7 ต.ค. เวลา 02:48 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

“ล้างรอยดิจิทัล” เคล็ดลับจัดการข้อมูลส่วนตัวให้ปลอดภัย

ในโลกดิจิทัลปัจจุบัน ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไปอีกต่อไป แต่เปรียบเสมือน “สินทรัพย์” ที่มีมูลค่ามหาศาลและเป็นเป้าหมายหลักของอาชญากรไซเบอร์ การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจึงไม่ใช่เพียงการรักษาความเป็นส่วนตัว แต่คือการสร้างเกราะป้องกันเชิงรุกต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจส่งผลกระทบทั้งต่อบุคคลและองค์กร
ภัยคุกคามจากการแชร์ข้อมูลมากเกินไป
ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยส่วนบุคคล
Phishing และ Social Engineering: การเปิดเผยข้อมูลเล็กน้อย เช่น อีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ อาจถูกนำไปใช้สร้างข้อความหลอกลวงที่มีความน่าเชื่อถือสูง เพื่อหลอกขโมยข้อมูลที่สำคัญกว่า เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลทางการเงิน
Identity Theft (การขโมยตัวตนดิจิทัล): เมื่อข้อมูลอย่างวันเกิด หมายเลขโทรศัพท์ และที่อยู่ ถูกนำมาผูกโยงเข้าด้วยกัน แฮกเกอร์สามารถสวมรอยเป็นเจ้าของข้อมูลเพื่อเข้าถึงบัญชีออนไลน์ หรือแม้กระทั่งทำธุรกรรมทางการเงินแทนได้
การสะกดรอย (Stalking): การแชร์ตำแหน่ง, รูปภาพ, หรือกิจกรรมแบบเรียลไทม์ อาจเปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดีติดตามหรือคุกคาม
การละเมิดความเป็นส่วนตัว: ข้อมูลที่แชร์อาจถูกนำไปใช้ในบริบทที่ไม่เหมาะสม เช่น การล้อเลียน, การเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
ในแง่องค์กร
การรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ: พนักงานที่แชร์ภาพหน้าจอ, เอกสาร, หรือข้อมูลการประชุม อาจเปิดเผยข้อมูลความลับทางธุรกิจ
การโจมตีแบบ Targeted Attack: แฮกเกอร์สามารถใช้ข้อมูลที่แชร์เพื่อใช้วางแผนโจมตีเฉพาะบุคคลหรือระบบขององค์กร
ความเสียหายต่อชื่อเสียง: การแชร์ข้อมูลภายในหรือความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสมอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร
สถิติการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้
ข้อมูลจาก IBM Cost of a Data Breach Report 2024 ชี้ให้เห็นว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการรั่วไหลของข้อมูลหนึ่งครั้งสูงถึง 4.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหนึ่งในสาเหตุหลักคือการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่รัดกุม ขณะเดียวกัน Surfshark Research (2024) พบว่ามีข้อมูลผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 2,600 ล้านบัญชี ถูกเปิดเผยในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มค้นหาข้อมูลถือเป็นช่องทางที่ถูกโจมตีมากที่สุด
ที่มา : newsroom.ibm.com, surfshark.com
โฆษณา