Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สารพันความรู้
•
ติดตาม
8 ต.ค. เวลา 01:00 • ไลฟ์สไตล์
Yamashita’s Gold – สมบัติญี่ปุ่นที่ว่ากันว่าซ่อนในฟิลิปปินส์
ตำนานทองที่หายไป กับปริศนาแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง
บทที่ 1 : เงาทองแห่งเอเชียตะวันออก
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นคือจักรวรรดิที่ขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็วที่สุดในเอเชีย กองทัพญี่ปุ่นบุกยึดประเทศต่าง ๆ ตั้งแต่จีน เกาหลี อินโดจีน พม่า ไปจนถึงฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ภายใต้แนวคิด “วงไพบูลย์ร่วมแห่งมหาเอเชียบูรพา” (Greater East Asia Co-Prosperity Sphere) ซึ่งแท้จริงแล้วคือการแผ่ขยายอำนาจจักรวรรดิ
ทว่าภายใต้การเคลื่อนทัพเหล่านั้น มีสิ่งหนึ่งที่หลายคนเชื่อว่าเป็น “แรงจูงใจลับ” ของกองทัพญี่ปุ่น — นั่นคือ ทองคำและสมบัติจำนวนมหาศาลที่ปล้นมาจากทั่วเอเชีย เพื่อใช้เป็นทุนหลังสงคราม
และหัวหน้าผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ดูแลสมบัติเหล่านี้คือ พลเอกโทโมยูกิ ยามาชิตะ (Tomoyuki Yamashita) — ผู้ได้รับฉายา “เสือแห่งมลายู” (The Tiger of Malaya) ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพญี่ปุ่นในฟิลิปปินส์
บทที่ 2 : ตำนานกำเนิด “ทองของยามาชิตะ”
หลังการบุกยึดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำเร็จในช่วงต้นสงคราม ญี่ปุ่นได้ปล้นสะสมทรัพย์สินจำนวนมหาศาลจากประเทศที่ถูกยึดครอง ทั้งทองคำแท่ง อัญมณี พระพุทธรูปทองคำ ของมีค่าจากวัดและราชสำนัก ตลอดจนของสะสมจากเศรษฐีในสิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า และอินโดนีเซีย
ตำนานกล่าวว่า สมบัติเหล่านี้ถูกส่งไปยังฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญของญี่ปุ่นในแปซิฟิก โดยมีแผนจะขนต่อไปยังญี่ปุ่น แต่ในช่วงท้ายของสงคราม พอฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มรุกกลับ เส้นทางทะเลก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
ยามาชิตะจึงได้รับคำสั่งให้ซ่อนทองคำทั้งหมดในดินแดนฟิลิปปินส์ ซึ่งมีเกาะมากกว่า 7,000 เกาะ เต็มไปด้วยภูเขา ถ้ำ และป่าดงดิบ เหมาะแก่การปกปิดสมบัติที่ไม่มีใครค้นพบได้ง่าย ๆ
มีบันทึกจากผู้รอดชีวิตและคำให้การบางส่วนที่อ้างว่า กองทัพญี่ปุ่นใช้แรงงานเชลยศึกและชาวพื้นเมือง ในการขุดอุโมงค์ใต้ดิน สร้างกับดัก ระเบิด และหลุมฝังสมบัติไว้หลายแห่ง ก่อนจะสังหารผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อปกปิดความลับ
บทที่ 3 : การยอมจำนนและความลับที่ถูกฝัง
ในปี ค.ศ. 1945 เมื่อญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงคราม ยามาชิตะถูกจับกุมโดยกองทัพสหรัฐฯ ที่เมืองบาเกียว (Baguio) ทางตอนเหนือของเกาะลูซอน เขาถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรมสงครามและถูกประหารชีวิตในปีถัดมา
แต่สิ่งที่เขาไม่เคยเปิดเผยเลยคือ “ทองของญี่ปุ่นอยู่ที่ไหน?”
นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่า ยามาชิตะไม่ได้เป็นผู้ควบคุมสมบัติเหล่านั้นโดยตรง แต่เป็นเพียง “ชื่อที่ถูกใช้” เพื่อกลบตัวผู้บงการที่แท้จริง ซึ่งอาจเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพจักรวรรดิ หรือแม้แต่สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะเอง
ส่วนผู้ที่รู้จุดซ่อนทองคำจริง ๆ อาจมีเพียงไม่กี่คน และพวกเขาถูกกำจัดก่อนสิ้นสงคราม
บทที่ 4 : การค้นพบหลังสงคราม – เรื่องของ “Roger Roxas”
หนึ่งในเรื่องเล่าที่โด่งดังที่สุดเกี่ยวกับทองของยามาชิตะ คือเรื่องของ โรเจอร์ โรซาส (Roger Roxas) ช่างซ่อมนาฬิกาชาวฟิลิปปินส์ผู้หลงใหลในการล่าสมบัติ
ในปี ค.ศ. 1961 โรซาสได้พบกับอดีตทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งที่บอกเขาว่ารู้ที่ซ่อนของทองคำบางส่วนในเขตบาเกียว หลังจากนั้นเขาและทีมงานได้เริ่มขุดค้น จนในปี ค.ศ. 1971 พวกเขาพบสิ่งที่ไม่คาดคิด — รูปปั้นพระพุทธรูปทองคำสูงกว่า 1 เมตร และหีบเหล็กจำนวนมากที่บรรจุทองคำแท่ง
โรซาสนำพระพุทธรูปกลับมาที่บ้าน แต่ไม่นานนัก เขาก็ถูกเจ้าหน้าที่รัฐบาลของ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส (Ferdinand Marcos) ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในขณะนั้นเข้ายึดทรัพย์
ตำนานเล่าว่า มาร์กอสได้ยึดทองคำทั้งหมดไป แล้วนำไปแลกเปลี่ยนกับธนาคารสวิสเพื่อใช้สนับสนุนอำนาจทางการเมืองของตน
โรซาสถูกจับ ถูกทำร้าย และในที่สุดเสียชีวิตอย่างลึกลับในปี 1993 แต่ก่อนตาย เขาได้ฟ้องร้องตระกูลมาร์กอสในศาลสหรัฐฯ และได้รับคำตัดสินในปี 1996 ว่าเขามีสิทธิ์เหนือทองคำบางส่วน — แม้ศาลจะไม่สามารถยืนยันได้ว่าสมบัตินั้นคือ “ทองของยามาชิตะ” จริงหรือไม่
บทที่ 5 : เส้นทางทองคำ – เครือข่ายสมบัติจักรวรรดิ
นักวิจัยบางคน เช่น Sterling Seagrave และ Peggy Seagrave ผู้เขียนหนังสือชื่อ “Gold Warriors” ได้เสนอทฤษฎีว่า สมบัติของยามาชิตะไม่ใช่เพียงเรื่องเล่าท้องถิ่น แต่เป็น เครือข่ายการเงินลับของรัฐบาลสหรัฐฯ และญี่ปุ่นหลังสงคราม
ตามหนังสือเล่มนี้ สมบัติส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกซ่อนไว้ตลอดไป แต่ถูกกองทัพสหรัฐฯ โดยเฉพาะหน่วย OSS (ต่อมาคือ CIA) ยึดไปหลังสงคราม และใช้ก่อตั้ง “กองทุนดำ” เพื่อควบคุมการเมืองในเอเชียช่วงสงครามเย็น
พวกเขาเรียกกองทุนนี้ว่า “Black Eagle Trust” ซึ่งถูกใช้ในการสนับสนุนรัฐบาลต่อต้านคอมมิวนิสต์ทั่วเอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้
หากเรื่องนี้เป็นจริง นั่นหมายความว่า “ทองของยามาชิตะ” กลายเป็นหนึ่งใน สมบัติทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดของศตวรรษที่ 20
บทที่ 6 : ฟิลิปปินส์ – ดินแดนแห่งถ้ำและปริศนา
ฟิลิปปินส์ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 7,641 เกาะ เต็มไปด้วยภูเขาไฟ ถ้ำลึก และป่าฝนหนาแน่น เป็นสถานที่เหมาะสมที่สุดในการซ่อนสิ่งของที่ไม่มีวันถูกพบ
มีรายงานว่าจุดต้องสงสัยของสมบัติยามาชิตะมีอยู่กว่า 170 แห่งทั่วประเทศ เช่น
เมืองบาเกียว (Baguio) – จุดที่ยามาชิตะถูกจับ
ภูเขา Sierra Madre
เมือง Davao บนเกาะมินดาเนา
และบางส่วนของลูซอนตอนใต้
หลายทศวรรษที่ผ่านมา มีนักล่าสมบัติจากทั่วโลกเดินทางไปขุดค้น บางรายอ้างว่าพบทองคำแท่ง บางรายพบเพียงเศษเหล็กและระเบิดเก่า
รัฐบาลฟิลิปปินส์เองเคยตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อควบคุมการขุดค้น เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายหรือขัดต่อกฎหมายมรดกทางชาติ
แต่จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดว่า “ทองของยามาชิตะ” มีอยู่จริง
บทที่ 7 : ปริศนาที่ซ่อนอยู่ใต้เงาประวัติศาสตร์
คำถามที่สำคัญคือ — หากทองของยามาชิตะมีจริง มันหายไปไหนหมด?
ทฤษฎีหลัก ๆ มีอยู่สามแนวทาง
ทองทั้งหมดถูกญี่ปุ่นขนกลับก่อนสิ้นสงคราม – ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะกองทัพญี่ปุ่นล่มสลายในปี 1945 และการเดินเรือในมหาสมุทรแปซิฟิกถูกฝ่ายสัมพันธมิตรควบคุม
ทองถูกสหรัฐฯ ยึดไปหลังสงคราม – ตามที่ Seagrave อ้าง ซึ่งเชื่อมโยงกับ CIA และกองทุนลับระหว่างประเทศ
ทองยังถูกฝังอยู่ในฟิลิปปินส์ – และอาจยังมีคนบางกลุ่มที่รู้จุดซ่อนเหล่านั้น แต่ปกปิดไว้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
ทุกทฤษฎีต่างมีจุดน่าสนใจ แต่ไม่มีหลักฐานทางกายภาพที่ยืนยันได้แน่ชัด
บทที่ 8 : สัญลักษณ์บนแผนที่ลับ
ในปี 1980 มีการเผยแพร่แผนที่หลายฉบับที่อ้างว่าเป็น “Yamashita Treasure Map” ซึ่งมีการเขียนด้วยภาษาญี่ปุ่นผสมสัญลักษณ์ลึกลับ เช่น วงกลม ลูกศร กากบาท และตัวอักษร “T” ที่สื่อถึง “Tunnel” หรืออุโมงค์
บางคนเชื่อว่าแผนที่เหล่านี้เป็นของจริง ถูกวาดโดยทหารญี่ปุ่นเพื่อบันทึกตำแหน่งสมบัติ แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญที่ยืนยันว่าแผนที่เหล่านี้อาจเป็นของปลอมที่สร้างขึ้นเพื่อหลอกลวงนักล่าสมบัติ
แต่สิ่งที่แน่นอนคือ ในหลายพื้นที่ของฟิลิปปินส์ เช่น Benguet, Nueva Vizcaya, Davao, และ Ilocos Norte — ยังมีการขุดค้นอย่างลับ ๆ อยู่จนถึงปัจจุบัน
บทที่ 9 : สมบัติที่ไม่ใช่แค่ทอง
สำหรับบางคน “ทองของยามาชิตะ” ไม่ได้หมายถึงทองคำจริง ๆ เท่านั้น แต่คือ สัญลักษณ์ของความโลภและเงาของสงคราม
เพราะเบื้องหลังของสมบัติเหล่านี้คือความทุกข์ของผู้คนที่ถูกปล้น ถูกฆ่า และถูกใช้แรงงานทาสในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
แม้ทองคำแท่งเหล่านั้นจะมีค่ามหาศาล แต่สิ่งที่สูญเสียไปมากกว่านั้นคือ ศักดิ์ศรีของมนุษย์และประวัติศาสตร์ที่ถูกฝังไปพร้อมมัน
บางนักวิชาการมองว่า เรื่องราวของ “Yamashita’s Gold” คือภาพสะท้อนของสงครามที่ยังไม่จบสิ้นในจิตใจของผู้คนในเอเชีย
บทที่ 10 : ความจริงหรือภาพลวงตา?
ทุกครั้งที่มีข่าวการพบ “สมบัติญี่ปุ่น” ในฟิลิปปินส์ จะมีคนแห่ไปขุดทันที ทั้งนักล่าสมบัติ นักธุรกิจ และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น บางครั้งก็เกิดอุบัติเหตุระเบิด บางครั้งก็เป็นเพียงการขุดลวง
รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ผ่านกฎหมายให้ผู้ที่พบสมบัติสามารถแบ่งผลประโยชน์กับรัฐได้ 50–50 แต่ถึงกระนั้น ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนยังคงสูงมาก
สำหรับนักโบราณคดีส่วนใหญ่ พวกเขามองว่า “Yamashita’s Gold” อาจไม่มีอยู่จริง หรือถ้ามี ก็ถูกขนย้ายไปนานแล้ว
แต่สำหรับนักล่าสมบัติ — ตำนานนี้คือแรงบันดาลใจที่ไม่มีวันดับ
บทที่ 11 : มรดกแห่งเงาทอง
เวลาผ่านมากว่า 80 ปีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สิ่งที่เหลืออยู่คือเรื่องเล่า ภาพถ่าย แผนที่ลึกลับ และเศษเหล็กจากอดีต
อย่างไรก็ตาม ตำนานของทองของยามาชิตะยังคงดำรงอยู่ในวัฒนธรรมสมัยนิยม — มีทั้งภาพยนตร์ สารคดี และเกมที่หยิบเรื่องนี้มาสร้าง เช่น Yamashita: The Tiger’s Treasure (2001) หรือ Uncharted ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวคล้ายกัน
บางคนเชื่อว่า หากมีใครสักคนค้นพบทองแท่งที่แท้จริงขึ้นมา โลกอาจต้องเขียนหน้าประวัติศาสตร์ใหม่อีกครั้ง
เพราะทองนั้นไม่ใช่แค่สมบัติของสงคราม แต่คือ “หลักฐานแห่งยุคจักรวรรดิที่โลภที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์”
บทส่งท้าย : ใต้เงาป่าของฟิลิปปินส์
ในค่ำคืนอันเงียบสงัดกลางป่าลึกของลูซอน เสียงขุด เสียงเหล็กกระทบหิน ยังคงดังอยู่ในบางพื้นที่ นักล่าสมบัติหลายคนยังคงเชื่อว่า “ทองของยามาชิตะ” อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
บางคนสาบานว่าเคยเห็นทองคำวับวาวในอุโมงค์ บางคนบอกว่าเคยได้ยินเสียงระเบิดจากกับดักเก่า
แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร — ตำนานของ Yamashita’s Gold ได้กลายเป็นหนึ่งในปริศนาสมบัติใต้ทะเล–ใต้ดิน ที่ลึกลับที่สุดในโลก
มันไม่ใช่แค่เรื่องของทองคำ
แต่คือเรื่องของ อำนาจ ความลับ และร่องรอยของสงคราม
ที่ยังคงฝังอยู่ในผืนดินและหัวใจของมนุษย์มาจนถึงทุกวันนี้
เรื่องเล่า
ความรู้รอบตัว
ชีวิต
บันทึก
1
3
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย