26 ก.ย. เวลา 15:28 • ดนตรี เพลง

[รีวิวอัลบั้ม] Breach: Digital Remains - twenty one pilots >>> อวสานโลกอีกใบ

-อุตส่าห์เชื่อสนิทใจไปแล้วว่า อัลบั้มที่แล้วจบมหากาพย์ DEMA ของจริง แต่ก็ Nah…Again ยังจะมีอีกหรอ แต่ด้วยระยะเวลา 1 ปีเศษ คู่หูดูโอ้พร้อมเสิร์ฟตอนจบของจริงแบบที่ไม่ต้องรอให้ cliffhanger นาน และไม่ต้องเป็นห่วงว่า ทุกเพลงจะโยงเส้นเรื่อง DEMA เพราะมีแค่ City Walls และ The Contract เท่านั้นที่แวะเข้าไป
-นอกนั้นเป็นการแชร์ความรู้สึกส่วนตัวที่มีทั้งความเปราะบาง ความวิตกกังวล จดหมายถึงคนรักและแฟนเพลงที่ติดตาม lore มาจนสุดทาง ส่วนใครที่นึกขึ้นได้ว่า นอกจากสองเพลงนี้มีประโยคไหนที่ไปสะกิดโลกของ DEMA ก็สุดแล้วแต่จะตีความตามสะดวกโยธิน ผมทำโพสต์แยกสรุป Trench Saga ไว้แล้ว สามารถเข้าไปอ่านก่อนได้ เพราะฉะนั้นรีวิวนี้จะพุ่งตรงไปที่รีวิวและอธิบายเพลงในอัลบั้มนี้ล้วนๆ
-ผมเคยบอกไปว่า ผมมีแนวโน้มชอบ Breach มากกว่า Clancy หลังจากที่ฟังหลายรอบก็ยังคงย้ำชัดถึงความชอบที่ไม่ได้ลดลงต่ำกว่าบาร์อัลบั้มที่แล้ว แต่ Breach นั้นก็ยังไม่ใช่งานท็อปฟอร์มเทียบเท่า Trench อยู่ดี เพราะอัลบั้ม Trench สามารถบาลานซ์ความ catchy และ banger ได้เฉียบคมกว่า จะเห็นได้ว่าหนังบางเรื่องยังหยิบยืมเพลงจากอัลบั้มนั้นเอาไปใช้เป็นซาวน์ดแทร็คอยู่เลย นั่นก็เป็นข้อบ่งชี้ถึงการสร้างภาพจำที่มันตราตรึงจนตรงใจคนส่วนใหญ่ได้
-จุดแข็งของ Breach คือการสลัด DEMA ออกไปได้ชัดกว่า Clancy แม้จะยังมีบางเพลงที่โยง แต่โหมดเพลงโลกจริงเริ่มเด่นชัดขึ้น Breach ฉลาดพอที่จะสะสางมหากาพย์ตั้งแต่ต้นม้วนเลย สลัดความกังวลจนกล้าหลุดจากกกันรอบได้บ้าง ความเข้มข้นจึงเพิ่มขึ้นกว่าอัลบั้มก่อนอย่างเห็นได้ชัด
-ซิงเกิ้ลแรก The Contract ต่อให้มันจะอยู่ในลำดับที่ 5 ของอัลบั้มและโยงเข้ามหากาพย์ก็จริง แต่น้ำหนักในการเชื่อมโยงต่อ Trench saga นั้นเบาบางมาก ฟังก์ชั่นของเพลงอีกทางเล่นกับโรคนอนไม่หลับที่ Tyler ระบายความอึดอัดนี้ในหลายเพลงเรื่อยๆมา การเลือกที่จะไม่เกริ่นนำด้วยเพลงนี้จึง make sense และสามารถทำงานกับอัลบั้มนี้ด้วยตำแหน่งที่ดีพอสมควร ฟังตอนเปิดตัวซิงเกิ้ลใหม่ๆอิหยังวะ แต่พอฟังรวมกับอัลบั้ม ผมดันชอบมากขึ้นเสียงั้น
เพิ่งรู้ด้วยว่า YUNGBLUD เป็น co-writer ด้วย น่าจะไปปลุกความพังก์ให้พี่ Tyler ได้พอสมควร การพรั่งพรูด้วย techno beat จึงเป็นลูกเล่นที่เสริมภาพเสียงตีกันในหัวได้อย่างแนบเนียน
-City Walls เพลงเปิดอัลบั้มที่ทำหน้าที่ตั้งใจสะสางมหากาพย์ DEMA ด้วยความเด็ดเดี่ยวที่มาพร้อมกับไลน์เบสสุดเท่ห์ การแร็ปสุดทะมัดทะแมงพอๆกับเนื้อเรื่องที่บ่งบอกว่า พวกเขาต่อสู้กับโรคซึมเศร้าด้วย process ที่มาได้ไกลจนเริ่มตัดวงจรมันได้แล้ว ท่อน Outro ยังซ่อนทำนองอินโทรของ Heavydirtysoul ซึ่งเป็นเพลงแรกจาก Blurryface ที่ปูทางสู่มหากาพย์ เป็นที่รู้กันว่า City Walls คือจุดจบลูปของมหากาพย์โดยแท้จริง
-ต่อจากนี้เข้าสู่เรื่องส่วนตัวของหนุ่มๆแล้วครับ เริ่มจาก RAWFEAR กลิ่นอายดุ่มๆคล้าย Chlorine ในเวอร์ชั่นที่ซอฟท์และประนีประนอมกว่า บอกเล่าปัญหาชีวิตที่ไม่มีทางหลุดพ้นหรือสามารถวิ่งหนีได้โดยตลอด เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันตลอดชีวิต ความพิเศษอยู่ตรงที่เสียงกรี๊ดที่เราได้ยินในท่อนอินโทร หาใช่เสียงอีแร้ง แต่เป็นเสียงของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ Tyler นั่นเอง
-เมื่อเอาคนในครอบครัวมามีส่วนร่วมด้วยแล้ว Tyler ก็ไม่ลืมที่จะบอกรักเมียในเพลง Days Lie Dormant ที่เป็นการส่งความคิดถึงเมียยามเมื่อตัวเองไปออกตระเวนทัวร์ ช่วงที่จำต้องห่างเมีย วันเหล่านั้นกลายเป็นช่วงเวลาที่แน่นิ่งเดินได้ช้าซะเหลือเกิน
-Drum Show เปิดทางให้ Josh Dun ไม่ได้โชว์แค่ไลน์กลองแน่นปึ๊ก แต่ยังโชว์ร้องเต็มๆในท่อนแยกเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วย และเป็นท่อนที่ดีซะด้วย มันเป็นการเปรียบเปรยการขับเคลื่อนชีวิตอย่างมีเป้าประสงค์เหมือนการขับรถที่มีจุดหมายปลายทาง มีช่วงเร่งเครื่อง แตะเบรค ระบายความอัดอั้นผ่านเพลงที่เปิดฟัง
การมีอยู่ของท่อน Josh จึงเหมือนโมเมนต์พักหายใจหายคอกินลมชมวิวที่ขอลืมความจริงเพียงชั่วขณะก็ยังดี ไม่ลืมเป้าหมาย ขอแค่ผ่อนคลายจากความอ่อนล้าบ้าง
-การระลึกถึงคุณปู่ที่อยู่บนฟ้ายังคงมีอยู่เสมอในบทเพลงบัลลาดเปียโนขับกล่อมสุดไพเราะอย่าง Cottonwood ท่อนฮุกย้อนเวลาด้วยมุมมองแบบกล้องโทรทรรศน์ช่างเป็นการทะนุถนอมช่วงเวลาดีๆได้อย่างอ่อนโยนเหลือเกิน
-การดิ้นรนส่วนตัวเกี่ยวกับความวิตกกังวลกลัวจะสูญเสียทุกอย่างไปประหนึ่งโดนยิงแสกเข้าจุดสำคัญกลางตัวในเพลง Center Mass แร็ปรัวๆประหนึ่งความคิดในหัวเริ่มตีกันอีกครั้ง ก่อนที่จะระเบิดความอัดอั้นชนิดที่ส่งเสียไปไกลถึงงานศพตัวเองเลยทีเดียว
-นอกเหนือจาก YUNGBLUD ที่มีส่วนร่วมในเพลง The Contract แล้ว พวกเขายังเปิดโอกาสให้วงอนดี้อย่าง Blanket Approval ได้มามีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน โดย Tyler สุ่มเจอวงนี้ในอินเตอร์เน็ตแล้วดันติดใจจึงติดต่อไปหาวงจนได้ไปร่วมงานกัน
อยู่ดีๆเพลง My Soft Spots My Robot อันเป็นเพลงเก่าของ Shane อดีตสมาชิกของวงที่เคยทำไว้เมื่อปี 2021 ได้ถูกเอามาต่อยอดอีกครั้ง และ Tyler ได้มาแจมด้วยพอดี เลยบังเกิดทั้งเพลงต้นฉบับและเพลงแปลงที่ชื่อ Robot Voices ในเวอร์ชั่นของ twenty one pilots ขึ้นมา
ความแตกต่างระหว่างเพลงแปลงและเพลงต้นฉบับก็คือ โทนเพลง Robot Voices ก็จะถูกหรี่ให้ดาร์คและพังก์ขึ้นตามคาแรคเตอร์ของวง ส่วนของ Blanket Approval ก็จะสดใสประหนึ่งเพลงของวัยรุ่นแอบรักใสๆเลยครับ ส่วนตัวแล้ว ผมชอบฝั่ง Blanket Approval มากกว่าด้วยความที่มันตรงคาแรคเตอร์กว่า ทั้งนี้เพลงนี้ก็ได้รวม Shane เป็น co-writer ด้วย
-ที่ผมได้บอกไปว่า Breach ยังไม่ท็อปฟอร์มเทียบเท่า Trench คือการมีบางแทร็คที่ยังคงจืดจางและเป็นเหมือนทางผ่านมากกว่าจะเสริมน้ำหนักให้องค์รวมจริงๆ เฉกเช่น Garbage ตั้งชื่อได้ด้อยค่ามากๆ จริงๆแล้วท่วงทำนองเปียโนค่อนข้างสวยอยู่นะ ไม่จำเป็นต้องเล่าอะไรลงไปในเพลงเลยก็ได้จริงๆนะ ให้คนฟังได้ meditate ก็ดี
-One Way ที่เป็นการเปรียบเปรยคนที่อยากจะโบยบินได้เต็มที่ แต่สภาพอากาศอันแสนอึมครึมไม่เป็นใจให้การโบยบินได้อย่างราบรื่นเลย ไม่ต่างจากคนเป็นซึมเศร้าที่ความขึ้นๆลงๆทางอารมณ์ก็คอยดรอปแรงบันดาลใจ บล็อคความคิดสร้างสรรค์ได้โดยง่าย เป็นทางผ่านที่ไม่มีอะไรว้าวมากนอกจากส่งไม้ต่อให้เพลง Days Lie Dormant ที่ว่าด้วยการเดินทางไกลจนต้องห่างเมียนั่นแหละ
-Downstairs คือตัวอย่างเพลงเก่าที่ชื่อว่า Korea ถูกดองนานร่วม 14 ปีในแล็บท็อปของ Josh บางทีมันก็มีเหตุผลของความยากในเพลงบางอย่างที่จะทำให้เพลงนี้กลายเป็นกิมจิแสนอร่อยขึ้นมาจนได้ พอเอามา rearrange ใหม่ปุ๊บกลับทำให้เพลงยืดยาดเชิญให้กดข้ามได้
-Tally แทร็ครองสุดท้ายที่เน้นคลี่คลายมากกว่าสร้างไคล์แม็กซ์ เพราะนี่คือจดหมายทั้งขอบคุณและขอโทษแฟนเพลงไปพร้อมๆกัน สำหรับการเดินทางที่ต้องจูงให้แฟนเพลงต้องเดินทางไปกับ DEMA Saga โดยที่เนื้องานอัลบั้มระหว่างทางนั้นมีขึ้นๆลงๆบ้าง ซึ่งก็ตามมาด้วยการสูญเสียแฟนเพลงบางส่วนที่เลือกจะละทิ้งมหากาพย์กลางทาง นั่นจึงเป็นการขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง
และสามารถตีความแบบแวะที่เส้นเรื่อง DEMA ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะอีกนัยนึงของเพลงนี้เป็นการฉายภาพปกอัลบั้มที่ต้องการจะสื่อถึง Clancy เลือกที่จะปฏิเสธ Torchbearer ด้วยการขอปลีกวิเวกจนสุดท้ายก็ได้เป็นบาทหลวงชุดแดง(โรคซึมเศร้า)ที่ตัวเองพยายามต่อต้านมาโดยตลอดเสียเอง เลยเป็นที่มาของการปฏิเสธชุดแจ็คเก็ตและทำให้เพื่อนร่วมทางในโลกนิยายนั้นผิดหวังจนแยกทางใครทางมันในที่สุด
-ปิดท้ายด้วย Intentions ที่ไม่ได้ซ่อนระเบิดตูมตามเป็นเซอร์ไพร์ส แต่เป็นการสร้างโมเมนต์ปิด Saga ได้อย่างสงบสติอารมณ์แบบเอาน้ำเย็นเข้าลูบ หายใจเข้าลึกๆด้วยหลักการง่ายที่สุดแต่ก็เข้าใจว่ามันยาก “ความตั้งใจคือทุกสิ่ง ความตั้งใจจะทำให้เราเป็นอิสระเองในตอนท้าย” ถือเป็นการให้กำลังใจคนฟังที่ดีมากๆ
หากสังเกตท่อนคอรัสโหยหวนพวกเขาได้หยิบมาจากเพลง Truce แทร็คสุดท้ายจากอัลบั้มแรกสุดอย่างเป็นทางการ Vessel ด้วยการ reverse ท่อนคอรัสโหยหวนเป็นการสร้างจุดเชื่อมโยงเพื่อให้บรรจบกับจุดเริ่มต้นของเพลง Truce ว่าด้วยการต้องผ่านค่ำคืนอันแสนยาวนานและทรมานจาก mental health เพื่อให้มีชีวิตต่อในรุ่งอรุณถัดไปให้จงได้
Intention จึงเป็นปลายทางของรุ่งอรุณนั้นที่อะไรหลายอย่างเริ่มคลี่คลายขึ้น ผ่านการเดินทางกับพวกเขาตลอด 10 ปีที่ผ่านมานั่นเอง
สรุปอีกซักนิดว่า พวกเขาสร้างจุดจบลูปไว้ในอัลบั้มนี้ทั้งหมด 2 วงด้วยกัน
วงแรกคือวงสับเซ็ตที่เป็น มหากาพย์ DEMA ที่เริ่มด้วย Heavydirtysoul -------> City Walls
วงที่สองเป็นภาพใหญ่ตั้งแต่แทร็คสุดท้ายของอัลบั้ม Vessel Truce -----------------------> Intention
***Breach : Digital Remains (พื้นที่รีวิวเฉพาะใน Blockdit เท่านั่น)
-ในส่วนของเวอร์ชั่นพิเศษ Digital Remains (ปิดการขายในเว็บไซต์ของวงตั้งแต่ 19 กันยายน) ความพิเศษของอัลบั้มนี้ นอกจากจะได้ Digital Booklet 50 หน้าอย่างตื่นตาตื่นใจแล้ว เหมือนเราได้ดูหนังที่เป็น Director’s Cut ที่มักจะแถมฉากพิเศษเข้าไป ซึ่งเพลง Drag Path เพลงแถมเพลงเดียวเท่านั้นก็ทำให้ตอนจบของ DEMA Saga ค่อนข้างเคลียร์ขึ้นด้วยความเปี่ยมหวัง
ถ้า Intention คือฉากจบแบบปกติที่พอมีหวังแต่ก็โดดเดี่ยว Drag Path ไม่โดดเดี่ยว ยิ้มสู้ และไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป เป็นเพลงบัลลาดที่มีลวดลาย post rock จุดนี้โคตรชอบ ไม่เคยเห็นวงทำแนวทางนี้มาก่อน เป็นการกลั่นความรู้สึกได้เข้มข้นและซาบซึ้งสุดๆไปเลยครับ
มันเป็นตอนจบอีกแบบที่ไม่ทำตัวเพิกเฉยต่อเหล่าตัวละครสมทบที่คอยเป็น life support และยังมี statement ประโยคสุดท้าย Then the sun begin to rise / We Made It through the darkest night / You Found Me ชัดเจนถึงการเชื่อมกับเพลง Truce แบบโต้งๆเลย เป็นรุ่งอรุณแห่งค่ำคืนที่แสนยาวนาน 10 ปีที่คลี่คลายของจริง
-สุดท้ายก็น่าสนใจดีครับว่า พอพวกเขาออกจากโลกของ DEMA ได้แล้ว (ซักทีโว้ย) มาโฟกัสโลกจริงจะไปในทิศทางใดกันแน่ ผมเชียร์ให้พวกเขาเลิกที่จะทะเยอทะยานแล้วเล่าเรื่องใกล้ตัวด้วยวิธีที่ไม่ซับซ้อนซ่อนจักรวาลอีกใบไปกว่านี้ โปรดเห็นใจคนที่มีคอนเทนท์หลายๆอย่างให้ติดตามในชีวิต ถ้าจะให้ต้องมาถอดรหัส multiverse อีก แล้วเมื่อไหร่คนฟังจะสามารถอินและ relate ได้ง่ายกว่านี้เสียที
-ผมก็ไม่อยากจะทิ้งท้ายแบบตอนรีวิว Clancy ที่คิดว่าพวกพี่จะจบแล้ว แต่ให้ตายเหอะ ผมยังต้องมา let’s fucking go ในรีวิวอัลบั้มนี้อีกหรอวะเนี่ย
อย่าให้มีครั้งที่ 6 7 8
Top Tracks: City Walls, Drum Show, The Contract, Center Mass, Cottonwood, Days Lie Dormant, Tally, Intention
Give 7.5/10
Thx 4 Raedin’
See Y’all
โฆษณา