัญญู ต้องซื่อสัตย์ สุจริต และกตัญญูต่อประเทศชาติ
2
ซึ่งถ้าให้ลงทุนแมนสรุปแนวคิดของคุณ ธนินท์ 3 ข้อสั้น ๆ ก็คงเป็น
1. กล้าเสี่ยงแต่ต้องไม่บ้าเสี่ยงจนล้มละลาย
2. รู้จักยอมรับความล้มเหลว ความผิดพลาด ยอมเสียแขนขา รักษาชีวิต เพื่อที่จะได้มีลมหายใจเอาคืนในวันข้างหน้า
3. สร้างคนให้เก่ง ควบคู่ไปกับการรักษาศักยภาพคนเก่งในองค์กร
1
ทั้งหมดนี้เอง คือหัวใจที่ผลักดันให้เครือ CP ก้าวข้ามผ่านวิกฤติ และขึ้นมาเป็นธุรกิจระดับประเทศ ระดับโลกได้..
บทความนี้สรุปจากการสัมภาษณ์คุณคุณธนินท์ เจียรวนนท์ หัวข้อ “ถอดคมคิด เปิดตำราฝ่าวิกฤติ ฉบับเครือซีพี” จากหอการค้าไทย ในช่อง ThaiChamber Official
ฟังบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม จากคุณธนินท์ และคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ได้ที่ Future Crisis - ถอดคมคิด เปิดตำราฝ่าวิกฤติ ฉบับเครือซีพี EP.2 ธนินท์-ศุภชัย เจียรวนนท์
โฆษณา