6 ต.ค. เวลา 03:31 • ข่าว

ธงชาติผืนแรกของกัมพูชา ที่ถูกลบจากความทรงจำคนเขมร

หวังสร้างอัตลักษณ์ของชาติเปลี่ยนภาพ “ตรีมุข” เป็น “นครวัด”
(6 ต.ค. 68) “ธงชาติผืนแรกของกัมพูชา” — ธงประวัติศาสตร์ที่กัมพูชาพยายามลบ แต่รัสเซียบันทึกไว้ตั้งแต่ปี 1890
หนึ่งในหลักฐานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และไม่ค่อยมีผู้กล่าวถึง คือภาพ “ธงชาติของกัมพูชา” ที่ปรากฏในหนังสือ Альбом штандартов, флагов и вымпелов Российской империи и иностранных государств (Album of Standards, Flags and Pennants of the Russian Empire and Foreign States) จัดพิมพ์ขึ้นโดย กองอุทกศาสตร์ กระทรวงทหารเรือแห่งจักรวรรดิรัสเซีย (Главное гидрографическое управление Министерства морского флота) เมื่อปี ค.ศ. 1890 (พ.ศ. 2433)
หากเทียบตามลำดับเวลา ปี 1890 ตรงกับรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) แห่งกรุงสยาม ซึ่งทรงดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศและสร้างดุลทางการทูตกับมหาอำนาจตะวันตก ส่วนทางฝั่งรัสเซียอยู่ในรัชสมัยของ จักรพรรดิซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 (Emperor Alexander III, ค.ศ. 1881–1894) ผู้วางรากฐานราชนาวีรัสเซียและสถาบันภูมิรัฐศาสตร์สมัยใหม่ การตีพิมพ์หนังสือชุดนี้จึงอยู่ในบริบทเดียวกับยุคที่ทั้งสยามและรัสเซียต่างให้ความสำคัญกับ “สัญลักษณ์ของรัฐ” เพื่อแสดงความเป็นอารยประเทศทัดเทียมโลกตะวันตก
ในอัลบั้มเล่มดังกล่าว มีหน้าหนึ่งระบุชื่อประเทศว่า “Камбоджа.” (กัมพูชา) พร้อมคำอธิบายใต้ภาพว่า “Національный флагъ” หมายถึง “ธงชาติ”
ภาพธงแสดงพื้นสีแดง มีกรอบสีน้ำเงิน และมีภาพอาคารแบบ “ตรีมุข” หรือ “จตุรมุข” อยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยในราชสำนักรัตนโกสินทร์ตอนต้นอย่างชัดเจน แตกต่างจากภาพ “นครวัด” ที่ใช้ในธงกัมพูชายุคหลังอย่างสิ้นเชิง
การปรากฏของธงนี้ในปี 1890 มีนัยสำคัญ เพราะเป็นช่วงที่กัมพูชาอยู่ภายใต้อารักขาฝรั่งเศส แต่ ยังไม่ถึงปี 1907 ซึ่งเป็นปีที่สยามลงนามในสนธิสัญญาฝรั่งเศส–สยาม แลกคืนจันทบุรี ตราด และเกาะกูด กับการโอนพื้นที่พระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณให้แก่ฝรั่งเศสเพื่อรวมเข้ากับเขตอารักขากัมพูชา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในปี 1890 — นครวัดยังมิได้อยู่ในดินแดนของกัมพูชา และอยู่ในเขตอำนาจของสยามตามโครงสร้างการปกครองท้องถิ่นในเวลานั้น
ดังนั้น ธงกัมพูชาที่รัสเซียบันทึกไว้ จึงไม่เพียงสะท้อนอิทธิพลทางการเมืองของสยามเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึง “รากวัฒนธรรมร่วม” ที่ปรากฏในสัญลักษณ์รัฐกัมพูชาในระยะเริ่มต้น ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของความต่อเนื่องทางศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมไทย–ขอมที่ผสมผสานกันในช่วงเปลี่ยนผ่านก่อนอาณานิคม
อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบัน ได้ปรากฏแนวโน้มของ การบิดเบือนทางประวัติศาสตร์ภายในกัมพูชาเอง โดยมีการเผยแพร่ภาพจำลองธงกัมพูชาปี 1890 ที่ถูก “ปรับแต่งใหม่” ให้มีรูป นครวัด (Angkor Wat) อยู่กลางผืนธง แทนที่อาคารทรงตรีมุขแบบดั้งเดิมที่ปรากฏในเอกสารรัสเซียต้นฉบับ
การกระทำเช่นนี้ แม้ดูเหมือนเพียงการ “แก้ไขภาพประกอบ” เพื่อให้เข้ากับอัตลักษณ์ปัจจุบัน แต่ในเชิงประวัติศาสตร์แล้ว ถือเป็นการสร้าง “เรื่องเล่าทางชาติพันธุ์” แบบใหม่ ที่มุ่งลบความทรงจำเดิม — เพื่อไม่ต้องยอมรับว่ากัมพูชาในช่วงก่อนปี 1907 ยังไม่ได้ครอบครองนครวัด และสัญลักษณ์ทางศิลปกรรมของรัฐในขณะนั้นยังคงอยู่ในกรอบอิทธิพลของสยาม
ผลจากกระบวนการดังกล่าว ทำให้ในการศึกษาทางประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของกัมพูชา ธงผืนนี้แทบไม่ปรากฏอยู่ในแหล่งข้อมูลภายในประเทศ และคนกัมพูชารุ่นใหม่จำนวนมากไม่เคยเห็นธงทรงไทยผืนนี้มาก่อน
การ “ลบธง” และ “ใส่นครวัดเข้าไปแทน” จึงไม่ใช่เพียงการตกแต่งทางสัญลักษณ์ แต่เป็นการ บิดเบือนทางประวัติศาสตร์อย่างมีเจตนา เพื่อรักษาความต่อเนื่องของเรื่องเล่าทางชาติ ที่ต้องการให้นครวัดเป็นหัวใจของอัตลักษณ์กัมพูชามาโดยตลอด
ในทางกลับกัน เอกสารรัสเซียปี 1890 กลับกลายเป็นหลักฐานสากลที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ว่ากัมพูชาในยุคอาณานิคมตอนต้นเคยมีธงชาติที่แสดงรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบไทย และนครวัดยังไม่ใช่สัญลักษณ์ของชาติในเวลานั้น
ธงผืนนี้จึงไม่ใช่เพียงเครื่องหมายของรัฐในยุคอาณานิคม หากแต่เป็น “ประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์” ที่เปิดเผยให้เห็นกลไกการสร้างและลบอัตลักษณ์ของชาติ ซึ่งยังคงส่งผลสะเทือนต่อการตีความประวัติศาสตร์ของภูมิภาคอินโดจีนมาจนถึงปัจจุบัน
เรื่อง : ปราชญ์ สามสี
โฆษณา