10 ต.ค. เวลา 23:06 • ความคิดเห็น
‟สัญชาตญาณการเอาตัวรอด″ เป็นหนึ่งในสิ่งที่บรรพบุรุษของมนุษย์ส่งต่อๆกันมารุ่นสู่รุ่น จนถึงมนุษย์ในรุ่นปัจจุบัน และก็จะยังคงส่งต่อๆกันไปอีกนานแสน ตราบเท่าที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังคงอยู่ ยังไม่สูญพันธุ์ไป
ภายใต้สัญชาตญาณการเอาตัวรอด ไม่ได้มีแค่ความเห็นแก่ตัวหรือความเห็นอกเห็นใจ แต่ยังมีพฤติกรรมอื่นๆมีมากมาย ทั้งแบบตรงไปตรงมา หรือแฝงเร้น-กลบเกลื่อน-บิดเบือน หรือประยุกต์-พัฒนา-ต่อยอด
อีกทั้งความที่..มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่รวมกันเป็นฝูง(ที่เรียกว่าสังคม)จึงมีกฎในการอยู่ร่วมกัน มีกฎเกณฑ์ที่ใช้กำกับการประพฤติปฏิบัติ ฯลฯ แล้วจึงพัฒนาไปเป็นวัฒนธรรม ศีลธรรม จารีตธรรมเนียม หรืออัพเกรดไปถึงขั้นอารยธรรม บลาๆๆ
ซึ่งมนุษย์เราก็ถูกขับเคลื่อนโดยสัญชาตญาณดั้งเดิมนั่นแล เพียงแต่ว่าใครจะโดนขับไปทางไหน จะใช้ประโยชน์หรือตกเป็นเหยื่อของสัญชาตญาณดั้งเดิมของตน จะสร้างคุณูปการหรือสร้างความเดือดร้อนให้มนุษยชาติร่วมโลก
ความเห็นแก่ตัวกับความเห็นอกเห็นใจ จะมองว่าเป็นคนละขั้ว ดีหรือร้าย บวกหรือลบ ใดๆก็ตาม แต่ทั้งคู่ก็คือสัญชาตญาณที่ขับเคลื่อนมนุษย์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ของตนให้คงอยู่
ในแง่ของสัญชาตญาณ — สัญชาตญาณใดที่ไม่มีผลต่อการเอาตัวรอดหรือช่วยรักษาชีวิตให้รอด ไม่มีประโยชน์ต่อการสืบต่อดำรงเผ่าพันธุ์ สัญชาตญาณเหล่านั้นจะค่อยๆเลือนหาย กระทั่งสูญสิ้นไปเองในที่สุด!!
อะไรคือสิ่งที่จำเป็นที่สุด — จาก 2 ตัวเลือกในกระทู้นี้ จะตอบให้สวยๆหล่อๆแค่ไหนก็ได้ แต่ทั้งคู่ก็คือสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ ครือๆกันนั่นแล
โฆษณา