3 ชั่วโมงที่แล้ว • ธุรกิจ

โตเร็ว ไม่ได้แปลว่าเผาเงิน แต่แปลว่ารู้จังหวะ + ตั้งระบบ

5 เหตุผลว่าทำไมเมื่อโลกถึงวิกฤต ธุรกิจต้องโตเร็ว
“ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี” “ปีหน้าเผาจริง” นี่คือประโยคที่เราได้ยินแทบทุกปี ไม่ว่าจะจากนักธุรกิจ นักลงทุน หรือแม้แต่คนรอบตัว (เนื้อหาโดย Future Trends)
ในสิบปีที่ผ่านมา (2016–2025) โลกเจอวิกฤตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่ โควิด-19 สงครามรัสเซีย–ยูเครน เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยที่พุ่งแรง โลกร้อน โดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นภาษีส่งออกทั่วโลก ความผันผวนของการเมืองภายในประเทศ ไปจนถึง AI เข้ามาแทนแรงงานคนเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน แม้เศรษฐกิจไม่ดี แต่ก็มีผู้ประกอบการอีกจำนวนมากเห็น “โอกาส” ที่จะเติบโตไปข้างหน้า เมื่อความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติ ธุรกิจที่อยู่รอดได้ไม่ใช่ผู้ที่รอให้สถานการณ์นิ่ง แต่คือผู้ที่ “โตเร็ว” และพร้อมจะปรับตัวในทุกคลื่นวิกฤต
ทำไมช่วงวิกฤต เราต้อง Scale Fast
🚀 1 โอกาสไม่ได้รอคนพร้อม มันรอคนเริ่ม
คุณจูเนียร์จากแบรนด์ HAAB เห็นสินค้าหน้าตาบ้านๆ ที่ขายได้เป็นหมื่นกล่องโดยไม่มีแบรนด์ ไม่มี CI ไม่มีอินฟลูเอนเซอร์ เขาไม่เดา เขาลอง ทันที เขียนแผน MVP ด้วยเงิน 20,000 บาท แล้วเปิดขาย
วันแรกทำเงิน 2,000 บาท หนึ่งสัปดาห์ยอดขึ้นเป็นวันละ 12,000 บาท ก่อนจะต่อยอดเป็นระบบแบรนด์ E-commerce เต็มรูปแบบ และวันนี้กำลังพาธุรกิจขนมไข่ไปเปิดสาขาต่างประเทศจริงจังทั้งหมดเริ่มจาก “เห็น Data” บนมือถือ
นี่คือแก่นสำคัญข้อแรกของการโตเร็ว เริ่มจากเล็กให้ไว แต่ต้องเล็กแบบฉลาด ยืนยันด้วยข้อมูลจริง และออกแบบให้ขยายได้ตั้งแต่วันแรก
🚀 2. ความเร็วต้องพาคุณพ้น ดอกเบี้ย–ต้นทุน–ความเสี่ยง
หลายธุรกิจล้มเพราะวิ่งเร็วผิดทิศ แต่ Tofusan ผ่านด่านยากนั้นมาได้ ในช่วงหนึ่งบริษัทมี DE Ratio เกือบ 4 เท่า—ระดับที่อีกนิดเดียวจะล้มทั้งยืน เพราะลงทุนก่อสร้างโรงงานก่อนโควิดราวครึ่งปี พอโควิดมา โรงงานเข้าไม่ได้ ทีมผู้ก่อตั้งเลือกสื่อสารตรงไปตรงมากับทีม ปรับโครงสร้างงาน ลดเงินเดือนตนเองแต่ไม่ลดของพนักงาน พาธุรกิจฝ่าวิกฤต แล้วกลับมาวิ่งต่อ
จนจากทุนตั้งต้น 5 แสน โตเป็นรายได้ระดับ 1,200 ล้านในเวลา 14 ปี บทเรียนนี้สอนเราว่าความเร็ว ต้องคู่กับ “วินัยการเงินและความไว้ใจกันในทีม” จึงจะรอดจริง
🚀 3. เร็ว เพื่อยึดพื้นที่ จนคู่แข่งตามไม่ทัน
ในตลาดซักผ้าแบบ Red Ocean หลายแบรนด์เร่งแฟรนไชส์เพื่อปักธงเร็ว แต่ WashXpress เลือก Own Store เพื่อคุมประสบการณ์ทุกจุดให้เนียนกริบ ตั้งแต่ความสะอาดถึงการซัพพอร์ตหน้างาน
การเลือกทางแบบนี้ ทำให้ความเร็วที่เหนือกว่าคู่แข่ง เพราะทุกสาขาเสิร์ฟประสบการณ์ที่เหมือนกันจริง ๆ และพร้อมจะเร่งได้อย่างมั่นคงเมื่อถึงเวลา
🚀 4. เร็ว เพื่อดึงทรัพยากรก่อนใคร
Flash Express คือตัวอย่างของการใช้ความเร็วสร้างแรงดูดทุกอย่าง เทคโนโลยี เงินทุน เครือข่าย วัฒนธรรมองค์กร เข้ามาประกบจนเกิด Mad Unicorn ในโลจิสติกส์ไทย
หัวใจคือวัฒนธรรม “ล้มแล้วลุก” ที่เปลี่ยนบาดแผลเป็นเชื้อเพลิงโตต่อ ทำให้ทั้งองค์กรกลายเป็นเครื่องจักรเรียนรู้ที่แข็งแรงขึ้นทุกครั้งหลังพลาด
🚀 5. เร็วแบบฉลาดเพื่อกระจายความเสี่ยง
อีกวิธีคือใช้พันธมิตรเป็นคันโยก ไปเร็วขึ้นโดยไม่ต้องไปคนเดียว PANPURI เดินหมากสู่การเป็น Global Brand ด้วยการจับมือผู้เล่นระดับโลก
เราได้เรียนรู้ว่าการมีพาร์ตเนอร์ที่มีทรัพยากรข้ามประเทศ ทำให้การขยายตลาดในเอเชีย 4–5 ปีข้างหน้าเป็นรูปธรรมกว่าเดิมมาก ทั้งยังรักษา DNA แบรนด์ไว้ได้ครบ นี่คือการใช้ความเร็วของเครือข่าย แทนการใช้เงินเผาอย่างเดียว
🚀 6. เร็วให้ทบต้น จากไวรัลสู่ระบบที่ดี
La Glace วางตัวเป็น Underground Beauty ไม่บูชาความเป๊ะ แต่ยืนข้างความเป็นตัวเองของ Gen Z ทำให้ทุกแคมเปญฟังดูจริงใจและต่อเนื่อง ทีมงานอายุเฉลี่ยเพียง 25 ปี กลับเป็นข้อได้เปรียบ เพราะรู้จังหวะโซเชียลตามธรรมชาติ
พอจุดติดบนออนไลน์ก็ต่อยอดสู่ช่องทางกระแสหลัก เกิดโมเมนตัมรายได้ที่ทบต้นแทบจะอัตโนมัติ
ในโลกบิวตี้ยังมี Sasi ที่โตเฉลี่ย (CAGR) กว่า 53% ต่อปีใน 2021–2024 เพราะทำการบ้านกลุ่ม Gen Z ลึกจริง ผลิตภัณฑ์จึง ใช่และภาษาโดน
สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อ Product–Market Fit มาจากอินไซต์จริง การตลาดดิจิทัลที่สร้าง “ชุมชน” จึงสามารถเร่งการเติบโตให้กลายเป็นฐานยั่งยืนได้ ไม่ใช่แค่มียอดขายชั่วคราว
🚀 7. เร็วแล้วยืดหยุ่น เพื่อชนะด้วยระบบ
การสเกลที่ดีไม่ใช่สาขาเยอะที่สุด แต่คือคุณภาพคงที่ที่สุด เคสสตรีทฟู้ดอย่าง “หมึกมันไก่” เลือกทำครัวกลางตั้งแต่สาขาที่สอง เพื่อผูกคุณภาพให้แน่นก่อนคูณจำนวนสาขา และยังกล้าปฏิเสธแฟรนไชส์เพราะกลัวมาตรฐานหลุด—นี่คือการชะลอความเร็วชั่วคราวเพื่อไปได้ไกลกว่าเดิม
ในสายสกินแคร์ INGU ก็เริ่มจากออนไลน์แล้วขยายเข้าค้าปลีกกว่า 148 สาขาเร็วมาก ความเร็วครั้งนี้คือการยืนยัน “ความไว้วางใจ” ในโลกออฟไลน์ให้ฐานลูกค้าโตต่อเองแบบคูณสอง
🚀8. เร็วแบบเรียนรู้ไว
หลายผู้ก่อตั้งบอกตรงกันว่า เราไม่จำเป็นต้องชนศึกใหญ่ตลอดเวลา การสลับ “ศึกเล็ก” เพื่อเก็บโมเมนตัมกับ “ศึกใหญ่” เพื่อกระโดดไปอีกขั้น เป็นจังหวะที่ทำให้ทีมชนะได้จริง ต่อเนื่อง และไม่หมดไฟ นี่คือวิถี “Winning Zone”
🚀 โตเร็ว ไม่ได้แปลว่าเผาเงิน แต่แปลว่ารู้จังหวะ + ตั้งระบบ
เมื่อหันกลับมาดูทั้งภาพรวมและรายละเอียด สูตรร่วมสามอย่างของธุรกิจที่ชนะวิกฤตซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เริ่มจากชิ้นข้อมูลเล็กๆ แต่ตัดสินใจไว แล้วล็อกคุณภาพให้คงเส้นคงวาก่อนคูณจำนวน
ใช้วินัยการเงิน–วัฒนธรรมทีมเป็นรางให้ความเร็ว วิ่งได้จริงระยะยาว
รู้ว่า เร็วแบบไหน เหมาะกับสนามไหน—บางสนามต้องยึดประสบการณ์ลูกค้าให้แน่น, บางสนามต้องต่อยอดไวรัลให้เป็นโครงสร้างรายได้, บางสนามต้องใช้พาร์ตเนอร์เป็นคันโยก, และบางสนามต้องเร่งทั้งองค์กรให้ลุกได้ทุกครั้งที่ล้ม
นี่คือเหตุผลที่เราจัดงาน Scale Fast 2025 เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้คู่มือและเครื่องมือสำหรับการโตเร็วอย่างมีระบบ พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำทางธุรกิจในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
เพื่อไม่ให้ความเร็วเป็นแค่สโลแกน แต่เป็นทักษะขององค์กร ที่หยิบไปใช้ได้จริง
เรารวมเจ้าของธุรกิจตัวจริงกว่า 30 คนมาแชร์ลึกทั้งเบื้องหลังและเครื่องมือ พร้อมแทร็กเวิร์กช็อปที่ลงมือทำจริง
วันแรก (30 ก.ย.) เป็น Conference/Expo/Networking และวันที่สอง (1 ต.ค.) เราจะลงสนาม Workshop เต็มวัน
ที่ TRUE ICON HALL @ ICONSIAM ชั้น 7 เพราะสุดท้ายคนที่ชนะในวิกฤต ไม่ใช่คนที่รู้มากที่สุด แต่คือคนที่ “เริ่มไว ตั้งระบบ และวิ่งได้ไกลที่สุด”
🎫 ลงทะเบียนและรายละเอียดเพิ่มเติม:
#ScaleFast2025
โฆษณา