5 ต.ค. เวลา 00:51 • หนังสือ

📚 รีวิวสรุปหนังสือ Source Code – My Beginnings หนังสือชีวประวัติของ Bill Gates

หากพูดชื่อ “Bill Gates” คิดว่าเกือบทุกคนน่าจะรู้จักเขาแน่นอน แต่หากใครไม่รู้จักเขา เมื่อพูดถึงชื่อของ “Microsoft” ก็น่าจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักบริษัท software ยักษ์ใหญ่ที่ Bill Gates เป็นผู้ร่วมก่อตั้งครับ
1
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ Bill Gates เขียนประวัติของตัวเอง โดยในท้ายเล่มเขาได้เผยว่าเขาจะเขียนหนังสือชีวประวัติตัวเองเป็นซีรียส์ 3 เล่มด้วยกัน โดยเล่มนี้จะเป็นเล่มแรกที่ Bill Gates เล่าประวัติของตัวเองตั้งแต่เด็ก ๆ จนกระทั่งจบที่การก่อตั้งบริษัท Microsoft ร่วมกันกับ “Paul Allen”
……………..
“ชีวิตในวัยเด็กและอิทธิพลของคนในครอบครัว”
Bill Gates เกิดเมื่อ 28 ตุลาคม 1955 มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ Kristi และน้องสาวชื่อ Libby ซึ่งที่บ้านจะเรียก Bill Gates ว่า “Trey” ซึ่งน่าจะเป็นชื่อเล่นของเขา
1
Bill Gates นั้นเป็นเด็กที่ไม่ค่อยเหมือนเด็กทั่วไป ที่ไม่ค่อยสุงสิงกับคนอื่น แล้วก็เขาจะสนใจแต่เรื่องที่เขาชอบเท่านั้น เรื่องที่ไม่ได้ชอบก็คือไม่เอาเลย สิ่งที่เขาชอบตั้งแต่เด็ก ๆ คือ การอ่าน คณิตศาสตร์ รวมไปอยู่การคิดอะไรของเขาคนเดียวอยู่เงียบ ๆ
สมัยเด็กนั้นมีกิจกรรมที่เขาชื่นชอบทำมากคือ การเดินป่า หรือ hiking ครับ โดยเขาบอกว่า การเดินป่าก็คล้ายคลึงกับการเขียน code อีกสิ่งที่เขาชอบมาก ๆ คือ การได้ผจญภัย ได้ explore ซึ่งมันทำให้ตัวเขากำหนดความสำเร็จของตัวเขาเอง โดยไม่มีข้อจำกัด โดยความสำเร็จของเขามันไม่ได้วัดว่า จะเดินไปได้เร็วเท่าไหร่ หรือไกลเท่าไหร่เลย แต่มันคือ ความอดทน การ focus กับสิ่ง ๆ หนึ่งให้ได้
เนื่องจากการไปเดินป่า ทำให้เด็ก ๆ ห่างจากพ่อแม่ ทำให้เขาได้ฝึกตัดสินใจด้วยตัวเองกันในกลุ่มว่าจะไปทางไหน จะกินอะไร และได้ฝึกเลือก take risks
มีการไปเดินป่าครั้งหนึ่งที่ Bill Gates เขียน computer code ไปด้วยในหัวระหว่างเดิน โดยเขาพยายามจะนึกและเขียน code ที่กระชับให้มากที่สุด เนื่องจากว่าการเขียน code ที่ยาวนั้นง่ายกว่า แต่มันจำเป็นต้องใช้ memory ใน computer เยอะ แถมยังทำให้ run ได้ช้าอีกต่างหาก ซึ่งในสมัยก่อน ยุคปี 1970 นั้น computer มี memory ที่ค่อนข้างจำกัดมาก ๆ ซึ่งการเขียน code ในหัวครั้งนั้น Bill Gates บอกว่าเป็นการเขียนที่ดีที่สุดของเขาเลย
และใครจะเชื่อว่าหลายปีหลังจากนั้นเขาได้นำ code อันนี้กลับมาให้ในการเขียน software เพื่อขายจริง ๆ ให้กับ Microsoft ยุคก่อตั้งเสียด้วย
ตอนเด็ก ๆ นั้น Bill Gates สนิทกับคุณยาย หรือที่เขาเรียกว่า “Gami” มาก ๆ เขาบอกว่าคุณยายเป็นคนหนึ่งที่ทำให้เขาเป็นตัวเขาในทุกวันนี้ คุณยายมักจะอ่านหนังสือให้เขาฟังตั้งแต่เด็ก ๆ เมื่อ Bill Gates โตขึ้นและสามารถอ่านเองได้แล้ว คุณยายก็มักหาเวลาพาเขาไปห้องสมุดเพื่อไปยืมหนังสือมาอ่านอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งเขาบอกว่าคุณยายของเขานี่แหละที่เป็นต้นแบบของการชอบอ่านที่เขาซึมซับมา
ที่บ้านของคุณยาย Bill Gates นั้นชอบเล่นไพ่กันมากและคุณยายเป็นคนที่เล่นเก่งมาก และมักจะเล่นชนะคนอื่น ๆ เสมอ จนทำให้ Bill Gates อยากเรียนรู้เพื่อที่ว่าจะเอาชนะคุณยายให้ได้ ซึ่งคุณยายพยายามกระตุ้นเขาตลอดขณะเล่นว่าให้ คิดซิ ๆ และ stay focused
การเล่นไพ่ช่วยสอนให้ Bill Gates รู้ว่าการทำอะไรที่ซับซ้อนอย่างการเล่นไพ่ เราจำเป็นต้องมีสมาธิและคิดดี ๆ และในที่สุดเราก็จะสามารถคิดออก ทุกสิ่งที่ซับซ้อนในโลกนี้ก็เช่นกัน
คุณแม่ของ Bill Gates ก็เป็นอีกคนที่มีอิทธิพลต่อเขา คุณแม่เขาเป็น working woman เป็นคนที่ค่อนข้างเพียบพร้อม เรียนดี กีฬาเด่นคนที่มีระเบียบมาก ๆ จะมีการตั้งกฎในการอยู่บ้านหลาย ๆ อย่าง เช่น ต้องเก็บเตียงให้เรียบร้อยหลังตื่นนอน ต้องหวีผม หรือไม่ใส่เสื้อที่ยับ เวลาทานข้าวห้ามเอาข้อศอกวางบนโต๊ะ ห้ามทำอย่างอื่น ให้เอาเวลามาคุยกัน แชร์กันว่าวันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง
Bill Gates ถึงกับเล่าไว้ว่า “We lived by the structure of routines, traditions, and rules my mother established. She ran, as my father would say, a well-organized household”
อีกคนที่มีอิทธิพลกับ Bill Gates คือพ่อของเพื่อนพ่อ Bill Gates ที่ชื่อ Dorm Braman ที่เป็น high school drop out (คือออกจากโรงเรียน เรียนไม่จบ) แต่เป็นคนที่กล้าคิดกล้าลองทำอะไรใหม่ ๆ ให้เป็นตัวของตัวเอง ต่างจากคุณปู่ของ Bill Gates ที่จะใช้ชีวิตค่อนข้างอยู่ในกรอบ ซึ่งคุณพ่อของ Bill Gates เองก็ชอบวิธีการใช้ชีวิตของ Dorm Braman มาก ๆ ก็เลยซึมซับเอามาใช้ในครอบครัวของเขาเอง
Bill Gates เขียนบทหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ชื่อว่า “Rational” ที่เขาพยายามเล่าว่าเขามี rational การคิดก็เพราะมาจากการได้ฝึกตั้งแต่ยังเด็ก
เขาเล่าว่าคุณแม่ของเขามักจะพาเขาและพี่สาวไปเที่ยวแบบ road trip เสมอช่วงโรงเรียนปิดเทอม แต่การไปเที่ยวนั้น คุณแม่ของเขามองว่ามันคือโอกาสที่จะเรียนรู้ ดังนั้นทุกครั้งคุณแม่ของเขาจะให้เขาและพี่สาวจดบันทึกระหว่างการเดินทางเสมอเป็นจำนวน 2 หน้าโดยคุณแม่เขาจะให้หัวข้อไว้ เช่น สภาพภูมิประเทศเป็นอย่างไร, อากาศเป็นอย่างไร ความหนาแน่นของประชากรในเมืองนั้น ๆ เป็นอย่างไร, มีการใช้พื้นที่ทำอะไรบ้าง มีผลิตภัณฑ์อะไรน่าสนใจบ้าง เป็นต้น
ต้องบอกว่าคุณแม่ Bill Gates นั้นจริงจังมาก ๆ ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Bill Gates โตขึ้นมาแล้วพิเศษกว่าคนอื่น
Bill Gates นั้นชอบอ่านหนังสือมากตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เขาจะชอบอ่านแบบเงียบ ๆ อยู่คนเดียวโดยไม่พูดไม่จากับใคร เขาบอกว่าเวลาเขาได้อ่าน เหมือนตัวเองอยู่ใน flow state (มีสมาธิจดจ่อมาก ๆ) ซึ่งหลาย ๆ ครั้งก็มีปัญหากับทางบ้าน ทำให้เขาดูเป็นเด็กไม่มีมารยาท ไม่สนใจสังคม
แต่หนังสือก็เป็นอย่างเดียวที่ทางบ้าน Bill Gates ไม่เคยตั้งคำถามในการซื้อให้เสมอ เขาบอกว่าหนังสือที่เขาบอกว่าเจ๋งมากที่เขาได้อ่านตอนเด็ก ๆ คือ World Book of Encyclopedia หนังสือสารานุกรมเล่มใหญ่ที่ทำให้เขาได้รับคำตอบจากความสงสัยและยิ่งมีความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มไปอีก “the deeper you dig, the more you want to know”
ในสมัยนั้นการที่เด็กผู้ชายชอบอ่านหนังสือไม่ได้เป็นอะไรที่เท่เลย นิสัยแบบนั้นถูกมองว่าเป็นนิสัยเด็กผู้หญิงมากกว่า แต่ตัวเขาก็ไม่ได้สนใจ
……………..
“การศึกษา เรียนรู้และความสนใจใคร่รู้”
Bill Gates สมัยเด็กในโรงเรียนเป็นเด็กที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร ชอบอ่านหนังสือแบบที่ถูกมองว่านิสัยเด็กผู้หญิงทำให้เขาเข้าสังคมกับเพื่อนคนอื่นได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก
ในด้านการเรียนเขาเป็นคนที่ช่างสงสัยและชอบตั้งคำถามตั้งแต่เด็ก
ตอนอยู่เกรด 4 อาจารย์ Hazel Carlson ต้องให้เวลาหลังคลาสเรียนเพื่อตอบคำถามและอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้ Bill Gates เสมอ ๆ และมีหลาย ๆ เรื่องทื Bill Gates ไม่ค่อยเห็นด้วย รวมไปถึงเรื่องการให้เกรด ซึ่งที่โรงเรียนตอนนั้นจะให้เกรดนักเรียนเป็น 2 มิติ คือ A, B, C คือความสามารถ กับ 1, 2, 3 คือความพยายามหรือ effort ที่ใส่ลงไป
เช่น ถ้ามีความพยายามและตั้งใจมากและทำคะแนนได้สูงก็จะได้เกรด A1 ซึ่งเป็นเกรดที่สูงสุด แต่ Bill Gates นั้นไม่เห็นด้วย เขามองว่าคนที่เก่งสุดคือ A3 คือทำคะแนนได้สูงโดยใช้ effort น้อยที่สุด อันนี้โชว์ให้เห็นว่าเออ เขามีความคิดที่แตกต่างจากคนอื่นตั้งแต่เด็กและน่าสนใจมากทีเดียว
วิชาที่ Bill Gates ชอบมาก ๆ คือ คณิตศาสตร์ครับ เขาจะตั้งใจเรียนมาก ๆ กับวิชาที่ชอบ แต่จะไม่สนใจเลยในวิชาที่ไม่ชอบ คุณครูจึงพยายามหาสิ่งที่เขาชอบให้ทำพิเศษ ซึ่งทำให้ Bill Gates ได้ทำงานพิเศษเป็นครั้งแรกที่ห้องสมุด โดยการช่วยหาหนังสือและจัดให้เป็นระบบตามระบบของห้องสมุด ซึ่ง Bill Gates บอกว่า สำหรับคนชอบอ่านและชอบคณิตศาสตร์งานนี้เป็นงานในฝันเลย
อาชีพที่ Bill Gates ใฝ่ฝันอยากจะเป็นตอนเด็กคือ นักวิทยาศาสตร์ ที่เขาคิดว่าจะได้มีเวลามาทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ แสดงให้เห็นความสนใจในเรื่องต่าง ๆ ความสนใจและสงสัยใคร่รู้มากตั้งแต่เด็ก ๆ
……………..
“การได้เข้าถึงคอมพิวเตอร์”
เมื่อโตขึ้น Bill Gates ได้มีโอกาสย้ายโรงเรียนไปเรียนที่ Lakeside school ซึ่งโรงเรียนนี้แหละครับเป็นจุดเริ่มต้นเลยของการเกิดของ Microsoft เพราะ Lakeside เป็นโรงเรียนไม่กี่โรงเรียนที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งสมัยนั้นคนทั่วไปแทบไม่มีใครรู้จักหรือใช้เป็นเลย
Morgan Housel เคยเขียนไว้ในหนังสือดัง “Psychology of Money” เรื่องของความโชคดีของ Bill Gates ที่มีโอกาสได้เข้าเรียนในโรงเรียนนี้ ทำให้เขาได้รู้จักคอมพิวเตอร์และได้มีโอกาสใช้ก่อนคนอื่น ๆ
นอกจากนี้คุณครูที่ Lakeside ก็ไม่ธรรมดา เป็นคุณครูที่มีแนวคิดสมัยใหม่มาก คือ ชอบให้เด็กได้ explore ทดลองทำอะไรนอกกรอบ ก็ถือว่า Bill Gates ได้รับโอกาสที่ดีมากที่ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนในโรงเรียนนี้ครับ
เมื่อมีโอกาสได้ลองเล่นคอมพิวเตอร์เขาก็มีความหลงใหลไปกับการเขียน code หรือ program เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ ในสมัยนั้นการจะเขียนโปรแกรมต้องใช้ภาษาที่เรียกว่า BASIC (Beginners’ All-purpose Symbolic Instruction Code)
ซึ่ง Bill Gates บอกว่าการจะเขียนโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์ทำงานในสมัยนั้นได้นั้นเขาต้องเขียนบอกทุกสเต็ปการทำงาน เพราะหากเราเขียนบอกไม่ครบ มันก็จะไม่สามารถทำงานได้
1
Bill Gates บอกว่ามันเป็นการบังคับให้เขาคิดถึงรายละเอียดทุกสเต็ป ซึ่งต้องอาศัยความอดทนและตั้งใจมาก ๆ ทำแล้วแก้ ทำแล้วแก้ซ้ำ ๆ วนไป ซึ่งสิ่งที่เขาได้เลยคือ logical thinking และความสามารถในการ focus อะไรนาน ๆ
ที่ Lakeside school นี่เองที่ทำให้เขาได้เจอกับ Paul Allen ที่เป็นรุ่นพี่ รวมถึงแก๊งค์เพื่อน ๆ บ้าคอมคนอื่นด้วย โดยมี Kent Evans เป็นเพื่อนที่เขาสนิทที่สุด ที่สุดท้าย Kent Evans ต้องจากไปก่อนวัยอันควรจากอุบัติเหตุในการปีนเขา Bill Gates ได้เขียนถึง Kent Evans ในหนังสือเล่มนี้เยอะมาก เพราะ Kent เหมือนจะเป็นคนที่จุดประกายให้อยากทำธุรกิจ และมีการพูดคุยเรื่องนี้กับ Bill Gates ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก
แต่จากการที่ Kent Evans เสียชีวิตไป ทำให้ Paul Allen นั้นเข้ามาสนิทกับ Bill Gates มากขึ้น และมีความคิดริเริ่มที่จะสร้างธุรกิจด้วยกันจนเป็นจุดเริ่มต้นการก่อตั้ง Microsoft
นอกจากการได้มีโอกาสเข้าใช้คอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนแล้ว Bill Gates และเพื่อน ๆ ยังโชคดีมีโอกาสได้ทดลองเล่นคอมพิวเตอร์ของ DEC (บริษัทใหญ่ที่ขายคอมพิวเตอร์ในขณะนั้น) จากบริษัท CCC (ที่ Bill เรียกว่า C-Cubed) ฟรี ๆ เพราะทางบริษัทอยากได้คนมาทดสอบและทดลองใช้รวมไปถึงหา bug ต่าง ๆ ของ software เพื่อปรับปรุงแก้ไข (ภาษาในธุรกิจเราเรียกว่าการทำ Assurance Testing) ซึ่งเป็น win-win situation ที่ทางบริษัทอยากได้คนมาเทสระบบ ส่วนเด็ก ๆ ก็ได้ใช้คอมพิวเตอร์เล่นฟรี ๆ
ซึ่งหลังจากนั้น Bill Gates บอกว่าเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปขลุกกับที่ C-Cubed แทบจะกินนอนที่นั่นเลย
ในหนังสือ “Outlier” ที่เขียนโดย Malcolm Gladwell ได้พูดถึงกฎ 10,000 ชั่วโมงที่เราเคยได้ยินกันว่า หากเราจะเก่งสิ่งไหนให้ใช้เวลาฝึกฝนอย่างหนัก 10,000 ชั่วโมง ซึ่ง Malcolm ได้เขียนถึง Bill Gates เป็นหนึ่งในตัวอย่างด้วย
Bill Gates ในกล่าวเสริมในหนังสือเล่มนี้ว่าสำหรับเขา 500 ชั่วโมงแรกที่เขาได้ขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์นั้นสำคัญมาก เขาได้เวลาทดลองเขียน code และแก้วนไปซ้ำ ๆ
“Unconstrained by cost or time, I ‘d fall into a zone of total focus. As fast as I completed a section of program, I could ask the computer to run it, giving me an instant answer whether I was right or wrong. Try something; see if it works. If it doesn't, try again with something different.”
……………..
“จุดเริ่มต้นของการก่อตั้ง Microsoft”
Bill Gates และเพื่อน ๆ ของเขาเริ่มรับจ้างเขียน software ครั้งแรกเพื่อแลกกับเวลาที่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ฟรี ๆ ในปี 1970 ให้กับบริษัท ISI ที่อยากได้โปรแกรม payroll มาใช้งาน ซึ่งแก๊งค์เพื่อน ๆ ทั้ง 4 คนต้องทำเองทุกอย่างรวมถึงการเข้าไปพรีเซ็นงานให้กับลูกค้า นึกภาพพวกเขาเป็นแค่เด็ก high school เองในขณะนั้น นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่มีการจ้างพวกเขาเขียนโปรแกรมเรื่อย ๆ มา
การเกิดขึ้นของบริษัท Intel ที่ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ในปี 1972 เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการขยายตัวอย่างมากของธุรกิจคอมพิวเตอร์เลย
การที่ Intel ผลิตชิป 4004 ออกมา ซึ่งมีขนาดเล็กและสามารถเขียนโปรแกรมใส่เข้าไปได้ ทำให้ Paul Allen ที่ติดตามข่าวสารเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดบอกกับ Bill Gates ว่าในอนาคตชิปตัวนี้จะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดตามกฎของ Moore’s law
หลังจาก Bill Gates ได้เข้าเรียนที่ Havard ส่วน Paul Allen นั้นเรียนที่ Washington State University ทั้งสองก็ริเริ่มที่จะก่อตั้งบริษัทเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อทำงานได้ที่รับมาเรื่อย ๆ
Paul Allen นั้นยอม drop out จากมหาวิทยาลัยเพื่อย้ายมาอยู่ Boston เพื่อทำงาน computer software อย่างจริงจังกับ Bill Gates
สุดท้ายทั้งสองจึงตกลงตั้งบริษัทขึ้นมา โดยทีแรกจะตั้งชื่อว่า “Allen & Gates Consulting” ซึ่งชื่อจะออกไปทางบริษัทกฎหมายเสียมากกว่า สุดท้าย Paul เลยเสนอให้ชื่อว่าบริษัท “Micro-Soft” ที่มาจากคำว่า Microcomputer กับคำว่า Software
1
ต้องบอกว่าในสมัยนั้น software เป็นเรื่องที่ใหม่ และยังไม่มีบริษัทที่ทำเกี่ยวกับ software จริง ๆ จัง ๆ เลย คนที่ใช้คอมพิวเตอร์ไม่ได้ให้ความสำคัญหรือมีความคิดว่าเป็นสิ่งที่ต้องซื้อมาใช้ เพราะ software นั้นจะมากับตัวคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว
ผู้ใช้งานก็มักจะคิดว่า software มันคือของฟรี ทำให้ในช่วงแรกนั้น Bill Gates ต้องต้อสู้อย่างหนักกับความคิดนี้ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ถึงขนาดเขาเขียนบทความส่งไปทางนิตยสารคอมพิวเตอร์ชื่อดัง เพื่อที่จะสื่อสารให้ผู้ใช้งานทราบว่าการจะได้มาซึ่ง software นั้นไม่ง่าย และคนทำต้องใช้เวลาในการเขียนขึ้นมาอย่างมาก ซึ่งหากผู้ใช้งานไม่สนับสนุน ก็จะทำให้เราไม่มี software ดี ๆ ใช้งาน ทำให้เกิดกระแสและมีคนรู้จัก Bill Gates รวมถึง Micro-Soft มากขึ้นในวงกว้าง
1
เมื่อ Bill Gates ทุ่มเทเวลาเกือบทั้งหมดให้กับ Micro-Soft เขาจึงมีความคิดที่จะลาออกจากมหาวิทยาลัย Havard เพื่อมาทำงานอย่างเต็มตัว แต่เขาก็ต่อรองกับ Paul Allen เพื่อขอหุ้นที่มากขึ้นเป็น 64 : 36 ซึ่งก็มีการโต้เถียงกันแต่สุดท้าย Paul Allen ก็ยอมนะครับ
แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็แบ่งหุ้น 4% ให้กับ Steve Ballmer ที่ Bill Gates ไปชวนออกจากมหาลัยเพื่อมาทำงานกับ Micro-Soft ในปี 1980 (ต่อมา Steve Ballmer ก็กลายเป็น CEO ของที่สองของ Microsoft ต่อจากตัวเขา)
……………..
📌 สรุปข้อคิดสำคัญจาก Source Code – My Beginnings
1. การเลี้ยงดูและคนในครอบครัวมีผลอย่างมากกับการเติบโตของเด็กคนหนึ่งครับ Bill Gates โตขึ้นมาเป็น Bill Gates ได้ทุกวันนี้ก็เพราะครอบครัว ทั้งคุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ รวมไปถึงคุณครูที่โรงเรียนที่ได้บ่มเพาะ ทั้งการรักการอ่าน ทำให้เขารักการอ่านการเรียนรู้ เป็นคนช่างสงสัยใคร่รู้ และมีวิธีคิดที่เป็นเหตุเป็นผล
2. ความสำเร็จหลายอย่างของ Bill Gates ต้องยอมรับว่ามาจากโชคหรือความโชคดี ซึ่ง Bill Gates เขียนไว้ชัดเจนในบทส่งท้ายหรือ Epilogue ว่าเขาโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นคนอเมริกัน คนขาว ที่อยู่ในฐานะที่ค่อนข้างดี มีโอกาสได้เรียนที่ Lakeside school ซึ่งรับนักเรียนเพียงแค่ 300 คนเท่านั้นต่อปี แถมมีโอกาสได้รู้จักคอมพิวเตอร์ก่อนคนอื่น ๆ
1
“It’s impossible to overstate the unearned privilege I enjoyed: to be born in the rich United States is a big part of a winning birth lottery ticket, as is being born white and male in a society that advantages white men”
3. เด็กคนหนึ่งที่ไม่เหมือนเด็กคนอื่น ๆ อย่าง Bill Gates นั้นก็ถูกมองว่ามีปัญหาตอนเด็ก ๆ ถึงขนาดคุณพ่อคุณแม่ต้องพาไปพบคุณหมอเพื่อหาคำปรึกษา Bill Gates บอกว่าหากเป็นยุคนี้เขาอาจถูกมองว่าเป็นเด็กออทิสติกที่ผิดปกติก็เป็นได้ สิ่งสำคัญคือคุณพ่อแม่ให้ความสนับสนุนและและพยายามช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่โดยการให้มีโอกาสได้ทำกิจกรรมสังคมกับเด็กคนอื่น ๆ
4. Timing ที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ขณะที่ Bill Gates เริ่มหัดเขียน code นั้นเป็นยุคที่คอมพิวเตอร์เข้าถึงได้ยากและก็มีขนาดใหญ่ แต่เมื่อเขาก้าวเข้าสู่วัยรุ่นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของ semiconductor chip ทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงมาก ๆ และเกิดกระแสของการใช้คอมพิวเตอร์ ทำให้การเริ่มทำธฺรกิจเกี่ยวกับ software เป็นคนแรก ๆ ดูเป็นเวลาทื่เหมาะเจาะมาก
5. การจะประสบความสำเร็จแบบ Bill Gates ได้นั้นต้องใช้ความพยายามและความทุ่มเทอย่างมาก Bill Gates นั้นใช้เวลาส่วนใหญ่ในวัยเรียนขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์ทั้งวันทั้งคืน 500 ชั่วโมงแรกที่ Bill Gates บอกไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่ามีส่วนสำคัญมากที่ทำให้เขามีความเชี่ยวชาญ มีถึงขนาดหนีออกจากบ้านดึก ๆ เพื่อไปเล่นคอมพิวเตอร์ ฝึกเขียน code ไม่ได้บอกว่าการทำแบบนี้ดีนะครับ แต่อยากจะบอกว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นแบบ Bill Gates ต้องอาศัยความมุมานะและพยายามมาก ๆ
6. การมีคู่หูที่ดีจะช่วยเติมเต็มและส่งเสริมซึ่งกันและกันเหมือน Bill Gates ที่ได้จับคู่กับ Paul Allen ทั้งคู่แม้จะมีปากเสียงไม่เห็นด้วยกันบ้าง แต่ Bill Gates บอกในหนังสือเล่มนี้ว่าเขาทั้งคู่ไปด้วยกันได้ดีในการทำธุรกิจโดย Paul จะเน้นหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เครื่องมือใหม่ ๆ ส่วน Bill Gates จะไปในทางการเขียน software รวมถึงดูแลเรื่องของธุรกิจ
📍 สุดท้าย Bill Gates ได้กล่าวตอนจบของหนังสือไว้ว่า ตลอดเกือบทั้งชีวิตนั้นตัวเขาเองนั้นมักจะมองไปข้างหน้าตลอด แม้กระทั่งปัจจุบันที่เขาไม่ได้ทำงานที่ Microsoft แล้ว แต่ไปทำงานมูลนิธิและการลงทุนใน breakthrough technology ใหม่ ๆ แต่เมื่อเขาได้มีโอกาสย้อนมองกลับไปในอดีตโดยเฉพาะกับการเขียนหนังสือเล่มนี้ ทำให้เขาได้ปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ ทำให้เขาเข้าใจตัวเองมากขึ้น ว่าการที่เขาได้กลายมาเป็นคนแบบนี้นั้นก็เริ่มต้นมาจากประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาในอดีตทั้งนั้น...
ถ้าไม่อยากพลาดการติดตามการรีวิวหนังสือดี ๆ แบบละเอียดยิบ ฝากกด Like กดติดตามเพจ สิงห์นักอ่าน รวมถึงยังติดตามได้อีกช่องทางใน website www.pawinreading.com
โฆษณา