8 ต.ค. เวลา 10:22 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Long-distance runners may face higher colon cancer risk, early findings suggest

ผลการวิจัยเบื้องต้นชี้ว่า นักวิ่งระยะไกลอาจมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้น
การวิ่งนั้นดีอย่างมากต่อสุขภาพ แต่คุณวิ่งมากเกินไปได้ไหม
นักวิทยาศาสตร์ อาจค้นพบความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ ระหว่างการวิ่งระยะไกล กับมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก หลังจากผลการวิจัยเบื้องต้นพบว่า จากการตรวจคัดกรองมะเร็งลำใส้ใหญ่ เกือบครึ่งหนึ่งของนักวิ่งมาราธอนและนักวิ่งอัลตรามาราธอน พบว่า มีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่
งานวิจัยระยะแรก ซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ได้คัดเลือกนักวิ่งระยะไกลช่วงอายุระหว่าง 35-50 ปี จำนวน 100 คน เข้ารับการตรวจคัดกรอง โดยการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่
ผลพบว่า นักวิ่งเกือบร้อยละ 50 พบว่าลำใส้ใหญ่มีติ่งเนื้อหรือโพลิป ขณะที่นักวิ่งร้อยละ 15 พบว่ามีเนื้องอกชนิด อะดีโนมาในระยะลุกลามที่ลำใส้ใหญ่ ซึ่งเนื้องอกชนิดอะดีโนมาในระยะลุกลาม เป็นเนื้องอกที่มีโอกาสสูงที่จะลุกลามเป็นมะเร็ง
ถ้าจะเปรียบเทียบกันแล้ว ในงานวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นว่า ในประชากรทั่วไป ผู้ใหญ่วัย 40 ปลายๆ จะตรวจพบเนื้องอกชนิดอะดีโนมาระยะลุกลามดังกล่าว เพียงประมาณร้อยละ 4.5 ถึงร้อยละ 6 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม จะสังเกตว่า งานวิจัยนี้ มีผู้เข้าร่วมในการวิจัยในจำนวนที่มากทีเดียว
แคนนอน Timothy Cannon ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง จากสถาบันมะเร็งไอโนวา ชาร์ ในรัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา หัวหน้าโครงการวิจัยนี้ กล่าวกับบีบีซี ไซเอนซ์ โฟกัส BBC Science Focus ว่า “ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี ผมรู้สึกกังวลมาก เมื่อเห็นนักวิ่งอัลตรามาราธอนวัย 30 ปีกลุ่มหนึ่ง เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักระยะที่สี่ซึ่งเป็นระยะที่มะเร็งลุกลามอย่างมาก”
“นักวิ่งอัลตราทาราธอนกลุ่มนี้ อธิบายถึงอาการเลือดออก และตะคริวหลังจากวิ่ง และอย่างน้อยหนึ่งหรือสองคนในนั้นบอกว่า แพทย์แนะนำว่าอาการดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องปกติหลังจากวิ่ง”
อาการเช่นนี้บางครั้ง อาจเกิดจากภาวะลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดขาดเลือด ซึ่งเป็นภาวะที่เลือดถูกดึงออกจากลำไส้ใหญ่เพื่อไปหล่อเลี้ยงขาและกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ทำให้เนื้อเยื่อลำไส้ขาดออกซิเจนชั่วคราว อาการนี้อาจทำให้เกิดอาการสำใส้บวม และมีเลือดออก แต่มักจะหายได้เอง
แคนนอน สงสัยว่า ความเสียหายและการซ่อมแซมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ กัน จะสามารถสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมต่อการเกิดเป็นโรคมะเร็งได้หรือไม่
แคนนอน กล่าวว่า “ยังไม่มีหลักฐานจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่า โรคลำไส้ใหญ่อักเสบจากการขาดเลือดเป็นสาเหตุของมะเร็ง” “แต่ก็ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่า มันจะเป็นอย่างไร เมื่อเซลล์จำนวนมากตายลง แล้วเติบโตกลับมาอย่างไม่เป็นระเบียบและไร้การควบคุม ย่อมมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดในการจำลองดีเอ็นเอได้มากมาย”
คำอธิบายอื่นๆ ก็เป็นไปได้ นักกีฬาประเภทความอดทนเป็นที่ทราบกันดีว่า มีไมโครไบโอมหรือจุลินทรีย์ดีที่อาศัยอยู่ในลำไส้ ที่แตกต่างจากผู้ที่ไม่ได้วิ่ง และอาหารของนักกีฬาประเภทความอดทนเหล่านี้ มักประกอบด้วยผลิตภัณฑ์แปรรูปจำนวนมาก เช่น เครื่องดื่มชูกำลังบรรจุขวด
ขณะนี้ทีมงานวิจัยของแคนนอน วางแผนที่จะเปรียบเทียบแบคทีเรียในลำไส้ของนักวิ่งที่มีมีเนื้องอกชนิดอะดีโนมาระยะลุกลามกับไม่มีเนื้องอกชนิดอะดีโนมาระยะลุกลาม และเปรียบเทียบกับแบคทีเรียในลำไส้ของผู้ที่ไม่ได้วิ่ง
ผลการวิจัยนี้ ถูกนำเสนอในการประชุมประจำปีของสมาคมมะเร็งวิทยาคลินิกแห่งอเมริกา แต่นักวิจัยเน้นย้ำว่า ผลการวิจัยนี้เป็นเพียงผลเบื้องต้นเท่านั้น และจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม ทีมงานวิจัยของแคนนอน ยังระบุด้วยว่า การวิจัยคัดกรองนี้ ไม่ได้รวมกลุ่มควบคุมของผู้ที่ไม่ได้วิ่ง
แคนนอน กล่าว พร้อมเน้นย้ำว่า “นี่เป็นการตั้งสมมติฐานมากกว่าการพิสูจน์อะไร” ผลการวิจัยนี้ไม่ควรทำให้ผู้คนเลิกออกกำลังกาย
ผมไม่อยากให้ใครมาบอกว่าการออกกำลังกายไม่ดี เพราะมันดีอยู่แล้ว คำถามคือ มีการออกกำลังกายในปริมาณที่มากเกินไปจนเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่จริง ๆ หรือไม่ และผมก็เชื่อว่า มีจริง
ผู้เขียน : Tom Howarth
แปลไทยโดย : Wichai Purisa (senior scientist)
โฆษณา