Bill Gates ถึงกับเล่าไว้ว่า “We lived by the structure of routines, traditions, and rules my mother established. She ran, as my father would say, a well-organized household”
อีกคนที่มีอิทธิพลกับ Bill Gates คือพ่อของเพื่อนพ่อ Bill Gates ที่ชื่อ Dorm Braman ที่เป็น high school drop out (คือออกจากโรงเรียน เรียนไม่จบ) แต่เป็นคนที่กล้าคิดกล้าลองทำอะไรใหม่ ๆ ให้เป็นตัวของตัวเอง ต่างจากคุณปู่ของ Bill Gates ที่จะใช้ชีวิตค่อนข้างอยู่ในกรอบ ซึ่งคุณพ่อของ Bill Gates เองก็ชอบวิธีการใช้ชีวิตของ Dorm Braman มาก ๆ ก็เลยซึมซับเอามาใช้ในครอบครัวของเขาเอง
Bill Gates เขียนบทหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ชื่อว่า “Rational” ที่เขาพยายามเล่าว่าเขามี rational การคิดก็เพราะมาจากการได้ฝึกตั้งแต่ยังเด็ก
ต้องบอกว่าคุณแม่ Bill Gates นั้นจริงจังมาก ๆ ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Bill Gates โตขึ้นมาแล้วพิเศษกว่าคนอื่น
Bill Gates นั้นชอบอ่านหนังสือมากตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เขาจะชอบอ่านแบบเงียบ ๆ อยู่คนเดียวโดยไม่พูดไม่จากับใคร เขาบอกว่าเวลาเขาได้อ่าน เหมือนตัวเองอยู่ใน flow state (มีสมาธิจดจ่อมาก ๆ) ซึ่งหลาย ๆ ครั้งก็มีปัญหากับทางบ้าน ทำให้เขาดูเป็นเด็กไม่มีมารยาท ไม่สนใจสังคม
แต่หนังสือก็เป็นอย่างเดียวที่ทางบ้าน Bill Gates ไม่เคยตั้งคำถามในการซื้อให้เสมอ เขาบอกว่าหนังสือที่เขาบอกว่าเจ๋งมากที่เขาได้อ่านตอนเด็ก ๆ คือ World Book of Encyclopedia หนังสือสารานุกรมเล่มใหญ่ที่ทำให้เขาได้รับคำตอบจากความสงสัยและยิ่งมีความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มไปอีก “the deeper you dig, the more you want to know”
Bill Gates สมัยเด็กในโรงเรียนเป็นเด็กที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร ชอบอ่านหนังสือแบบที่ถูกมองว่านิสัยเด็กผู้หญิงทำให้เขาเข้าสังคมกับเพื่อนคนอื่นได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก
วิชาที่ Bill Gates ชอบมาก ๆ คือ คณิตศาสตร์ครับ เขาจะตั้งใจเรียนมาก ๆ กับวิชาที่ชอบ แต่จะไม่สนใจเลยในวิชาที่ไม่ชอบ คุณครูจึงพยายามหาสิ่งที่เขาชอบให้ทำพิเศษ ซึ่งทำให้ Bill Gates ได้ทำงานพิเศษเป็นครั้งแรกที่ห้องสมุด โดยการช่วยหาหนังสือและจัดให้เป็นระบบตามระบบของห้องสมุด ซึ่ง Bill Gates บอกว่า สำหรับคนชอบอ่านและชอบคณิตศาสตร์งานนี้เป็นงานในฝันเลย
อาชีพที่ Bill Gates ใฝ่ฝันอยากจะเป็นตอนเด็กคือ นักวิทยาศาสตร์ ที่เขาคิดว่าจะได้มีเวลามาทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ แสดงให้เห็นความสนใจในเรื่องต่าง ๆ ความสนใจและสงสัยใคร่รู้มากตั้งแต่เด็ก ๆ
……………..
“การได้เข้าถึงคอมพิวเตอร์”
เมื่อโตขึ้น Bill Gates ได้มีโอกาสย้ายโรงเรียนไปเรียนที่ Lakeside school ซึ่งโรงเรียนนี้แหละครับเป็นจุดเริ่มต้นเลยของการเกิดของ Microsoft เพราะ Lakeside เป็นโรงเรียนไม่กี่โรงเรียนที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งสมัยนั้นคนทั่วไปแทบไม่มีใครรู้จักหรือใช้เป็นเลย
Morgan Housel เคยเขียนไว้ในหนังสือดัง “Psychology of Money” เรื่องของความโชคดีของ Bill Gates ที่มีโอกาสได้เข้าเรียนในโรงเรียนนี้ ทำให้เขาได้รู้จักคอมพิวเตอร์และได้มีโอกาสใช้ก่อนคนอื่น ๆ
ที่ Lakeside school นี่เองที่ทำให้เขาได้เจอกับ Paul Allen ที่เป็นรุ่นพี่ รวมถึงแก๊งค์เพื่อน ๆ บ้าคอมคนอื่นด้วย โดยมี Kent Evans เป็นเพื่อนที่เขาสนิทที่สุด ที่สุดท้าย Kent Evans ต้องจากไปก่อนวัยอันควรจากอุบัติเหตุในการปีนเขา Bill Gates ได้เขียนถึง Kent Evans ในหนังสือเล่มนี้เยอะมาก เพราะ Kent เหมือนจะเป็นคนที่จุดประกายให้อยากทำธุรกิจ และมีการพูดคุยเรื่องนี้กับ Bill Gates ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก
แต่จากการที่ Kent Evans เสียชีวิตไป ทำให้ Paul Allen นั้นเข้ามาสนิทกับ Bill Gates มากขึ้น และมีความคิดริเริ่มที่จะสร้างธุรกิจด้วยกันจนเป็นจุดเริ่มต้นการก่อตั้ง Microsoft
Bill Gates ในกล่าวเสริมในหนังสือเล่มนี้ว่าสำหรับเขา 500 ชั่วโมงแรกที่เขาได้ขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์นั้นสำคัญมาก เขาได้เวลาทดลองเขียน code และแก้วนไปซ้ำ ๆ
“Unconstrained by cost or time, I ‘d fall into a zone of total focus. As fast as I completed a section of program, I could ask the computer to run it, giving me an instant answer whether I was right or wrong. Try something; see if it works. If it doesn't, try again with something different.”
……………..
“จุดเริ่มต้นของการก่อตั้ง Microsoft”
Bill Gates และเพื่อน ๆ ของเขาเริ่มรับจ้างเขียน software ครั้งแรกเพื่อแลกกับเวลาที่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ฟรี ๆ ในปี 1970 ให้กับบริษัท ISI ที่อยากได้โปรแกรม payroll มาใช้งาน ซึ่งแก๊งค์เพื่อน ๆ ทั้ง 4 คนต้องทำเองทุกอย่างรวมถึงการเข้าไปพรีเซ็นงานให้กับลูกค้า นึกภาพพวกเขาเป็นแค่เด็ก high school เองในขณะนั้น นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่มีการจ้างพวกเขาเขียนโปรแกรมเรื่อย ๆ มา
การที่ Intel ผลิตชิป 4004 ออกมา ซึ่งมีขนาดเล็กและสามารถเขียนโปรแกรมใส่เข้าไปได้ ทำให้ Paul Allen ที่ติดตามข่าวสารเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดบอกกับ Bill Gates ว่าในอนาคตชิปตัวนี้จะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดตามกฎของ Moore’s law
หลังจาก Bill Gates ได้เข้าเรียนที่ Havard ส่วน Paul Allen นั้นเรียนที่ Washington State University ทั้งสองก็ริเริ่มที่จะก่อตั้งบริษัทเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อทำงานได้ที่รับมาเรื่อย ๆ
Paul Allen นั้นยอม drop out จากมหาวิทยาลัยเพื่อย้ายมาอยู่ Boston เพื่อทำงาน computer software อย่างจริงจังกับ Bill Gates
เมื่อ Bill Gates ทุ่มเทเวลาเกือบทั้งหมดให้กับ Micro-Soft เขาจึงมีความคิดที่จะลาออกจากมหาวิทยาลัย Havard เพื่อมาทำงานอย่างเต็มตัว แต่เขาก็ต่อรองกับ Paul Allen เพื่อขอหุ้นที่มากขึ้นเป็น 64 : 36 ซึ่งก็มีการโต้เถียงกันแต่สุดท้าย Paul Allen ก็ยอมนะครับ
แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็แบ่งหุ้น 4% ให้กับ Steve Ballmer ที่ Bill Gates ไปชวนออกจากมหาลัยเพื่อมาทำงานกับ Micro-Soft ในปี 1980 (ต่อมา Steve Ballmer ก็กลายเป็น CEO ของที่สองของ Microsoft ต่อจากตัวเขา)
……………..
📌 สรุปข้อคิดสำคัญจาก Source Code – My Beginnings
1. การเลี้ยงดูและคนในครอบครัวมีผลอย่างมากกับการเติบโตของเด็กคนหนึ่งครับ Bill Gates โตขึ้นมาเป็น Bill Gates ได้ทุกวันนี้ก็เพราะครอบครัว ทั้งคุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ รวมไปถึงคุณครูที่โรงเรียนที่ได้บ่มเพาะ ทั้งการรักการอ่าน ทำให้เขารักการอ่านการเรียนรู้ เป็นคนช่างสงสัยใคร่รู้ และมีวิธีคิดที่เป็นเหตุเป็นผล
2. ความสำเร็จหลายอย่างของ Bill Gates ต้องยอมรับว่ามาจากโชคหรือความโชคดี ซึ่ง Bill Gates เขียนไว้ชัดเจนในบทส่งท้ายหรือ Epilogue ว่าเขาโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นคนอเมริกัน คนขาว ที่อยู่ในฐานะที่ค่อนข้างดี มีโอกาสได้เรียนที่ Lakeside school ซึ่งรับนักเรียนเพียงแค่ 300 คนเท่านั้นต่อปี แถมมีโอกาสได้รู้จักคอมพิวเตอร์ก่อนคนอื่น ๆ
1
“It’s impossible to overstate the unearned privilege I enjoyed: to be born in the rich United States is a big part of a winning birth lottery ticket, as is being born white and male in a society that advantages white men”
3. เด็กคนหนึ่งที่ไม่เหมือนเด็กคนอื่น ๆ อย่าง Bill Gates นั้นก็ถูกมองว่ามีปัญหาตอนเด็ก ๆ ถึงขนาดคุณพ่อคุณแม่ต้องพาไปพบคุณหมอเพื่อหาคำปรึกษา Bill Gates บอกว่าหากเป็นยุคนี้เขาอาจถูกมองว่าเป็นเด็กออทิสติกที่ผิดปกติก็เป็นได้ สิ่งสำคัญคือคุณพ่อแม่ให้ความสนับสนุนและและพยายามช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่โดยการให้มีโอกาสได้ทำกิจกรรมสังคมกับเด็กคนอื่น ๆ
5. การจะประสบความสำเร็จแบบ Bill Gates ได้นั้นต้องใช้ความพยายามและความทุ่มเทอย่างมาก Bill Gates นั้นใช้เวลาส่วนใหญ่ในวัยเรียนขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์ทั้งวันทั้งคืน 500 ชั่วโมงแรกที่ Bill Gates บอกไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่ามีส่วนสำคัญมากที่ทำให้เขามีความเชี่ยวชาญ มีถึงขนาดหนีออกจากบ้านดึก ๆ เพื่อไปเล่นคอมพิวเตอร์ ฝึกเขียน code ไม่ได้บอกว่าการทำแบบนี้ดีนะครับ แต่อยากจะบอกว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นแบบ Bill Gates ต้องอาศัยความมุมานะและพยายามมาก ๆ
6. การมีคู่หูที่ดีจะช่วยเติมเต็มและส่งเสริมซึ่งกันและกันเหมือน Bill Gates ที่ได้จับคู่กับ Paul Allen ทั้งคู่แม้จะมีปากเสียงไม่เห็นด้วยกันบ้าง แต่ Bill Gates บอกในหนังสือเล่มนี้ว่าเขาทั้งคู่ไปด้วยกันได้ดีในการทำธุรกิจโดย Paul จะเน้นหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เครื่องมือใหม่ ๆ ส่วน Bill Gates จะไปในทางการเขียน software รวมถึงดูแลเรื่องของธุรกิจ
📍 สุดท้าย Bill Gates ได้กล่าวตอนจบของหนังสือไว้ว่า ตลอดเกือบทั้งชีวิตนั้นตัวเขาเองนั้นมักจะมองไปข้างหน้าตลอด แม้กระทั่งปัจจุบันที่เขาไม่ได้ทำงานที่ Microsoft แล้ว แต่ไปทำงานมูลนิธิและการลงทุนใน breakthrough technology ใหม่ ๆ แต่เมื่อเขาได้มีโอกาสย้อนมองกลับไปในอดีตโดยเฉพาะกับการเขียนหนังสือเล่มนี้ ทำให้เขาได้ปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ ทำให้เขาเข้าใจตัวเองมากขึ้น ว่าการที่เขาได้กลายมาเป็นคนแบบนี้นั้นก็เริ่มต้นมาจากประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาในอดีตทั้งนั้น...
ถ้าไม่อยากพลาดการติดตามการรีวิวหนังสือดี ๆ แบบละเอียดยิบ ฝากกด Like กดติดตามเพจ สิงห์นักอ่าน รวมถึงยังติดตามได้อีกช่องทางใน website www.pawinreading.com