กุญแจดอกที่ 30 : 👑 โรคอวดอ้างของคนที่ ‘เกือบจะ’ มีอำนาจ (Why the “Almost Powerful” Love to Flex)
“ยิ่งไม่มีอำนาจ…ยิ่งต้องอวดอำนาจ?”
โลกนี้หมุนด้วยอำนาจ… หรือแค่อีโก้?
คุณเคยสังเกตไหมครับว่า…ในที่ทำงานมักจะมีอยู่สองแบบ 🧐
• บางคนไม่มีตำแหน่ง ไม่มีบารมี แต่ชอบทำตัว “กูคือผู้มีอำนาจสูงสุดในจักรวาลนี้”
• ในขณะที่บางคนมีตำแหน่งจริง มีบารมีจริง แต่กลับเงียบ นิ่ง ไม่พูดเยอะ
ทำไมมันถึงตรงข้ามกันแบบนั้น?
🎭 จิตวิทยาว่าด้วย “คนอยากสำคัญ”
1. ตามทฤษฎี Impression Management ของ Goffman บอกว่า คนเรามักสร้างภาพให้คนอื่นเห็นว่า “ฉันมีคุณค่า” “ฉันสำคัญ” หรือ “อย่ามาหือกับฉัน” โดยเฉพาะเวลาที่รู้สึกว่า ตัวเองไม่มั่นคงจริง ๆ
พูดง่าย ๆ คือ ยิ่งไม่มีอำนาจ ยิ่งต้องอ้างอำนาจ 💥 เพราะถ้าไม่พูด…เดี๋ยวไม่มีใครรู้สึกถึงความสำคัญของเขา
ตรงกันข้าม คนที่มีอำนาจจริง ๆ มักจะไม่ต้องอวด
เพราะแค่เขา นั่งเฉย ๆ พลังงานความน่าเกรงขามมันก็เด้งออกมาแล้ว
มันเหมือนการใส่หน้ากากเพื่อกลบปมด้อยในใจ เพราะลึก ๆ แล้ว เขากลัวว่าถ้าไม่แสดงอะไรออกมาเลย คนอื่นจะมองว่าเขา “ไร้น้ำหนัก” ในที่ทำงานน่ะสิ!
📌 ตัวอย่างในออฟฟิศที่คุณน่าจะเคยเจอ
• พี่เล็ก หัวหน้าฝ่ายเล็ก ๆ ชอบพูดว่า “เรื่องนี้ฉันสั่งนะ” ทั้งที่จริงต้องไปถามอนุมัติอีกที 🤭
• ผู้จัดการใหญ่กลับพูดเบา ๆ ว่า “เอาอันนี้ดีกว่า” ทุกคนก็รีบเปลี่ยนทั้งโครงการ…จบ ไม่ต้องโวยวาย
2. จิตวิทยาแห่งอำนาจปลอม: กลบปมด้อยด้วยปาก หลัก “การชดเชยทางจิต หรือ กลไกการชดเชย (Compensation Mechanism): 'ความว่างเปล่าที่ต้องเติมเต็ม' 🎈
ตามหลักจิตวิทยาของ อัลเฟรด แอดเลอร์ (Alfred Adler) ได้กล่าวถึง "ความรู้สึกด้อยกว่า" (Inferiority Feeling) ว่าเป็นแรงผลักดันสำคัญของมนุษย์ คนที่มี อำนาจน้อยจริง หรือรู้สึกว่าตนเอง ขาดความสำคัญ (Lack of Significance) ในสายตาผู้อื่น จะใช้การ อวดอ้าง (Boasting) หรือ แสดงอำนาจเกินจริง เป็นกลไกชดเชยทางจิตใจ (Compensation) พวกเขาพยายามฉายภาพลวงตาของความสำคัญเพื่อกลบเกลื่อนความไม่มั่นคงภายใน (Insecurity) ง่ายๆ คือ
🧠 หลักวิชาการนิดนึง
นักจิตวิทยาอธิบายว่า คนที่มีอำนาจจริงมักจะ ไม่กังวลกับภาพลักษณ์ เพราะเขารู้ว่าแหล่งอำนาจนั้นมั่นคง
ส่วนคนที่อำนาจปลอม ๆ (หรืออำนาจแบบจำกัด) จะกังวลว่าคนอื่นไม่ยอมรับ เลยต้องใช้ “เสียงดัง” “การข่ม” หรือ “การอวด” มาเป็นเครื่องมือแทน
เหมือนกับหมาเห่าเสียงดัง 🐶 …ส่วนสิงโตไม่ต้องเห่า แค่เดินมาก็เงียบทั้งป่า 🦁
3. ปรากฏการณ์ “ยิ่งน้อย ยิ่งโชว์” (Small Dog Syndrome)
สังเกตไหม? สุนัขตัวเล็กมักเห่าดังกว่าเยอรมันเชเพิร์ด! ในมนุษย์ก็เช่นกัน—คนที่มีอำนาจน้อยอาจใช้ “การแสดงอำนาจ” เป็นเครื่องป้องกันตัวเอง เพราะกลัวถูกมองว่าไม่สำคัญ 🐕🦺
ตัวอย่างในชีวิตจริง: หัวหน้าทีมที่ไม่เคยพูดว่า “ฉันคือหัวหน้า เธอต้องฟังฉัน!” แต่ทุกคนในทีมยอมรับนับถือ เพราะเขาทำงานเก่ง แก้ปัญหาได้ และให้เกียรติทุกคน
🔑 แล้วเราจะเอาไปใช้ยังไงดี?
1. ถ้าเจอคนอวดอำนาจบ่อย ๆ – ให้เข้าใจว่าเขาอาจรู้สึก ไม่มั่นคง อย่าเก็บมาใส่ใจมาก
2. ถ้าคุณมีอำนาจจริง – ไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ ใช้ความสงบ สั้น กระชับ และชัดเจน จะทรงพลังยิ่งกว่า
3. ถ้าอยากได้อำนาจโดยไม่ต้องอวด – สร้าง “เครดิต” จากผลงานและความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่จากการตะโกน
4. อย่าเสียพลังงานไปกับคนอวดอ้าง – การโฟกัสที่งานจริง ดีกว่ามัวสนใจเสียงเห่าของคน “เกือบมีอำนาจ”
🐾 คำข่วนแบบคนอยากสำคัญ
“หมาเห่า…ไม่ได้แปลว่าหมาใหญ่” 🐶 (True power doesn’t need to be announced. It is felt.” 💬)
"ภาชนะที่ว่างเปล่ามักมีเสียงดังที่สุด“ (Empty vessels make the loudest sound.)
“ศาลาแดงก็โพสต์ตลอด…วังหน้าอยู่เงียบๆ แต่ใครๆ ก็รู้**” 🏯
** เป็นการเปรียบเทียบสถานีรถไฟ กับ พระราชวัง เพื่อสื่อเกี่ยวกับ "การแสดงออก" ของคน 2 ประเภท
🔮 บทสรุปชวนคิด
จริง ๆ แล้ว “อำนาจ” ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งหรือเสียงดัง แต่มันอยู่ที่ คุณค่าที่คนอื่นรับรู้จากเรา
ยิ่งเงียบแต่คม…ยิ่งน่าเกรงขาม
ยิ่งพูดเยอะแต่ออกกลวง…ก็ยิ่งถูกมองว่า กำลังกลบเกลื่อนความอ่อนแอ
ความสงบคือพลังที่แท้จริง 💖
ปรากฏการณ์ 'คนไม่มีของแต่ชอบโชว์' เป็นเรื่องธรรมชาติทางจิตวิทยาที่สะท้อนถึงการดิ้นรนเพื่อความมั่นคงภายใน และกลไกการเอาตัวรอดในสังคมของเรา แต่สำหรับคนที่มีอำนาจจริง การใช้ความนิ่ง ความสงบ และความมีสติในการทำงานคือเครื่องพิสูจน์พลังที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด จำไว้ว่า: คนที่เต็มแก้วแล้ว ไม่จำเป็นต้องกระฉอกน้ำออกมาเพื่อโชว์ใคร!
โลกนี้เต็มไปด้วยคนที่อยากให้ตัวเองดูยิ่งใหญ่ แต่สุดท้าย อำนาจที่แท้จริงไม่ได้มาจากการพูดจาข่มขู่ หรือการทำตัวเป็นใหญ่ในที่ทำงาน มันมาจากความสามารถ ความมั่นใจ และการให้เกียรติผู้อื่น 😊
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
