6 ต.ค. เวลา 09:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

หุ้นไทยไซด์เวย์-ทางเทคนิคยืนเหนือ 1,293 จับตาเงินเฟ้อ หนุนความหวังลดดอกเบี้ย

InnovestX วันนี้ติดตามเงินเฟ้อไทย หากยังต่ำจะหนุนความหวังในการลดดอกเบี้ย ทางเทคนิคตลาดพยายามยืนเหนือ 1293
InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ระบุว่า คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ วันศุกร์ NPF สหรัฐฯ ไม่สามารถประกาศได้ แต่ ISM Services PMI ที่ต่ำยังชี้นำ ศก. สหรัฐฯ ที่ชะลอ วันนี้ติดตามเงินเฟ้อไทย คาดลดลงต่อเป็นเดือนที่หก หากยังต่ำจะหนุนความหวังในการลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามเราคาดว่าโอกาสการลดดอกเบี้ย กนง. ใน ธ.ค. มีโอกาสสูงกว่า รวมถึงการแถลงมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย ทางเทคนิคตลาดพยายามยืนเหนือ 1293 ยืนได้แกว่งขึ้น แต่ต้องระวังการชะลอตัวที่ 1300/1305 ขึ้นต่อไม่ควรหลุดแนวรับ
หุ้นวันนี้ ทางเทคนิคตลาดพยายามยืนเหนือ 1293 ยืนได้แกว่งขึ้น แต่ต้องระวังการชะลอตัวที่ 1300/1305 ขึ้นต่อไม่ควรหลุดแนวรับ
ประเด็นสำคัญ
  • กบน. ลดอัตราเงินสบทบเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับดีเซลและเบนซินทุกชนิดลง 50 สต./ลิตร เพื่อลดราคาขายปลีก เป็นไปตามนโยบายลดค่าครองชีพประชาชน มองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (OR) ท่ามกลางค่าการตลาดที่มีสัญญาณฟื้นตัวและปริมาณบริโภคที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และบวกทางอ้อมต่อกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น
  • ก.ล.ต. เตรียมปรับเกณฑ์กองทุน Thai ESG และ Thai ESG Extra ลงทุนใน REITs & IFFs ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า เกณฑ์ดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มนำมาใช้ได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ เพราะอยู่ในขั้นตอนการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรามีมุมมองเชิงบวกต่อข่าวนี้ เนื่องจากจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เงินไหลเข้าหุ้นในกลุ่มนี้มากขึ้น หุ้นในกลุ่มนี้เราชอบ DIF และ LHHOTEL
  • กรมอุตุฯ เตือนพายุ “แมตโม” จะทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่นและอาจส่งผลให้ภาคเหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเผชิญฝนตกหนักในช่วงวันที่ 5-7 ต.ค. นี้ ด้าน กทม. เตือนเกิดน้ำทะเลหนุนสูงวันที่ 10-11 ต.ค. 2568 จากการเพิ่มอัตราระบายน้ำและให้ความมั่นใจระดับน้ำใน กทม. ยังไม่วิกฤต
  • ติดตามรายงานภาวะเงินเฟ้อไทย ก.ย. 2568 ในวันนี้ (6 ต.ค.) INVX คาดว่าจะหดตัว 0.6%YoY เป็นการหดตัวเป็นเดือนที่หกติดต่อกัน
  • ปธน. ทรัมป์เผยกำลังพิจารณาการนำรายได้จากภาษีศุลกากรมาจ่ายคืนประชาชนชาวอเมริกันราว 1,000-2,000 ดอลลาร์ต่อคน ขณะที่บางส่วนจะนำไปชำระหนี้ของรัฐบาลที่สูงถึง 38 ล้านล้านดอลลาร์ รมต. คลังสหรัฐฯ ประเมินว่ารายได้ดังกล่าวจะสูงราว 5 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี
  • การประชุม OPEC+ มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบอีก 137kBD ใน พ.ย. 2568 เป็นไปตามกระแสข่าวในช่วงก่อนและเพิ่มติดต่อกันเป็นเดือนที่แปดรวม +2.7MBD หรือราว 2.5% ของความต้องการโลก สอดคล้องกับมุมมองของ OPEC ที่มองบวกต่ออุปสงค์น้ำมันโลก และเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกลับคืนจากสหรัฐฯ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักฐานหรือไซด์เวย์ในกรอบแคบ เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่มากระตุ้นบรรยากาศลงทุน ปัจจัยในประเทศติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ ก.ย. ซึ่งหากยังติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 อาจหนุนให้ตลาดคาดหวังการลดดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ดีเราคาด กนง. จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุมวันที่ 8 ต.ค. นี้ก่อน แต่มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 17 ธ.ค. นี้แทน
ส่วนปัจจัยต่างประเทศติดตาม FOMC Minutes เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่การชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ คาดไม่มีผลกระทบต่อการลงทุน โดยในอดีตการชัตดาวน์ยาวนานที่สุดเกิดขึ้นในปี 2018-2019 ใช้ระยะเวลา 35 วัน ซึ่งทั้ง S&P500 และ SET ให้ผลตอบแทนเป็นบวก สะท้อนว่าตลาดไม่ได้ให้น้ำหนักต่อประเด็นนี้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักฐาน เนื่องขาดปัจจัยหนุนใหม่ ติดตามเงินเฟ้อไทย, การประชุม กนง. และทิศทางดอกเบี้ยจากรายงานการประชุม FOMC กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 2 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play คาดผลการดำเนินงาน 3Q68 จะยังเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดีและราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ ADVANC BCP KTB LHSC OR PTT TRUE
2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้ง และปีหน้า 2 ครั้ง อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC TIDLOR
3. Trading Idea: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่เคยได้ประโยชน์จากเกิดโครงการคนละครึ่งในอดีต ซึ่งมียอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น แนะนำ CPAXT (มีฐานลูกค้าโชห่วยและร้านอาหาร), TNP (เป็นร้านธงฟ้า), BJC, CPALL, CBG, OSP, HTC, ICHI, SAPPE และ 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆและเราแนะนำ Outperform แนะนำ ค้าปลีก (CPALL BJC TNP GLOBAL) ท่องเที่ยว (CENTEL ERW) ไฟแนนซ์ (MTC TIDLOR) นิคม (WHA AMATA) และโรงไฟฟ้า (GULF BGRIM BCPG CKP)
หุ้นเด่น
KTB: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากโมเมนตัมกำไรสุทธิ 3Q68 คาดจะเติบโตสูงที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากประเมินกําไร FVTPL จากเงินลงทุนใน THAI 1.4 หมื่นลบ. (1 บาท/หุ้น) KTB มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ตํ่ากว่าธนาคารใหญ่อื่นๆ มี ROE ที่ดีกว่า Valuation ถูก และคาด Div. Yield ปี 2568 ที่ราว 6.3% เป้าหมายระยะสั้น 26.00 บาท
TIDLOR: มีปัจจัยกระตุ้นจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนวโน้มเงินเฟ้อที่จะรายงานในวันนี้มีโอกาสติดลบต่อเป็นเดือนที่ 6 หนุนการเก็งกำไร ในขณะที่ปี 2568 คาดว่าบริษัทจะรายงานกำไรเติบโตแข็งแกร่งที่สุดที่ 16% จาก Credit Cost ที่ -60 bps, สินเชื่อที่ +6% และรายได้นายหน้าประกันภัยที่ +6% ราคาเป้าหมายเทคนิคระยะสั้นที่ 21.00 บาท
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา