30 ก.ย. เวลา 02:28 • ข่าวรอบโลก

ลาหยุดกรณีการมาประจำเดือนได้เเล้ว

เปิด 2 ร่าง พ.ร.บ.แรงงาน เพิ่มวันหยุด-ลดชั่วโมงทำงาน-ลาปวดประจำเดือน
.
เสนอให้ปรับลดชั่วโมงทำงานปกติจากสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมง เหลือไม่เกิน 40 ชั่วโมง และสำหรับงานอันตรายเหลือไม่เกิน 35 ชั่วโมง
.
เสนอให้ลูกจ้างหญิงมีสิทธิลาเนื่องจากมีประจำเดือนได้เดือนละไม่เกิน 3 วัน โดยไม่นับเป็นวันลาป่วย
.
เสนอให้เพิ่มวันหยุดประจำสัปดาห์เป็นอย่างน้อย 2 วัน และเพิ่มสิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปีเป็นอย่างน้อย 10 วันทำการ
บันทึกข้อความภายในให้เห็นถึงความสำคัญของกฎหมาย
เพราะประจำเดือนมีผลต่อกายใจ (?) จึงมีสิทธิลาหยุด
Period Leave (หรือบางที่เรียกว่า Menstrual Leave) เป็นการลาที่แยกออกมาจากการลาป่วยอีกชั้นหนึ่ง เพื่อเอื้อให้ผู้มีประจำเดือนสามารถลางานจากอาการเจ็บป่วยจากการมีประจำเดือนได้ และเพิ่มความรู้สึกสบายใจในที่ทำงาน โดยทั่วไปแล้ว Period Leave เป็นการลาระยะสั้น 1-2 วันในช่วงที่มีประจำเดือน หรืออาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศและองค์กร
อันที่จริง คอนเซ็ปต์เรื่องการลาเมื่อมีประจำเดือนไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะจุดเริ่มต้นการประกาศนโยบายดังกล่าวคือสหภาพโซเวียต ซึ่งกำหนดการลานี้ไว้ในกฎหมายแรงงานเมื่อปี 1922 เพื่อป้องกันอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับแรงงานหญิง แต่ถูกยกเลิกใน 5 ปีให้หลังเนื่องจากถูกมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติทางเพศ
ก่อนที่หลายประเทศจะเริ่มประกาศนโยบายการลานี้พร้อมกำหนดจำนวนวันลาที่แตกต่างกันไป เช่น ญี่ปุ่นและอินโดนีเซียที่กำหนดให้ลาได้ 2 วัน หรือสเปนที่ให้ลาได้ 3-5 วันต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ทุกประเทศที่ออกกฎหมายแรงงานที่บังคับให้มีสวัสดิการ Period Leave แต่ในระดับองค์กร หลายบริษัทก็มีการใช้การลาดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นในฐานะสิทธิเพื่อแรงงาน
รายละเอียดพระราชบัญญัติ
พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน จำนวน 2 ฉบับ
ของนายจรัส คุ้มไข่น้ำ สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ที่มีเนื้อหากำหนดให้เวลาทำงานของลูกจ้างต่อสัปดาห์ไม่เกิน 40 ชั่วโมง และจัดให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ สัปดาห์หนึ่งไม่น้อยกว่า 2 วัน และเพิ่มสิทธิวันลาพักผ่อนของลูกจ้างที่มีอายุงานไม่น้อยกว่า 120 วัน ได้ปีละไม่น้อยกว่า 10 วัน ส่วนลูกจ้างที่ทำงานไม่ถึง 120 วัน ให้นายจ้างกำหนดวันลาพักผ่อนได้ โดยคำนวณตามสัดส่วน ส่วนร่างพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน อีกฉบับเป็นของน.ส.วรรณวิภา ไม้สน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ลูกจ้างหญิงลาหยุดเนื่องจากมีประจำเดือนได้เดือนละไม่เกิน 3 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลาป่วย และให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อไปดูแลบุคคลในครอบครัว หรือบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาล ปีละไม่เกิน 15 วัน และกำหนดให้นายจ้างจัดหาสถานที่เหมาะสม และมีมาตรการที่ปลอดภัยแก่ลูกจ้างในการพักให้นมบุตรหรือบีบเก็บน้ำนมในที่ทำงาน เพื่อเลี้ยงบุตร โดยอนุญาตให้ลูกจ้างพักให้นมบุตรหรือบีบเก็บน้ำนมไม่น้อยกว่า 2 ครั้งๆ ละ 30 นาที
ในช่วง 8 ชั่วโมงการทำงาน ตลอดระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปีหลังคลอด โดยที่ในที่ประชุม สส.ส่วนใหญ่อภิปรายเห็นด้วยในหลักการร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ก่อนลงมติเห็นชอบรับหลักการร่างพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ฉบับของนายจรัสด้วยคะแนน 333 เสียง งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 1 และฉบับของน.ส.วรรณวิภารับหลักการ 329 เสียง งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 4
เพราะที่ทำงานต้องเป็น ‘พื้นที่แห่งความเข้าใจ’
ที่ผ่านมา อคติและการเลือกปฏิบัติเป็นสิ่งที่ฝังรากลึกลงไปในวัฒนธรรมการทำงานมาอย่างยาวนาน สวนทางกับจุดมุ่งหมายทางการงานที่ควรเป็นสิ่งที่ทำให้คนคนหนึ่งมีชีวิตที่ดีขึ้น การกำหนด Period Leave ในฐานะสวัสดิการพนักงาน หรือแม้กระทั่งบรรจุลงในกฎหมายแรงงานจึงเป็นเรื่องที่หลายบริษัทอาจมองข้าม
ทั้งที่นโยบายต่างๆ ที่ส่งเสริมสวัสดิภาพการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายทางเพศ การใส่ใจสุขภาพกายใจ หรือการออกนโยบายการทำงานที่ครอบคลุมควรเป็นสิ่งที่องค์กรต่างๆ ต้องคำนึงถึง เพื่อให้ที่ทำงานเป็นพื้นที่แห่งความเข้าใจคนทำงานอย่างแท้จริง
ไม่นานมานี้ แนวคิด ‘Inclusive Workplace’ หรือที่ทำงานที่ไม่แบ่งแยกเพื่อให้เป็นที่ทำงานที่เป็นมิตรสำหรับทุกคน เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้บริษัทนั้นๆ เป็นบริษัทที่เติบโตอย่างยั่งยืนในฐานะที่เป็นองค์กรที่ส่งเสริมสิทธิสำหรับทุกคน การสร้างนโยบายที่ครอบคลุมคนทำงานทุกคนจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง กระนั้น นโยบายต่างๆ ที่องค์กรออกมาอาจไม่ได้ครอบคลุมทุกคนเสมอไป
ในวัฒนธรรมการทำงานที่มุ่งเน้นผลประกอบการเป็นสำคัญ การสร้างที่ทำงานที่ไม่แบ่งแยกคนทุกคนอาจเป็นเรื่องที่สวนทางกับการแสวงหากำไร ขณะเดียวกัน การเรียกร้องสิทธิสำหรับคนทำงานที่หลากหลายก็เป็นไปเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของคนทำงาน การสร้างนโยบายที่ครอบคลุมจึงเป็นการสร้างพื้นที่ที่ทำให้คนทำงานเชื่อมโยงกันได้มากขึ้น
อีกทั้งยังสร้างความรู้สึกที่ดีต่อองค์กรได้ แม้สถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทยที่การเรียกร้องสิทธิของแรงงานยังคงมาพร้อมกับปัญหาที่เป็นที่ถกเถียง แต่บทเรียนจากต่างแดนอาจทำให้เราเห็นว่า มันเกิดขึ้นได้ หากเราสร้างความตระหนักรู้แก่คนทำงานให้เข้าใจร่วมกัน
หากมองกันอย่างตรงไปตรงมา ถึงแม้ว่านโยบาย Period Leave จะไม่ได้เป็นนโยบายที่ทุกคนได้ใช้ แต่การส่งเสริมนโยบายที่เข้าถึงคนทุกกลุ่มก็เป็นเรื่องจำเป็นในการสร้างที่ทำงานแห่งความหลากหลายและไม่แบ่งแยก ไม่ว่าจะเป็นผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย ผู้มีความหลากหลายทางเพศ ผู้สูงวัยที่ยังคงอยากทำงาน หรือแม้แต่คนที่ไม่มีข้อขัดข้องใดๆ ในการทำงานก็ควรจะมีสิทธิเข้าถึงนโยบายการทำงานที่ครอบคลุมความต้องการของคนแต่ละคน
เรียบเรียงโดย อาจารย์ต้นสัก สนิทนาม
#ประจำเดือน #พระราชบัญญัติ #กระทรวงเเรงงาน #ลาหยุดได้
โฆษณา