ในขณะเดียวกัน อเล็กซานดรา อูร์มัน (Aleksandra Urman) จากมหาวิทยาลัยซูริก ก็ตั้งข้อสังเกตว่าตัวงานวิจัยเองก็ใช้ LLM ในการประเมินคำตอบ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ AI ตรวจสอบ AI ก็จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบและยืนยันโดยมนุษย์อย่างเข้มข้นเช่นกัน
🏡 คำเตือนถึงผู้ใช้งาน AI ในประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยที่การใช้ AI เพื่อการศึกษาและการทำงานกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด เรื่องนี้ถือเป็นคำเตือนที่สำคัญอย่างยิ่งครับ โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ใช้ AI ช่วยทำรายงานหรือวิทยานิพนธ์ การคัดลอกคำตอบและแหล่งอ้างอิงจาก AI มาใช้โดยไม่ตรวจสอบ อาจนำไปสู่การส่งข้อมูลที่ผิดพลาด หรือแม้กระทั่งการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ไม่มีอยู่จริง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและคะแนนของคุณได้
ยุคนี้ AI คือเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ไม่ใช่ผู้รู้แจ้ง หน้าที่ในการตรวจสอบ, วิเคราะห์ และคิดอย่างมีวิจารณญาณ ยังคงเป็นของเราเสมอ
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ AI อ้างมั่ว: งานวิจัยพบว่าประมาณ 1 ใน 3 ของคำตอบจาก AI Search Engine ไม่มีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือมายืนยันคำกล่าวอ้าง
✅ ยังคงมีข้อถกเถียง: มีการตั้งคำถามถึงระเบียบวิธีวิจัยของงานชิ้นนี้เช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นความซับซ้อนในการประเมินประสิทธิภาพของ AI
✅ ต้องคิดอย่างมีวิจารณญาณ: ไม่ว่าตัวเลขที่แท้จริงจะเป็นเท่าไหร่ การค้นพบนี้ย้ำเตือนว่าผู้ใช้จำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลและแหล่งอ้างอิงที่ได้จาก AI เสมอ
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
เมื่อรู้ว่า AI อาจให้ข้อมูลที่ไม่มีหลักฐานอ้างอิงบ่อยขนาดนี้ มันจะเปลี่ยนวิธีที่คุณใช้ AI ในชีวิตประจำวันหรือไม่ครับ และเราควรมีทักษะอะไรเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับยุคนี้?
มาแบ่งปันมุมมองกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องนี้น่ากังวล 🤖 อย่าลืมกดบันทึกไว้ หรือแชร์ไปเตือนเพื่อนๆ ให้รู้เท่าทัน AI ด้วยกันนะครับ!
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Venkit, P. N., et al. (2025). DeepTRACE: Auditing Deep Research AI Systems for Tracking Reliability Across Citations and Evidence. arXiv. https://doi.org/p6bg