8 ต.ค. เวลา 11:19 • ข่าวรอบโลก

เส้นทางรถไฟแห่งยูเรเซีย (ดอสติก - มอยน์ตี)

การเปิดใช้งานเส้นทางรถไฟสายที่สอง ดอสติก–มอยน์ตี (Dostyk–Moynty) เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีคาซึม-โจมาร์ต โตคาเยฟ ถือเป็นมากกว่าเหตุการณ์โครงสร้างพื้นฐานทั่วไป มันคือการประกาศจุดเปลี่ยนทางภูมิรัฐศาสตร์ของคาซัคสถาน และการยืนยันว่าประเทศซึ่งไม่มีทางออกสู่ทะเลก็สามารถกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคได้ หากรู้จักใช้ “ภูมิศาสตร์” เป็นทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์
สำหรับคาซัคสถาน เส้นทางรถไฟคือเส้นเลือดแห่งชาติ เป็น “ท่าเรือบก” ที่เชื่อมเศรษฐกิจภายในประเทศเข้ากับเครือข่ายโลก การเปิดเส้นทางใหม่ที่ขยายขีดความสามารถในการขนส่งได้ถึงห้าเท่า หมายถึงการเปิดทางให้สินค้าหลายแสนตู้คอนเทนเนอร์สามารถเคลื่อนผ่านจากจีนสู่ยุโรปโดยไม่ต้องพึ่งเส้นทางระเบียงสายเหนือ (Northern Corridor) ผ่านรัสเซีย การเปลี่ยนแปลงนี้จึงไม่ใช่แค่การสร้าง “รางเหล็ก” แต่คือการสร้าง “อำนาจต่อรองใหม่” ของเอเชียกลางในภูมิทัศน์โลก
ในระดับภูมิภาค เส้นทางดอสติก–มอยน์ตีคือฟันเฟืองหลักของระเบียงเศรษฐกิจสายกลาง (Middle Corridor) ที่กำลังได้รับความสำคัญมากขึ้นหลังสงครามรัสเซีย–ยูเครน ซึ่งทำให้โลกตะวันตกต้องมองหาทางเชื่อมจีน–ยุโรปที่ไม่ผ่านดินแดนรัสเซีย การเพิ่มขีดความสามารถจาก 12 เป็น 60 ขบวนต่อวัน คือการปลดล็อก “คอขวดทางยุทธศาสตร์” ที่เคยจำกัดศักยภาพของทั้งภูมิภาคเอเชียกลาง การเปลี่ยนเส้นทางแคบให้กลายเป็น “ทางหลวงเหล็ก” ช่วยให้คาซัคสถานกลายเป็นแกนกลางของเครือข่ายโลจิสติกส์ยูเรเชียได้อย่างแท้จริง
ผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่ที่การขนส่งเท่านั้น แต่ยังส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึงเศรษฐกิจภายในประเทศ การใช้วัสดุในประเทศกว่า 85% ไม่เพียงสะท้อนความสามารถด้านอุตสาหกรรมของคาซัคสถาน แต่ยังเป็นการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่พึ่งพาตนเองได้ในเชิงยุทธศาสตร์ อุตสาหกรรมเหล็ก ซีเมนต์ และคอนกรีตภายในประเทศได้รับอานิสงส์โดยตรง
ในขณะที่ผู้ส่งออก ตั้งแต่เกษตรกรไปจนถึงผู้ผลิตยูเรเนียม ได้ช่องทางใหม่ในการเข้าถึงตลาดจีนที่มีความต้องการสูง การขยายตัวนี้ยังส่งผลต่อผู้บริโภคโดยตรง เพราะการขนส่งที่รวดเร็วขึ้นช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินค้าในตลาดและลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ในมิติระหว่างประเทศ โครงการนี้คือการเดินหมากที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “การทูตหลายเวกเตอร์ (Multi-vector Diplomacy)” ของคาซัคสถาน ซึ่งมุ่งรักษาสมดุลระหว่างจีน รัสเซีย ตะวันตก และประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียกลาง การพัฒนาเส้นทางรางที่เชื่อมโยงกับทั้งระเบียงสายกลาง (Trans-Caspian International Transport Route) และระเบียงเหนือ–ใต้ (North–South Corridor)
ทำให้คาซัคสถานกลายเป็น “จุดเชื่อมทางเลือก” ที่ทุกฝ่ายต้องการใช้ โดยเฉพาะจีนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงของโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) และยุโรปที่ต้องการเส้นทางปลอดภัยและเสถียรกว่าในการรับสินค้าจากเอเชีย
ในมุมของอำนาจเชิงสัญลักษณ์ การเปิดเส้นทางใหม่นี้สะท้อนให้เห็นว่าเอเชียกลางไม่ได้เป็นเพียง “ทางผ่านของอิทธิพล” อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น “ผู้กำหนดทิศทางของอิทธิพล” ด้วยตนเอง เหมือนกับในศตวรรษที่ 19 ที่ทางรถไฟได้เปลี่ยนอเมริกาให้กลายเป็นมหาอำนาจอุตสาหกรรม และ “ทรานส์ไซบีเรีย” ได้ขยายพรมแดนของรัสเซีย โครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ของคาซัคสถานในวันนี้กำลังสร้าง “ทะเลเหล็ก” แห่งศตวรรษที่ 21 เส้นทางที่อาจนิยามอำนาจทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ของยูเรเชียใหม่ทั้งหมด
ความสำเร็จที่แล้วเสร็จก่อนกำหนดถึงสองปีเป็นสัญลักษณ์ของ “รัฐที่ทำงานได้จริง” ในภูมิภาคที่มักถูกมองว่าเต็มไปด้วยความล่าช้าและระบบราชการ การพัฒนาเชิงรุกของคาซัคสถานกำลังส่งสัญญาณไปยังทั้งจีนและยุโรปว่า เอเชียกลางพร้อมจะเป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือในโครงสร้างเศรษฐกิจโลกแบบใหม่
ดังนั้น การเปิดเส้นทางดอสติก–มอยน์ตีจึงไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์ทางวิศวกรรม แต่คือการประกาศจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของคาซัคสถานในฐานะ “ศูนย์กลางการเชื่อมโยงของโลกบนบก” ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจยูเรเชียในทศวรรษข้างหน้า
โฆษณา