5 ต.ค. เวลา 12:51 • การศึกษา

“เมื่อผมได้เป็น START UP สื่อท้องถิ่น” ในองค์กรที่มีชื่อว่า LUMSUM

สวัสดีครับ ผมชื่อ ชาคริต จันต๊ะ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า แบงค์
ปัจจุบันผมทำหน้าที่เป็น Producer Non-News ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการคิดและวางแผนคอนเทนต์ทั้งหมดขององค์กร เพื่อเผยแพร่ให้ทุกคนได้รับชม นอกจากนี้ผมยังรับตำแหน่ง Editor อีกด้วย ซึ่งเป็นงานที่ผมรักมาก ถึงแม้บางครั้งจะต้องแลกมาด้วยการอดนอนบ้าง แต่ผมก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ตัดต่อและเห็นผลงานของทีมออกมาเป็นรูปเป็นร่าง
และสุดท้ายหน้าที่ที่ผมได้รับคือหน้าที่ของ Project Manager คือการทำงานร่วมกับลูกค้าโดยตรง รับฟังความต้องการและเป้าหมายของลูกค้า
จากนั้นคิดและวางคอนเซ็ปต์งานให้สอดคล้องและตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด
การเริ่มต้นเป็น Start up ทำให้ผมรู้ได้เลยว่าการเริ่มต้นจากศูนย์มันเป็นอะไรที่ลำบากมากเพราะไม่มีฐานคนดูตั้งแต่ต้น ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้องค์กรเราแมสได้ในระยะสั้นๆและการเงินที่สำคัญเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้องค์ไม่ติดลบผมก็ได้รับหน้าที่ในการออกไปหางานสปอนเซอร์เข้าองค์กร ใช่ครับสิ่งที่ผมไม่ถนัดมากที่สุดคือการคุยกับคนที่ไม่รู้จักทำให้ผมกดดันมาก แต่พอได้เริ่มต้นทำสิ่งที่ไม่ถนัดบ่อยๆทำให้ผมก็ได้พัฒนาตัวเองให้และกล้าที่จะคุยกับคนที่ไม่รู้จักได้ดีขึ้น
มาถึงบทบาทของผมในองค์กร อย่างที่เคยบอกไปว่าผมเป็นคนคุยกับคนอื่นไม่เก่งนัก การได้รับหน้าที่เป็น Producer Non-News จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกกดดันมาก เพราะเคยได้รับหน้าที่นี้มาก่อนและรู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ดีพอ
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป พอได้ลงมือทำจริง ๆ กลับกลายเป็นว่าผมทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ ส่วนหนึ่งเพราะผมไม่ได้อยู่คนเดียว ทีมของเรามีทั้ง CEO, HR และเพื่อน ๆ คอยช่วยเหลือ แนะนำ และแก้ไขข้อผิดพลาดร่วมกันตลอด ทำให้การทำงานในครั้งนี้เต็มไปด้วยความเข้าใจและความสนุก เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าการทำงานกับองค์กรนี้ไม่ใช่แค่ “งาน” แต่เป็นการเติบโตไปพร้อมกันกับทุกคน
การทำคอนเทนต์ในช่วงแรกขององค์กรเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะเราเริ่มต้นจากศูนย์ ไม่มีผู้ติดตาม ทำให้คอนเทนต์ที่ลงไปแทบไม่มีคนดูเลย แต่ด้วยความที่ผมอยู่ในมหาวิทยาลัยพะเยามานาน จึงเริ่มมองเห็นแนวทางในการปรับกลยุทธ์ใหม่ — ตั้งแต่การกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงคอนเทนต์ ไปจนถึงการโปรโมตเชิงพื้นที่และการศึกษาพฤติกรรมของผู้ชม
การปรับเปลี่ยนเหล่านี้ทำให้ผลลัพธ์แตกต่างไปจากเดิมอย่างชัดเจน ยอดผู้ชมเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเสียงตอบรับก็ดีขึ้นกว่าที่คาดไว้มาก ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจกับความสำเร็จครั้งนี้ แม้มันจะเป็นเพียง “ชัยชนะเล็ก ๆ” แต่ก็เป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผมเชื่อมั่นในเส้นทางของการทำสื่อมากขึ้น
ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมและองค์กร ไม่ได้อยู่ที่ยอดวิวหรือเสียงชื่นชม แต่อยู่ที่การได้สร้างประโยชน์ให้กับชุมชนในมหาวิทยาลัยพะเยา เราอยากเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ “พื้นที่ของสื่อ” แห่งนี้เติบโตขึ้น เพื่อให้ทั้งคนนอกและคนในพื้นที่ได้รู้จักมหาวิทยาลัยพะเยามากขึ้น ผ่านเนื้อหาที่เราตั้งใจสร้างสรรค์ด้วยหัวใจ
หลังจากนั้น สิ่งต่อมาที่ผมได้ทำคือการร่วมคอลแลปกับองค์กร Jigsaw Production โดยนำรายการของผมที่ชื่อว่า SUM ONCE รายการ Talk Show ที่เปิดพื้นที่ให้คนโสดในมหาวิทยาลัยพะเยาได้มาพูดคุยเรื่องความรักและแบ่งปันมุมมองของตัวเอง มารวมกับรายการของ Jigsaw ที่ชื่อว่า แอ่วอาร์ต ซึ่งเป็นรายการที่นำเสนอเรื่องราวศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นรอบกว๊านพะเยา
การร่วมมือกันในครั้งนี้กลายเป็นโปรเจกต์ใหม่ในรูปแบบ รายการเดตหาคู่ ที่ทั้งสนุกและท้าทาย เพราะเป็นครั้งแรกที่เราได้ทำรายการขนาดใหญ่แบบนี้ แขกรับเชิญมีถึง 3 คู่ และมีทีมงานรวมกันกว่า 20 ชีวิต ถือเป็นประสบการณ์ที่ทั้งเหนื่อยแต่ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความภูมิใจไปพร้อมกัน
หลังจากการถ่ายทำที่ผ่านไปอย่างราบรื่น เราเข้าสู่ขั้นตอนการตัดต่อและเผยแพร่คอนเทนต์ ซึ่งเป็นช่วงที่ผมเริ่มรู้สึกกังวลอีกครั้ง เพราะนี่คือรายการวาไรตี้รูปแบบใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครทำในมหาวิทยาลัยพะเยา ผมกลัวว่าจะไม่มีใครสนใจ แต่ผลลัพธ์กลับเกินคาด มีคนให้ความสนใจและพูดถึงรายการของเราอย่างอบอุ่น จนรู้สึกว่าความพยายามทั้งหมดไม่สูญเปล่าเลย
และสุดท้ายนี้ การทำ Start-up ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า “การเป็นสื่อ” ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่การหาผลประโยชน์จากชุมชนหรือสร้างชื่อเสียงให้กับองค์กรเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือการมอบคุณค่ากลับคืนให้กับสังคมและผู้คนรอบตัว การที่เราได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชน มอบพื้นที่ให้เสียงของพวกเขาได้ถูกส่งต่อ คือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าการทำงานในสายนี้มีความหมายมากกว่าที่เคยคิดไว้
ผมเชื่อว่าความไว้วางใจคือรากฐานของการสื่อสารที่แท้จริง เมื่อเราสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนได้ การทำงานในฐานะ “สื่อของมหาวิทยาลัยพะเยา” ก็จะยิ่งมีพลังและคุณค่ามากขึ้น ผมหวังว่าประสบการณ์ทั้งหมดนี้จะเป็นแรงบันดาลใจและวางรากฐานให้กับรุ่นน้องในอนาคต ได้สานต่อหน้าที่ของสื่อในมหาวิทยาลัยพะเยาอย่างมั่นคง เติบโต และสร้างประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป
ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนใน LUMSUM และอาจารย์ที่คอยชี้แนะ คอยให้กำลังใจ ทำให้ผมเติบโตทั้งในงานและตัวเอง
บางครั้ง สิ่งที่เราไม่ถนัดที่สุด กลับเป็นสิ่งที่เปิดประตูให้เราเติบโตมากที่สุด การกล้าที่จะลอง การอดทนกับความล้มเหลว และการทำงานร่วมกับคนอื่น จะช่วยให้เราไม่เพียงเก่งขึ้น แต่ยังสามารถมอบสิ่งดี ๆ ให้กับผู้คนรอบตัวเราได้อีกด้วย
ชาคริต
ถ้าคุณอยากติดตามเรื่องราวของเราเพิ่มเติม คลิกที่นี่
โฆษณา