ทำไมถึงเอาเรื่องวีซ่ามาเป็นโจทย์ล่ะคะคูมพ่อ ขออนุญาตงง!! อยากไปทำงานตปท.ก็ต้องเริ่มจากสมัครงานมิใช่ฤา
เอาล่ะสมมุติว่าส่งใบสมัครไปแล้ว รอเรียกสัมภาษณ์ จะไปทำ K Visa เผื่อไว้เลยก็ได้ เพราะวีซ่าประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องมีนายจ้างหรือหน่วยงานในจีนออกหนังสือเชิญ แต่ H-1B ต้องมีข้อเสนอตำแหน่งจากนายจ้างในสหรัฐฯแนบไปด้วย ไม่ใช่แค่มีตังค์จ่ายค่าวีซ่า 3 ล้าน
เช่นเดียวกับวีซ่าทำงานในยุโรป (EU Blue Card) ซึ่งไม่เพียงต้องมีข้อเสนอตำแหน่งงานจากนายจ้าง แต่ยังต้องระบุเงินเดือนว่าไม่ต่ำกว่า 1.5 เท่าของรายได้เฉลี่ยของประเทศนั้นๆ
ระหว่างรอเรียกสัมภาษณ์ ช่วงนี้ควรเตรียมตัวอะไรบ้าง มีอะไรให้ทำได้บ้าง
• ใบกว.ที่ถืออยู่ ดูให้แน่ใจว่าไม่หมดอายุ (ภาคีวิศวกร ใบอนุญาตมีอายุ 1 ปี ต่ออายุล่วงหน้าทางออนไลน์ได้เลย 180 วันก่อนหมดอายุ)
• จัดการ PE License, เปรียบเทียบวุฒิ, สอบเก็บคะแนน TOEIC TOEFL IELTS เผื่อไว้ (คะแนนมีอายุ 2 ปีนับจากวันที่ประกาศผลสอบ)
• สายงานวิจัย R&D ในตปท.ไม่ได้มีแต่บ.เอกชนค่ะ ตามมหาลัยต่างๆก็มีงานผู้ช่วยวิจัยเหมือนกัน ถึงเงินจะไม่เยอะเท่าบ.เอกชน แต่เป็น career path สู่งานอื่นๆได้ โอกาสค่อนข้างเปิดกว้างให้ non-immigrant
แต่อันที่จริง เรื่องพวกนี้ลูกๆเค้าน่าจะรู้เยอะว่าพ่อแม่อย่างพวกเรามั้ย!! ยังไงก็ขอเอาใจช่วยลูกชายกับคุณพ่อนะคะ หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่น่ะนะ ส่งลูกเรียนจนจบแล้วก็ยังไม่วายห่วงหาอยู่วันยังค่ำ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
