Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
•
ติดตาม
29 ก.ย. เวลา 12:28 • การ์ตูน
EP : 1,338 Der Ring des Nibelumgen 1 ทองคำแห่งไรน์
เคยมีช่วงนึงที่ผมอ่านมังงะของ อ. Yousuke Takahashi อยู่บ่อยๆ ทั้งๆที่ไม่ใช่แฟนงานของ อ. ขนาดนั้น เพราะงานท๊อปฮิตอย่าง “ชั่วโมงเรียนพิศวง” ผมยังอ่านไปแค่เล่มสองเล่มแล้วเก็บเลย สาเหตุหลักๆที่ช่วงนั้นอ่านงาน อ. รัวๆ เพราะ เป็นช่วงแรกๆของการกลับมาของเหล่า สนพ ไพเรท ที่ขยันออกงานของ อ. มารัวๆ และต่อให้ผมไม่ใช่แฟนงานของ อ. เขาก็เหอะ มันก็ต้องหามาอ่านเพราะงานของ อ. เขาดี ดีมากพอที่จะทำให้ผมเสียเงิน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ เหล่าไพเรท มักจะเลือกงานของ อ. มานำเสนอกันอย่างต่อเนื่องครับ
ที่เปิดรีวิวด้วยเรื่องนี้ก็เพราะตอนนี้ผมกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกันนี่แหล่ะ นั่นก็คือ ผมกำลังอยู่ในช่วงที่อ่านงานของ อ. Leiji Matsumoto รัวๆเช่นกัน แม้จำนวนงานจะไม่มากเท่ากับปริมาณการออกของ อ.Takahashi ก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว ผลงานที่ออกมาเรื่อยๆ แบบไม่รีบนี้ มันก็มีปริมาณมากกว่าตอนเมื่อก่อนแบบเทียบไม่ถึงกันเลยทีเดียว
แน่นอนมันเป็นผลดีกับเหล่าแฟนงานของ อ. เลย์จิ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะในบ้านเราผมก็เชื่อว่ามีคนชอบงานของ อ. ไม่น้อย แต่ผลดีมันก็มาตกกับคนอ่านทั่วไปแบบผมด้วย เพราะต่อให้ไม่ใช่แฟนงานของ อ. ขนาดนั้น
แต่ด้วยคุณภาพและชื่อเสียงของ อ. มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหักห้ามใจและปล่อยผ่านงานของ อ. ยิ่งผมรู้เรื่องอ.ไม่ได้เยอะอะไรด้วยแล้ว ทุกๆงานที่ได้อ่าน มันคือการได้ทำความรู้จัก ได้ทำการพูดคุยกับ ยอดนักเขียนนักวาดที่ชื่อ เลย์จิ และนี่คือการพูดคุยกันอีกครั้งของผมกับ อ. เลย์จิ กับผลงานที่ อ. หยิบ อุปรากรชื่อดังมาเขียนในแบบฉบับตัวตนของตัวเอง และเป็นผลงานที่กว่าจะออกพิมพ์ครบ ก็ต้องรอเวลากว่า 35 ปี กับงานเรื่องนี้ครับ “Der Ring des Nibelumgen 1 ทองคำแห่งไรน์” ครับ
... ด้วยความจำเป็นจากเรื่องเชื้อเพลิง ทำให้ยาน จิยูว์โคโคเซ็น วัลคิวเร่ 13 ที่กำลังปฎิบัติหน้าที่บางอย่างในอวกาศ ต้องทำการเติมเชื้อเพลิงเพิ่มเติม ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอะไร เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในกำหนดการอยู่แล้ว โดยแผนการจะทำการเข้าไปเติมเชื้อเพลิงยังดาวเคราะห์น้อย “อครูซิออน” ซึ่งที่นี่ถือเป็นดาวชุมทางการค้า ที่นักเดินทางต่างรู้จักกันอย่างดี และเป็นจุดแวะพักที่สำคัญระหว่างเดินทางมาอย่างยาวนาน
เพียงแต่ว่ามันเงียบเกินไป ก่อนที่ยานวัลคิวเร่ 13 จะไปถึง อครูซิออน พวกเขาไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่บนดาวนั้นได้เลย ทำให้เขาต้องทำการตรวจสอบด้วยเครื่องตรวจสอบที่เขามี ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้ติดต่อไปยังดาวอครูซิออนเพื่อขอเทียบท่าไม่ได้ ก่อนจะพบข้อมูลที่สำคัญว่า ก่อนหน้านี้ 2 ชั่วโมง มียานอวกาศเล็กๆ ได้เข้าไปจอดเทียบท่าและหลังจากนั้นทุกอย่างบนดาวก็ดูเหมือนเงียบไปหมดราวกับไม่มีใครอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้เลย
แต่เพราะมันจำเป็นมากที่จะต้องเติมเชื้อเพลิงให้ได้ตามแผนการที่กำหนดไว้ทำให้ วัลคิวเร่ 13 ไม่มีทางเลือก ต้องทำการเข้าไปจอดยังอครูซิออนให้ได้ แม้จะไม่มีสัญญาณการตอบรับจากเจ้าหน้าที่รวมถึงสัญญาณของสิ่งมีชีวิตและกิจกรรมอันคึกคักเสมอบนดาวก็ตาม และเมื่อท่าจอดยานเข้าสู่เมืองที่เปิดออกเสมือนรอต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างพวกเขาอยู่แล้ว นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของผู้คน อวกาศ ทวยเทพ ใน Der Ring des Nibelumgen 1 ทองคำแห่งไรน์
“Der Ring des Nibelumgen 1 ทองคำแห่งไรน์” เป็นอีกเรื่องที่ผมได้อ่านโดยที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ซึ่งเป็นปกติของงาน อ. ที่ผมได้อ่านอยู่แล้วนะครับ เพราะอย่างที่บอกว่าผมไม่ใช่แฟนงานจ๋าของ อ. เลย์จิเขา แม้จะเป็นอย่างนั้น ผมก็ยังมีภาพจำของงานที่ดังๆของ อ. อยู่หลายเรื่อง สไตล์การเล่าที่เป็นเอกลักษณ์ของ อ. ผมก็เริ่มคุ้นเคยมากขึ้นและจดจำได้ดีเพิ่มขึ้นจากการได้อ่านงานเรื่องอื่นๆของ อ. ในช่วงที่ผ่านมา
เพราะฉะนั้นแม้เรื่องนี้จะเป็นงานที่ อ. หยิบ อุปรากรชื่อดังมากที่ผมก็ไม่รู้จักเพราะไม่เคยดูอุปรากรมาก่อน อย่างเรื่อง "แดร์ริงเด็ส นีเบอลุงเงิน: ดาส ไรน์โกลด์" ของ ริชชาร์ท วากเนอร์ ก็ตาม ในฐานะที่อ่านจบเล่มแล้วก็ต้องบอกว่า มันคืองานของ อ. เลย์จิ อย่างไม่ผิดเพี้ยน เต็มไปด้วยแนวทางการเล่าทั้งงานภาพและวิธีอย่างไม่ต้องสงสัย ที่สำคัญ ในวิธีการเล่านั้น ใช้ตัวละครชื่อดังจากเรื่องต่างๆของเขามาใช้เล่าในเรื่องนี้เต็มไปหมดอีกด้วยครับ
มาพูดถึงความเป็น “อุปรากรหรือโอเปร่า” กันก่อน อย่างที่บอกว่าผมไม่เคยดูอุปรากร/โอเปร่า มาก่อน แม้จะเคยผ่านตาจากหลายๆสื่อมาบ้างก็ตาม แต่ที่ผ่านตามันก็คงไม่ใช่อุปรากรเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะแบบนี้นั่นแหล่ะ ข้อมูลที่ทาง สนพ ใส่เอาไว้ในต้นเรื่องให้รับรู้กันก่อนได้อ่านงานในหน้าต่อไป จึงสำคัญและเหมือนเป็นประตูบานเล็กๆที่อธิบายถึงเนื้อหาภาพกว้างจากต้นฉบับที่ อ. ได้หยิบมาดัดแปลงให้ได้อ่านกัน
มันเป็นเนื้อหาสองหน้ากระดาษที่ช่วยให้ผมได้รับมีภาพของเรื่องนี้อยู่ในหัวก่อนได้อ่านฉบับดัดแปลง และได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องราวและมีปริมาณเนื้อหามากแค่ไหนครับ
ด้วยความที่ "แดร์ริงเด็ส นีเบอลุงเงิน: ดาส ไรน์โกลด์" ของ ริชชาร์ท วากเนอร์ ต้นฉบับนั้นเป็นอุปรากรที่ถือว่ามีเนื้อหายาวที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรี จนต้องมีการแบ่งการเล่าออกเป็น 4 ภาคด้วยกัน
เพราะเนื้อหาที่มันแน่นด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ในมังงะเวอรชั่นดัดแปลงที่ อ. เลย์จิ หยิบมาเขียนนั้น จึงทำการแบ่งเนื้อหาให้สอดคล้องกับต้นฉบับ นั้นคือแบ่งการเล่าเนื้อหาให้เป็น 4 ภาคด้วยเช่นกัน
และ“Der Ring des Nibelumgen” ที่กำลังรีวิวอยู่ในตอนนี้ก็คือภาค 1 ภาคบุพภาค ที่ใช้ชื่อภาษาไทยว่า “ทองคำแห่งไรน์” นั่นเองครับ
ด้วยเนื้อหาที่พูดถึงเรื่องราวของเหล่าทวยเทพ ผมถือว่าเป็นอีกหนึ่งพล็อตเรื่องที่เข้าทาง อ. เลย์จิ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนอกจาก อ. วาดเรื่องนี้ด้วยความชอบและเป็นแฟนของผลงานต้นฉบับเรื่องนี้อยู่แล้ว เนื้อหาจากต้นฉบับที่มี มันสามารถลากโยงเข้ากับเส้นเรื่องในแบบที่ อ. เลย์จิ ใช้ในผลงานของ อ. ได้เนียนกริปเลยก็ว่าได้
ที่บอกอย่างนี้ ผมไม่รู้หรอกนะครับ ว่าตอนเขียนจริง มันยากแค่ไหนในการดัดแปลงงานที่ถือเป็นผลงานทางดนตรีระดับโลกอย่างเรื่องนี้นะ แต่ผมแค่มองว่าผลที่ออกมาและได้อ่านไปในเล่มแรก ของภาคแรกนั้น มันทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้นต่างหากครับ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากบอก
ด้วยเรื่องราวที่ถูกดำเนินในอวกาศแทนสรวงสวรรค์จากเนื้อเรื่องเดิม ตัวเรื่องจึงเต็มไปด้วยภาพเอกลักษณ์อันโดดเด่นจากฝีมือ อ. เลย์จิ อย่างไม่ยากเย็น ก็แน่ล่ะ หากเป็นคนที่เคยอ่านงานของ อ. ภาพอุปกรณ์ไฮเทค ความไฮเทคโนโลยี ยานอวกาศ ภาพกาแล็กซี่ และจักรวาลที่มีหมู่ดาวอันมากมาย ย่อมเป็นเสมือนสัญลักษณ์และเอกลักษณ์ที่แฟนๆของ อ. อยากจะเห็นในผลงานของ อ. อยู่แล้ว เพราะแบบนั้นเรื่องนี้จึงตอบสนองความต้องการนั้นได้อย่างไม่มีที่ติ รวมถึงห้วงอารมณ์และความเศร้าที่เราจะได้สัมผัสอยู่เสมอในงานของ อ. เลย์จิด้วยเช่นกัน
ซึ่งต้องบอกว่า ห้วงเวลาแห่งความคิด ความเศร้า จิตแห่งความห่วงหา บนภาพอวกาศที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และยานอวกาศที่กำลังเดินทางเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง อัดแน่นอยู่ในเล่มนี้ตลอดทั้งเรื่อง แม้เนื้อหาจะมีการต่อสู้อยู่ตลอดเรื่องด้วยเช่นกัน แต่การถ่ายทอดอันเรื่องราวในเส้นทางแบบนี้อันเป็นเอกลักษณ์ ก็ยังคงถูกนำเสนอออกมาในเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่อย่างที่ผมและหลายๆคนต้องการเห็น
นอกจากจะใช้วิธีการอันเป็นเอกลักษณ์บอกเล่านำเสนอเรื่องราวที่มีต้นฉบับจากผลงานระดับโลกให้ออกมาในแบบที่คือตัวเองได้เป็นอย่างดีแล้ว อ. ยังใช้วิธีที่ลดช่องว่างระหว่างคนอ่านและเรื่องราวในเรื่องนี้ด้วยการหยิบตัวละครที่เราคุ้นตาจากเรื่องฮิตเรื่องอื่นของ อ. มาใช้เป็นตัวละครในการเล่าเรื่องนี้อีกด้วย
เอาจริงๆ ตอนแรกไม่รู้ว่า อ. ใช้ตัวละครอะไรบ้างมาเล่า เพราะผมแค่คุ้นตาในคาเรทเตอร์ของตัวละครและตัวยานอวกาศที่สะกิดใจให้ผมรู้สึกเลยว่า ตัวละครคนนี้หรือกลุ่มนี้ หรือยานลำนี้ เป็นงานจากเรื่อง อื่นของ อ. ที่ไม่ใช่ออริจินอลจากเรื่องนี้หรือเปล่า ซึ่งพอมาหาข้อมูลจาก สนพ ที่ลงไว้ในเพจ ถึงช่วยยืนยันว่าใช่ตามที่เห็นครับ(สนพ ลงไว้ว่าเป็นตัวละครที่ทุกคนรู้จักกันดีจากเรื่อง รถด่วนอวกาศ Galaxy 999 กัปตันฮาร์ล็อค เรือรบอวกาศยามาโต้ ครับ)
ข้อดีคือมันช่วยลดช่องว่างระหว่างผู้อ่านที่เคยอ่านงานของ อ. ได้เป็นอย่างดี เพราะเนื้อหาตั้งต้นออริจินอลมันคืองานแนวอุปรากร ที่มีระยะห่างกับคนส่วนใหญ่มากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด้วยวิธีการนี้ จึงดึงความสนใจและลดความต่างของอะไรหลายๆอย่างระหว่างคนอ่านและเนื้อหาได้เป็นอย่างดีครับ
แต่ข้อกังวลก็มีเหมือนกันกับวิธีการเล่าแบบนี้นะ เพราะด้วยผมไม่ได้อ่านงานดังๆของ อ. มาก่อน แม้จะรับรู้ได้ว่าตัวละครเหล่านี้ดึงมาจากผลงานออริจินอลเรื่องอื่นๆของ อ. ที่ดังๆก็ตาม มันก็สร้างความสับสนของเนื้อหาขึ้นมาอยู่บ้าง เพราะตัวละครเหล่านั้นมีหน้าที่สำคัญที่สอดคล้องกับตัวตนจากเรื่องดังของตัวเองด้วย
และ หลายๆตัวละครแม้เคยเห็นแต่ไม่รู้จักชื่อหรือบทบาท มันก็สร้างความสับสนในเนื้อหาต้นฉบับดั้งเดิมและความสัมพันธ์เดิมของเหล่าตัวละครเหล่านี้ ที่ อ. ยังหยิบมาใช้ในการเล่าเรื่องนี้อยู่บ้าง ซึ่งก็ต้องใช้เวลาและสมาธิในการเรียบเรียงระหว่างอ่านอยู่ไม่น้อยสำหรับผมครับ
สำหรับเรื่องนี้ ผมพยายามรีวิว เล่าเกี่ยวกับเนื้อหาในเล่มมากเป็นพิเศษนะครับ เพราะแม้ภาพรวมมันอาจไม่ได้ซับซ้อนอะไรก็ตาม แต่ด้วยเป็นงานเล่าเชิงอารมณ์เป็นส่วนผสมอยู่พอสมควร สิ่งต่างๆ ที่ถูกนำเสนอ ผมว่าถ้าได้อ่านเอง แต่ละคนคงจะสัมผัสได้ในแบบที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นเลยพยายามบอกเล่าถึงภาพรวมในผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพทั้งงานภาพและเนื้อหาให้อ่านกันคร่าวๆเป็นหลักก่อนครับ
“Der Ring des Nibelumgen 1 ทองคำแห่งไรน์” เล่มนี้นั้นเป็นอีกหนึ่งผลงานของ สนพไพเรท ที่ยืนหนึ่งในการเป็นแฟนงานของ อ. เลย์จิ อย่างค่าย 999 Comics ซึ่งหากเป็นแฟนเพจผม จะเห็นว่าเกือบทั้งหมดที่ผมนำมารีวิวหากเป็นผลงานของ อ. เลย์จิแล้ว มักจะเป็นงานที่ทำออกมาจากค่ายนี้อยู่เสมอ
เพราะแบบนั้นส่วนตัวผมจึงคิดว่า ทางค่ายให้ความรักกับงานของ อ. เลย์จิ เป็นอย่างมากครับ ส่วนหนึ่งเพราะหากมองว่าทำงานไพเรทของ อ. เลย์จิออกมาเพราะอยากได้ตัวเงินเป็นสำคัญแล้วละก็ เราก็รู้กันอยู่ว่างานของ อ.เลย์จิในบ้านเรานั้น ไม่ใช่งานที่ขายได้ด้วยตัวมันเองครับ
เพราะแบบนั้น ทุกๆครั้งที่ออกงานเรื่องใหม่มาและเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับ อ.เลย์จิกันแทบทุกเรื่อง ผมจึงเอาใจร่วมลุ้นให้อยู่เสมอ เพราะแค่หวังว่าในทุกๆเรื่อง ทางค่ายจะได้กำไรไม่ใช่ขาดทุนนะ ก็มันเป็นเรื่องที่ขายยาก และหากเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ อนาคตคงจะหาค่ายที่หยิบงานของ อ. มานำเสนอเป็นประจำได้ยากยิ่งครับ
เพราะความเป็นแฟนจ๋าจนผมรับรู้ได้ สิ่งนั้นส่งต่อมายังผลงานที่ผลิตด้วยครับ เช่นเดียวกับหลายๆค่ายที่เรารับรู้ว่าทำผลงานด้วยพื้นฐานของความรักและชอบและอยากนำเสนอผลงานจากคนที่ตัวเองชอบให้คนอื่นๆได้อ่านและรับรู้เป็นวงกว้างมากขึ้น สิ่งที่หยิบมาจึงเต็มไปด้วยรายละเอียดที่แฟนๆควรรู้เช่นกัน
เรื่องนี้ก็เช่นกัน นอกจากที่มาของเรื่องที่ตั้งใจว่าจะเริ่มเขียนในปี 1980 แต่กลับสามารถเริ่มเขียนในปี 1990 ด้วยเหตุผลหลายอย่าง รวมถึงเพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น ปัจจุบันเล่มจบ(ภาค4) ยังไม่ได้ตีพิมพ์ออกมาเลย(ข่าวจาก 999 แจ้งว่าจะตีพิมพ์ในปลายเดือนกันยาปี 2568นี้ที่ญี่ปุ่น) ทำให้เรื่องนี้มียังดูไม่สมบูรณ์ดีพอสำหรับคนที่ชอบอ่านแบบเล่ม และมีความยาวนานของตัวมันเองกว่า 35ปีเลยทีเดียว เหล่านี้คือประวัติศาสตร์ และเป็นสิ่งที่อยากให้ทุกคนที่จะได้อ่านเรื่องนี้ได้รับรู้ครับ
มาพูดถึงงานผลิตกันบ้าง งานเล่มนี้ ทำออกมาด้วยขนาดเล่มไซด์ BB โดยทำออกมาแบบปกสองชั้น ปกนอกพิมพ์ภาพสี นอกจากจะมีสีสันสวยงามสดใสแล้ว ยังมีลูกเล่นที่เลือกใช้สีทองวิบวับบนปกหน้าและตัวอักษรอีกด้วยครับ
ซึ่งผมว่ามันล้อกับเรื่องราวที่มีต้นกำเนิดมากจากทองเป็นอย่างดี ซึ่งออกมาสวยครับ ส่วนปกด้านยังพิมพ์เป็นภาพสีด้วยซึ่งโดยส่วนตัวแล้วการลงทุนพิมพ์ภาพสีในปกในจะสร้างความแตกต่างและดูแพงกว่าพิมพ์ขาวดำแล้ว มันยังทำให้ภาพรวมของงานดูน่าสนใจ ถอดปกด้านนอกแล้วหยิบเอาไปอ่านข้างนอกบ้านมันก็ยังดูโดดเด่นมากขึ้นด้วย ส่วนตัวชอบการทำแบบนี้ครับ (ปล ปกมีความหนาพอสมควร ทำให้มันคืนรูปยากเวลาถอดปกออกจากตัวเล่มครับ)
ตัวเล่มเปิดอ่านแบบญี่ปุ่น เนื้อหาข้างในมีความหนาประมาณ350 หน้าไม่รวมปกครับ ในส่วนเนื้อหาข้างในจะพิมพ์เป็นภาพขาวดำทั้งหมด ยกเว้นหน้าสุดท้าย 1แผ่น(สองหน้า) ที่เป็นภาพสี ตัวเนื้อกระดาษเป็นกรีดรีดตามสมัยนิยม ภาพคมชัด งานแปล แปลออกมาได้ดี ทั้งหมดนี้ถือเป็นงานผลิตที่คงคุณภาพที่ดีของทาง 999 คอมมิคครับ
เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าสิ่งที่พิมพ์ออกไปนี่มันออกจะอวยเป็นพิเศษหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจครับ คือด้วยความชอบจากการได้อ่าน มันทำให้รู้สึกแบบนั้น ในขณะเดียวกัน นี่เป็นการรีวิวที่อาจจะแตะเนื้อหาข้างในน้อยกว่าหลายๆครั้งก็ได้ ก็อย่างที่บอกว่า ข้างในนี้มันคือความเป็น อ. เลย์จิ ที่ทุกคนรู้จักและคุ้นเคยทั้งนั้น
เพราะแบบนั้นส่วนตัวเรื่องนี้คือตอบสนองความชอบจากผลงานของ อ. เลย์จิให้กับผมอย่างมาก งานภาพจุใจด้วยการนำเสนอห้วงอวกาศ มีหลายๆฉากที่ชวนให้คิดถึงงานจากภาพยนต์ดังๆหลายเรื่องเลย งานที่เต็มไปด้วยรายละเอียด สัมผัสได้ถึงความต่างของเทคโนโลยีและความทันสมัยที่เราอยากเห็นในรูปแบบของ อ. เลย์จิ มันถูกทำเอาไว้ให้เราได้เห็นในทุกๆหน้าของเล่มนี้แล้ว
น้ำท่วมทุ่งขนาดนี้แล้ว หากคุณเป็นแฟนงานของ อ. ตอนนี้ผมคิดว่าน่าจะสั่งซื้อกันแล้ว(มั้ง) แต่หากคุณยังลังเลอยู่ แล้วชอบงานวาดแบบที่ผมเล่านี้ หรือชอบงานเล่าเรื่องที่ไม่เน้นความดุดันของการนำเสนอ แต่เน้นขับเคลื่อนด้วยอารมณ์และชั้นเชิงที่ไม่ค่อยได้เห็นในงานยุคนี้แล้วละก็ เรื่องนี้ไม่ควรพลาดครับ บอกได้เท่านี้จริงๆ ด้วยรักและอยากให้ทุกคนเสียเงินได้อ่านงานสนุกๆครับ 5555
ปล คะแนน ที่ให้ไว้สำหรับอ่านภาคแรกจบเท่านั้น หากได้อ่านภาคต่อไปจะนำมารีวิวแยกกันอีกครั้งนะครับ
ภาพ 9.4/10
เรื่อง 8.9/10
ความประทับใจ 9/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #ยังไม่จบ #999Comics #การ์ตูนแนวอวกาศ #การ์ตูนแนววิทยาศาสตร์ #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวแฟนตาซี #9คะแนน #แหวนนีเบอลุง #ทองคำแห่งไรน์ #หนังสือการ์ตูน #Rate15 #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย