7 ชั่วโมงที่แล้ว • หุ้น & เศรษฐกิจ

ชัตดาวน์สหรัฐฯ ป่วนเที่ยวบินดีเลย์ 2.1 หมื่นไฟลท์ รมว.คมนาคมขู่ปลดคนขาดงาน

  • การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ (ชัตดาวน์) ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ ส่งผลให้เที่ยวบินล่าช้าสะสมเกือบ 21,000 เที่ยว
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ เตือนว่าอาจปลดเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินที่ไม่มาทำงานในช่วงชัตดาวน์ เนื่องจากสร้างผลกระทบอย่างรุนแรง
  • เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศและเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสนามบินยังคงต้องทำงานตามปกติ แต่ไม่ได้รับค่าจ้างระหว่างการปิดหน่วยงาน
การปิดหน่วยงานของรัฐบาล (Government Shutdown) ทำให้จำนวนเที่ยวบินล่าช้ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (Federal Aviation Administration: FAA) ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ตุลาคม 2568 ) ตามเวลาท้องถิ่น ว่า หน่วยงานกำลังเผชิญปัญหาด้านบุคลากรต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันในหลายพื้นที่ เช่น อินเดียแนโพลิส ฟิลาเดลเฟีย ชิคาโก วอชิงตัน โรอาโนก และตอนกลางของรัฐฟลอริดา
ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ FlightAware ระบุว่า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา มีเที่ยวบินล่าช้ารวมเกือบ 21,000 เที่ยว รวมถึงกว่า 6,300 เที่ยวในวันพฤหัสบดี โดยหลายพันเที่ยวเชื่อมโยงกับการที่ FAA ต้องชะลอเที่ยวบินเนื่องจากเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินไม่มาทำงาน
สายการบินยูไนเต็ด (United) และเดลตา (Delta) ต่างมีเที่ยวบินล่าช้าราว 500 เที่ยวในวันพฤหัสบดี หรือประมาณร้อยละ 15 ของเที่ยวบินทั้งหมด
ขณะที่อเมริกันแอร์ไลน์ส (American Airlines) มีเที่ยวบินล่าช้า 850 เที่ยว หรือราวหนึ่งในสี่ของเที่ยวบินทั้งหมด ส่วนเซาท์เวสต์ (Southwest) มีถึง 1,300 เที่ยว หรือประมาณร้อยละ 30
1
ฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของสหรัฐฯ เตือนว่า รัฐบาลอาจปลดเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศที่ไม่มาทำงานระหว่างการปิดหน่วยงานของรัฐบาล ดัฟฟีกล่าวในรายการ Varney & Co. ของสถานี Fox Business พร้อมย้ำว่า
กลุ่มเล็ก ๆ ของเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินที่ไม่มาทำงานอยู่เป็นประจำ และเป็นกลุ่มที่สร้างปัญหา หากมีบางคนในทีมที่ไม่ทุ่มเทตามที่ต้องการ เราจะปลดพวกเขาออก ผมไม่สามารถยอมให้คนไม่มาทำงานได้
สหรัฐฯ เผชิญปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินมานานกว่าทศวรรษ โดยหลายคนต้องทำงานล่วงเวลาและทำงานสัปดาห์ละ 6 วันก่อนเกิดการปิดหน่วยงานเสียอีก ขณะนี้ FAA มีเจ้าหน้าที่ขาดอยู่ราว 3,500 คนจากระดับเป้าหมายที่ต้องการ
ดัฟฟีระบุอีกว่า โดยปกติแล้วราวร้อยละ 5 ของเที่ยวบินล่าช้ามีสาเหตุมาจากปัญหาบุคลากรในหอควบคุม แต่ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ตัวเลขนั้นพุ่งขึ้นถึงร้อยละ 53
ด้านโฆษกสมาคมเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศแห่งชาติ (National Air Traffic Controllers Association NATCA) ตอบโต้ดัฟฟี ว่ามีขั้นตอนและกระบวนการที่ชัดเจนในการจัดการกับการลาหยุดโดยไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันสหภาพฯ ได้เรียกร้องซ้ำ ๆ ให้เจ้าหน้าที่มาทำงานต่อไปในช่วงปิดหน่วยงานที่ยืดเยื้อมานาน 9 วัน พร้อมเตือนสมาชิกว่าการเข้าร่วมมาตรการประท้วงหรือหยุดงานอาจนำไปสู่การถูกปลดออกจากราชการ และถือว่าผิดกฎหมาย
เอด มาร์กีย์ วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต เรียกร้องให้สายการบินรายใหญ่คืนเงินแก่ผู้โดยสารในกรณีจำเป็นโดยไม่ต้องให้ผ่านขั้นตอนยุ่งยากและซับซ้อนโดยไม่จำเป็น ทั้งนี้ สายการบินไม่มีข้อบังคับให้ต้องจัดหาที่พัก อาหาร หรือชดเชยค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดจากความล่าช้าที่เป็นความผิดของ FAA
ปัญหาด้านบุคลากรควบคุมการบินในช่วงการปิดหน่วยงานครั้งนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าการปิดหน่วยงานครั้งใหญ่เมื่อปี 2019 ในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนบุคลากรอย่างไม่คาดคิดในหลายเมืองทั่วประเทศ
ในช่วงการปิดหน่วยงานยาวนาน 35 วันครั้งนั้น จำนวนเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบิน (TSA) ที่ขาดงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไม่ได้รับค่าจ้าง ทำให้เวลารอที่จุดตรวจรักษาความปลอดภัยยืดออกไปในหลายสนามบิน และหน่วยงานต้องชะลอการจราจรทางอากาศในนิวยอร์ก ซึ่งสร้างแรงกดดันให้สมาชิกรัฐสภาต้องเร่งหาทางยุติภาวะชะงักงัน
ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศราว 13,000 คน และเจ้าหน้าที่สำนักงานความมั่นคงการขนส่ง (TSA) ราว 50,000 คน ยังต้องมาทำงานตามปกติระหว่างการปิดหน่วยงาน แต่ไม่ได้รับค่าจ้างเช่นกัน
โฆษณา