ส่วนตัวมองว่าเป็นนะคะ
มองว่ามาจากกฎแห่งการกระทำ หรือที่เราได้ยินกันมาว่า " กฎแห่งกรรม "ค่ะ
.
" กรรม " หรือ "การกระทำ " ถ้าอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ ก็คือ " ทำอะไร ย่อมได้อย่างนั้น " ( action = reaction )
.
เคยฆ่า วันใดวันหนึ่งจะโดนฆ่า
เคยสั่งฆ่า วันใดวันหนึ่งจะโดนสั่งฆ่า
เคยกลั่นแกล้ง วันใดวันหนึ่งจะโดนกลั่นแกล้ง
เคยใส่ร้ายใส่ความ วันใดวันหนึ่งจะโดนใส่ร้ายใส่ความ
.
เพียงแต่วันใดวันหนึ่งที่ว่า อาจต้องรอเวลา อาจมีตัวแปรอื่นๆอีกมากมายที่เข้ามาในสมการชีวิต ทำให้ไม่ปรากฎผลทันทีทันใดเหมือนกับการเอาหมัดชกกำแพง แล้วกำแพงสู้กลับ
.
วันใดวันหนึ่งที่ว่า อาจลากยาวข้ามภพข้ามชาติ ทำให้เจ้าตัวไม่เหลือความทรงจำว่าเคยทำอะไรไว้ในอดีตครั้งนั้น
.
และเมื่อถึงเวลาที่เหตุปัจจัยพร้อม สิ่งที่เคยทำไว้ในอดีตไม่ว่าจะนานแสนนานแค่ไหนจะเกิดขึ้นกับเจ้าตัว ( ซึ่งอาจทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าชีวิตมันไร้ความยุติธรรมสิ้นดีในวันนี้ )
.
คนที่โดนกำหนดชะตากรรมจึงเป็นผลจากสิ่งที่ทำไว้ในอดีต ส่วนคนที่เป็นคนกำหนดชะตากรรมก็อาจจะใช่หรือไม่ใช่คนที่เคยโดนกระทำมาก่อน เพียงแต่ครั้งนี้เค้ามีหน้าที่หยิบยื่นผลจากการกระทำ ให้กับคนที่เคยกระทำมันมาก่อนเท่านั้น
.
และสิ่งใดที่คนที่กำหนดชะตากรรมได้กระทำลงไป สิ่งที่กระทำลงไปนั้นจะกลับมาหาเค้าในวันหนึ่งวันใดตามหลักแห่งกรรมเช่นกัน
.
" ทำอะไร ย่อมได้อย่างนั้น" เป็นกฎธรรมชาติ แต่มันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีกอย่างไม่รู้จบ ถ้ามีเรื่องของ " จิตใจ" เข้ามาพ่วงเป็นความโกรธ เกลียด หรืออาฆาตแค้น และจองเวรต่อกันอย่างไม่รู้จบค่ะ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
