Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลานฝึกผี
•
ติดตาม
11 ต.ค. เวลา 12:30 • บันเทิง
หนูทดลอง
...
เรื่องบางเรื่องเราอาจจะเสียเวลาเปล่าที่จะหา “สาเหตุ”
เพราะบางเรื่องมันอาจจะไม่มีเหตุผลอะไรมาก
นอกจากแค่คำว่า “ซวย”
...
วันนี้ผมมีประสบการณ์หลอนมาฝากครับ
เป็นประสบการณ์ที่พึ่งจะได้เจอมาเมื่อไม่นานมานี้
ซึ่งผมจะไม่ขอเอ่ยถึงสถานที่และจังหวัดที่ตั้งเลย
ผมชื่อสันนะครับ
ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น
ผมโดนให้ออกจากงานอย่างกะทันหัน
เนื่องจากมีการ takeover บริษัท
และเกิดการปรับโครงสร้างใหม่
ผมก็เคว้งไปอยู่พักนึงครับ
พอจะอยู่ได้เพราะเงินชดเชยที่ได้มา
แต่มันก็พอให้ได้ตั้งหลักไม่นาน
ผมต้องรีบหางานใหม่ให้เร็วที่สุด
...
หลังจากที่ยื่นสมัครงานไปหลายที่
ผ่านไปเกือบ 2 เดือนผมก็ได้งานครับ
ซึ่งเป็นบริษัททำรองเท้าในภาคตะวันออก
ผมเลยจำเป็นต้องย้ายที่อยู่ครับ
เพราะที่ผมอยู่ปัจจุบันนี้มันค่อนข้างไกลจากบริษัทใหม่มาก
ผมตระเวนหาห้องเช่าหรือไม่ก็หอพักอยู่นาน
ปรากฏว่าเต็มหมดครับ
เนื่องจากเขตนั้นมีโรงงานหลายแห่ง
จึงมีพนักงานโรงงานอยู่กันเต็มหมด
จนเมื่อเกือบจะค่ำแล้วครับ
ผมก็เริ่มท้อและคิดว่าค่อยกลับมาหาใหม่วันหลัง
คงต้องกัดฟันไปกลับเอาก่อน
แต่ในขณะที่ผมนั่งทานข้าวอยู่ร้านค้าแถวตลาด
ผมก็เหลือบไปเห็นป้ายที่ติดอยู่บนเสาไฟ
เป็นป้ายบอกว่ามีบ้านว่างให้เช่า
ตอนนั้นดีใจมากครับ
รีบกินข้าวแล้วติดต่อไปตามเบอร์โทรศัพท์ที่เขียนไว้บนป้าย
พอนัดแนะกันเรียบร้อย
ผมก็ตรงไปที่บ้านหลังนั้นครับ
...
พอขับรถไปตามเส้นทางที่เจ้าของบ้านบอก
มันต้องเข้าไปในซอยค่อนข้างลึกครับ
ซึ่งมันเป็นซอยถนนคอนกรีต
มีบ้านคนสองข้างทางปลูกห่าง ๆ กัน
โดยบ้านเช่าหลังนี้จะอยู่เกือบท้ายซอยเลยครับ
เรียกได้ว่าแยกตัวออกมาจากชาวบ้านเขาเลย
พอมองเข้าไปจากหน้าบ้าน
ก็เป็นบ้านปูนแบบชั้นเดียวครับ
ตัวบ้านเท่าที่มองจากแสงตอนพลบค่ำ
สภาพกลางเก่ากลางใหม่
คือไม่แย่เลยครับถ้าจะเช่าอยู่
ตัวบ้านก็มีรั้วรอบขอบชิดอย่างดี
รอไม่นาน
เจ้าของบ้านก็ขับรถมาถึงครับ
เป็นพี่ผู้ชายวัยกลางคนครับ
ผมเห็นแกถือเอกสารกับพวงกุญแจลงจากรถมา
คิดว่าจะเข้าไปคุยกันในบ้าน
แต่ที่ไหนได้
พี่แกยืนคุยกับผมที่หน้าบ้านนั่นแหละครับ
เรียกได้ว่าทำสัญญากันบนฝากระโปรงรถเลย
พอทำสัญญาอะไรเสร็จ
พี่แกก็ยื่นกุญแจบ้านให้ผมครับ
“โทษทีนะน้อง พี่รีบ”
“น้องเข้าไปอยู่ได้เลยนะ มีอะไรขาดเหลือค่อยโทรหาพี่”
เขาพูดเสร็จก็รีบขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
เรียกได้ว่าผมยกมือไหว้แกแทบไม่ทัน
และผมสังเกตได้อีกอย่างหนึ่งคือ
ตลอดเวลาตั้งแต่ที่พี่แกมาถึงจนกระทั่งทำสัญญาเสร็จ
พี่แกจะไม่มองไปที่ตัวบ้านเลยครับ
จะพยายามหันหลังให้ตัวบ้านตลอด
ถามว่าตอนนั้นผมสงสัยมั้ย
มันก็มีแปลกใจบ้างครับ
แต่มันทำสัญญาเช่าพร้อมวางมัดจำไปแล้วนี่สิ
อีกทั้งค่าเช่าผมบอกเลยว่าถูกมากครับ
จะหาบ้านเช่าราคานี้ในเขตอุตสาหกรรมแบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว
มันเลยทำให้พอจะมองข้ามพฤติกรรมพวกนั้นไปได้
...
ผมก็เปิดเข้าไปสำรวจบ้านครับ
ขนาดบ้านกลาง ๆ ครับ
ซึ่งในบ้านมีฝุ่นเยอะมากครับ
เหมือนกับว่าไม่มีการใช้งานมานาน
เป็นบ้านที่มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ
เป็นห้องนอนใหญ่ 1 ห้องพร้อมห้องน้ำในตัว
ห้องนอนเล็ก ห้องครัว หลังบ้านเองจะเป็นป่าครับ
โดยเท่าที่สำรวจดูแล้ว
ผมคงต้องนอนที่ห้องนอนใหญ่นี่แหละครับ
เพราะมีเฟอร์นิเจอร์ให้พร้อม
โดยลักษณะของห้องคือ
เปิดประตูเข้าไปจะมองเห็นโต๊ะทำงานอยู่ตรงหน้า
ด้านซ้ายของโต๊ะห่างไปเล็กน้อยจะเป็นห้องน้ำ
ด้านขวาของโต๊ะจะเป็นเตียงนอนขนาด 6 ฟุตครับ
และปลายเตียงก็จะเป็นตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่มาก
...
เรียกได้ว่ามีพร้อมมากเทียบกับที่ได้ราคาถูก
แค่ทำความสะอาดก็ขนเสื้อผ้ามาอยู่ได้เลย
หลังจากนั้นผมก็ติดต่อหาแม่บ้านมาทำความสะอาดครับ
และสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจอีกก็คือ
ทุกคนที่ผมติดต่อไปบอกให้มาทำความสะอาดบ้านหลังนี้
ทุกคนจะอึกอักและปฏิเสธทันทีครับ
เป็นอย่างนี้อยู่หลายเจ้าจนผมเริ่มหัวเสียแล้ว
เพราะผมต้องย้ายเข้าไปอยู่พร้อมเริ่มงานที่บริษัทใหม่แล้ว
จนมาเจอแม่บ้านเจ้าหนึ่งครับ
เธอบอกว่าทำได้
แต่ขอไปกัน 5 คนนะ
ตอนแรกผมก็ตกใจครับ
บ้านก็หลังไม่ใหญ่อะไรมาก
แค่ 2 หรือ 3 คนทำไม่นานก็เสร็จแล้ว
นี่จะเอาไปทำไมตั้ง 5 คน
ซึ่งเธอบอกว่าถ้าไม่ยอมก็จะไม่ไปทำให้ครับ
ผมก็จำเป็นต้องยอมครับ
คิดในแง่ดีว่า
“เอาวะ จ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อย”
“ไม่งั้นก็ไม่มีคนมาทำแล้ว”
พอตกลงกันได้ผมก็บอกให้เข้าไปทำเลยครับ
...
ภายในไม่กี่ชั่วโมง
พวกเธอก็โทรมาบอกผมว่าทำความสะอาดเสร็จแล้ว
พอผมเข้าไปตรวจงาน
โอ้โห มันสะอาดดีมากครับ
เรียกว่าฝีมือดีมาก
ผมเลยลืมเรื่องหยุมหยิมที่เจอมาทั้งหมดไป
ขนข้าวของเข้ามาอยู่อย่างสบายใจ
พอจัดของทุกอย่างเสร็จ
ด้วยความเพลีย
ผมก็เลยเผลอนอนหลับไป
...
...กึก กึก เอี๊ยดด...
มารู้สึกตัวตื่นเพราะได้ยินเสียงบางอย่าง
พอลุกขึ้นมาดูก็พบว่า
ประตูของตู้เสื้อผ้ามันเปิดออกมาครับ
ขออธิบายลักษณะของตู้เสื้อผ้าหลังนี้
เป็นตู้ที่สูงประมาณ 2 เมตรครับ
เป็นตู้ไม้สักทั้งหลัง
มีประตูแบบ 2 บานปิดประกบกัน
และมันก็กว้างมากครับ
ประตูบานขวามือพอเปิดออกมา
จะเป็นลิ้นชักใส่ผ้า 3 ชั้น
และก็เป็นประตูบานขวานี่แหละครับ
ที่มันเปิดออกมาอยู่ตอนนี้
ซึ่งตอนผมจัดเสื้อผ้าเข้าตู้
ผมก็จำได้ว่าปิดแน่นแล้วนะ
แต่ก็ไม่คิดอะไรครับ
มันคงใช้งานมานาน
แล้วผมก็ปิดมันเข้าไปเหมือนเดิม
ก่อนจะออกไปหาอะไรกิน
โดยที่ผมไม่รู้เลยว่านั่นเป็นสัญญาณแรกของความหลอนทั้งหมด
....
ผมก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้แบบปกติครับ
ผ่านมาได้ 1 สัปดาห์
คืนหนึ่ง...
ผมตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกได้กลิ่นเหม็น
เป็นกลิ่นสาบ ๆ เหม็น ๆ
เหมือนกับมีอะไรตาย
ผมก็ลุกขึ้นมาเดินหารอบห้อง
คิดว่ามีจิ้งจกตกลงมาตายหรือเปล่า
...กึก กึก เอี๊ยดด...
แล้วมันก็มีเสียงดังขึ้นครับ
พอผมหันไปมอง
ก็ปรากฏว่าประตูของตู้เสื้อผ้าบานขวามันเปิดออกมาอีกแล้ว
ตอนนั้นผมไม่คิดอะไรครับ
เพราะทั้งหงุดหงิดกับกลิ่นเหม็นที่ทำให้นอนไม่ได้
จึงเดินเข้าไปจะปิดประตู
แต่พอยิ่งเดินเข้าไปใกล้
ผมยิ่งได้กลิ่นเหม็นแรงขึ้น
ผมเลยเปิดประตูตู้ออกมาทั้ง 2 บาน
สิ่งที่ผมเห็น...
ผมต้องตกใจเพราะมันมีซากของหนูครับ
เป็นซากของหนูตายอยู่ในตู้เสื้อผ้า
อ้วกผมแทบจะพุ่ง
จากสภาพแล้วมันคงตายมาหลายวันจนส่งกลิ่นแรงมาก
แต่แปลกที่หลายวันมานี้ผมไม่เห็นมันเลย
ไม่แม้แต่จะได้กลิ่น
ทั้ง ๆ ที่ผมก็เปิดตู้เสื้อผ้านี้อยู่ทุกวัน
ผมก็จัดการหาอะไรมาขยี้ใส่ถุงแล้วนำออกไปทิ้ง
ก็ได้แต่กลับมานอนสงสัยว่ามันเข้ามาได้ยังไง
...
ผ่านมาอีก 2 วัน
เอาอีกแล้วครับ
ผมตื่นขึ้นมาเพราะได้กลิ่นเหม็น
เป็นกลิ่นแบบเดียวกันเลย
ผมมองไปที่ตู้เสื้อผ้าโดยอัตโนมัติ
แล้วผมก็เห็นว่าประตูบานขวามันเปิดอยู่อีกแล้วครับ
ผมก็ลุกเดินไปดูที่ตู้ทันที
เหมือนครั้งที่แล้วไม่มีผิดครับ
ยิ่งเข้าใกล้ กลิ่นมันก็ยิ่งแรงขึ้น
พอเปิดประตูอีกบานออก
ผมก็ต้องตกใจอีกรอบ
มันเป็นซากหนูตายอีกแล้วครับ
สภาพของมันก็ไม่ต่างกับรอบที่แล้ว
คือน่าจะตายมาหลายวันแล้ว
แล้วผมก็ต้องเก็บไปทิ้งอีกรอบ
แล้วก็มานั่งสงสัยกับตัวเอง
คิดว่าที่มีหนูเข้าไปได้
คงเป็นเพราะประตูตู้บานขวามันชอบเปิดอ้าออกมาเอง
หนูมันคงเข้าไปตอนนั้น
แต่ที่ยังหาคำตอบไม่ได้คือ
แล้วทำไมผมไม่เคยเห็นมันเลย
จนกระทั่งมันเน่าจนส่งกลิ่นออกมา
อีกทั้งตอนที่ผมใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้
ผมก็ไม่เคยเห็นหนูวิ่งเลยสักตัว
แล้วก็ได้แต่ปล่อยเรื่องนี้ไปครับ
เพราะคิดให้หัวแตกก็ไม่ได้คำตอบ
...
จากนั้นก็ผ่านมาได้เดือนกว่า ๆ ครับที่ผมไม่เจออะไรแปลก ๆ อีก
จนผมคิดว่าคงไม่มีอะไรแล้ว
...กึก กึก เอี๊ยดด...
มีเสียงเดิมดังขึ้นอีกแล้วครับ
แล้วผมก็รู้สึกตัวตื่น
อย่างที่ทุกคนคิดเลยครับ
ประตูตู้บานขวามันเปิดออกมา
และตามมาด้วยกลิ่นเหม็นสาบ
คราวนี้ผมเริ่มโมโหครับ
“มันจะอะไรกันนักกันหนาวะ”
ผมหัวเสียมาก
เดินพุ่งเข้าไปเปิดตู้
สิ่งที่เห็นก็เป็นซากหนูตายแบบเดิมเลยครับ
ผมสบถด่าออกมา
ใช้มือเปล่า ๆ หยิบไอ้ซากหนูนั่นไปขว้างทิ้งหลังบ้าน
กลับเข้ามาในห้อง
หาเชือกมามัดที่หูจับบานประตูตู้เสื้อผ้า
“เอา ดูซิว่ามึงจะเปิดออกมาได้อีกมั้ย”
แล้วผมก็ขึ้นเตียงนอนไปแบบหัวเสีย
...
...แผล็บ แผล็บ...
มีเสียงแปลก ๆ ปลุกผมขึ้นมาอีกแล้วครับ
รอบนี้มันเหมือนว่ามีตัวอะไรกำลังเลียกินอะไรสักอย่างอยู่
และคราวนี้รู้สึกว่าเสียงมันดังอยู่ใกล้มาก
ผมก็ลืมตาผงกตัวขึ้นมามอง
สิ่งที่ผมเห็นมันทำให้ผมแทบจะกลิ้งตกเตียง
ผมเห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งครับ
ผมกระเซอะกระเซิง
ผิวหนังเหี่ยวแทบจะติดกระดูก
เธอกำลังก้มลงมาใช้ลิ้นเลียที่มือของผม
ซึ่งเป็นมือข้างขวาที่ผมพึ่งจะหยิบซากหนูตายไปโยนทิ้ง
“เฮ้ย!!”
ผมร้องออกมาลั่นห้อง
รีบชักมือกลับพร้อมกลิ้งออกมายังขอบเตียงอีกด้าน
แต่พอหันกลับไปมองอีกครั้ง
ผมก็ไม่เห็นใครแล้วครับ
มันมีแต่เตียงเปล่า ๆ
ตอนนั้นผมใจเต้นแรงมาก
เหงื่อผุดออกมาเต็มหน้า
ทบทวนกับสิ่งที่เจอเมื่อกี้
จะว่าผมตาฝาดหรือฝันไปดี
แต่ผมว่าผมเห็นจริง ๆ
และพอยกมือข้างขวาขึ้นมาดู
ผมก็ขนลุกขึ้นไปอีก
เพราะมือของผมมันเปียกครับ
เหมือนกับพึ่งจะถูกเลียมาไม่มีผิด
ผมรีบลุกไปล้างในห้องน้ำทันที
แล้วก็ออกมานั่งไม่กล้านอนจนเช้า
...
หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น
มันก็ไม่มีอะไรผิดปกติครับ
ผมก็ไม่ได้กลิ่นอะไรแปลก ๆ อีก
ประตูตู้ก็ใช้เชือกมัดไว้
แต่มันก็ยังเหลือความผวาอยู่ดี
พยายามไม่นึกถึงมัน
แต่แล้ว...
...กึก กึก เอี๊ยดด...
สิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดมันก็เกิดครับ
เสียงแบบนั้นมันดังขึ้นมาอีก
ทั้ง ๆ ที่มันก็ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้ว
ผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเหมือนเดิม
และก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่ามันมาจากไหน
ลากเสียงมันก็ตามมาด้วยกลิ่นเหม็นสาบอย่างเคย
กลั้นใจมองไป
ก็พบว่าประตูตู้บานขวาเจ้าเดิม
มันเปิดออกมาครับ
โดยทั้ง ๆ ที่ผมก็เอาเชือกมัดไว้แล้วนะ
รอบนี้ผมสั่นไปทั้งตัว
ใจเต้นแรงแทบจะหลุดออกมาด้านนอก
มือเต็มไปด้วยเหงื่อ
และก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมเอาความกล้ามาจากไหนครับ
ผมลุกจากเตียง
เดินเข้าไปที่ตู้เสื้อผ้านั้น
เอื้อมมือที่สั่น ๆ ไปค่อย ๆ เปิดประตูบานซ้ายออก
ด้านในนั้น...
ผมไม่เห็นซากหนูตายครับ
แต่คราวนี้
ผมเห็นผู้หญิง
และผมมั่นใจว่าเป็นคนเดียวกันที่เห็นว่ามาเลียมือผม
ตอนนี้เธอกำลังนั่งแทะอะไรบางอย่างอยู่ภายในตู้
พอมองชัด ๆ ก็เห็นว่าที่เธอกำลังแทะอยู่
นั่นคือซากหนูตายนั่นแหละครับ
เธอก้มหน้าก้มตาแทะอย่างหิวโหย
แล้วก็ค่อย ๆ เหลือกตาขึ้นมามองผม
ผมตัวแข็งทื่อเหมือนโดนสะกดอยู่กับที่
โดนบังคับให้มองภาพนั้น
พอผมสบตากับเธอ
เธอก็ค่อย ๆ ยื่นมือออกมาครับ
เป็นภาพที่ผมจำไม่มีทางลืม
เธอยื่นซากหนูตายตัวนั้นมาให้ผม
เหมือนกับจะชวนให้กินด้วยกัน
ปากของเธอมันเต็มไปด้วยเศษเนื้อและเลือด
ตอนนี้มันเริ่มค่อย ๆ ฉีกยิ้ม
และก็มีเสียงเข้ามาในหัวผมว่า
“เอาสิ เอาสิ เอาสิ”
มันดังวนไปมา
จากนั้นเธอก็พุ่งออกจากตู้มาใส่ตัวผม
แล้วผมก็สะดุ้งตื่นครับ
ผมพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง
แต่สภาพก็ไม่ต่างกับในฝันเลยครับ
คือเหงื่อท่วมไปทั้งตัว
หัวใจเต้นแรงมาก
สิ่งที่ผมทำเป็นอันดับแรก
ก็ไม่รู้ว่าทุกคนจะทำอะไร
แต่ผมมองไปที่ตู้เสื้อผ้าครับ
ผมใจหายวาบ
เพราะตอนนี้ประตูตู้มันเปิดอ้าอยู่ทั้ง 2 บาน
แต่ด้านในไม่มีอะไรนอกจากเสื้อผ้า
เท่านั้นแหละครับ...
ผมรีบคว้าโทรศัพท์กับกุญแจรถ
ขับรถออกไปนั่งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยจนเช้า
วันนั้นผมโทรไปลางานที่บริษัท
บอกตรง ๆ ว่าทำงานไม่ไหว
ผมรอเวลาจนเกือบเที่ยงจึงกลับเข้าไปที่บ้าน
คิดกับตัวเองว่าเอาไงต่อ
จะย้ายไปนอนที่ห้องนอนเล็กดีมั้ย
ถึงแม้ว่าจะมีแค่ฟูกปูพื้น
หรือ...
กลับเข้าไปนอนห้องเดิม
ที่เจอมาคงจะเพราะเราคิดมากแล้วก็ฝันเป็นตุเป็นตะ
คงไม่มีอะไร
ถ้าเป็นทุกคนจะเลือกอย่างไหน
และผมก็เชื่อว่ามีหลายคนเลือกเหมือนผม
คือผมเลือกจะไม่อยู่ที่นี่แล้วครับ
ไม่นอนห้องไหนทั้งนั้น
ไม่สนใจว่าที่เจอมานั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือแค่ฝัน
แต่ผมสัมผัสได้ว่ามันไม่ธรรมดาแล้ว
ถ้าอยู่ต่อคงมีหัวใจวายแน่
ผมใช้เวลาทั้งวันนั้น
เก็บของขึ้นรถแล้วติดต่อหาเจ้าของบ้าน
บอกว่าผมจะย้ายออก
ทุกท่านครับ...
“น้องเอากุญแจแขวนไว้ที่ประตูรั้วเลยครับ”
“เดี๋ยวพี่โอนเงินมัดจำคืนให้”
สิ่งที่ผมได้ยินมันทำให้ผมงงมาก
พี่แกไม่แม้แต่จะถามเหตุผลของผม
เหมือนกับรู้อยู่แล้วว่าผมต้องออก
และออกเพราะอะไร
ผมก็ถามแกไปครับ
เพราะชัดแล้วว่าแกต้องรู้อะไรแน่
และผมก็อยากรู้ด้วย
แกก็เอาแต่บอกว่าไม่มีอะไรครับ
ปฏิเสธท่าเดียว
จนผมก็ขี้เกียจจะเซ้าซี้
พอปิดบ้านแขวนกุญแจไว้ที่รั้วแล้ว
ผมก็ขับรถออกมาทันที
...
ผมพอจะมีเป้าหมายอยู่ครับ
ผมไปนั่งกินอาหารที่ร้านป้าคนหนึ่ง
ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากถนนนั้น
ผมก็ตะล่อมคุยเรื่องทั่วไป
แล้วค่อยวกมาเข้าประเด็นเกี่ยวกับบ้านหลังนั้น
เพราะผมรู้มาว่า
ถ้าอยากรู้ข้อมูลอะไรในพื้นที่
ร้านอาหารแบบนี้ก็เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี
และผมก็ไม่ผิดหวังครับ
ป้าดูอึดอัดไม่อยากพูดอยู่พักหนึ่ง
แต่ก็ยอมบอกผม
“ป้าบอกอะไรไปแล้วเงียบไว้นะ”
“เดี๋ยวเจ้าของบ้านเขาจะมาเอาเรื่องป้า”
จนผมสรุปเรื่องได้ว่า
มีคู่สามีภรรยามาเช่าบ้านหลังนั้น
แล้วสามีมีอาการทางจิต
หึงหวงเมีย
จับเมียขังไว้ในตู้เสื้อผ้า
จนผ่านไปหลายวัน
ชาวบ้านที่ผ่านบ้านหลังนั้นได้กลิ่นไม่ดี
เลยแจ้งเจ้าหน้าที่มาดู
ปรากฏว่าเจอศพของเมียเสียชีวิตอยู่ในตู้เสื้อผ้า
และมีซากของหนูตกอยู่ใกล้ ๆ
คาดว่าถูกขังไว้หลายวัน
และคงจะจับหนูนั้นกินเพื่อเอาชีวิตรอด
แต่ก็ไม่รอดมาอยู่ดี
หลังจากนั้นก็ตามจับตัวผัวได้ในสภาพที่วิกลจริต
เอาแต่พูดว่าเมียจะมาเอาไปอยู่ด้วย
ชาวบ้านแถวนี้เขารู้ดีว่าบ้านหลังนี้เฮี้ยนมาก
ไม่มีใครอยู่ได้
เจ้าของบ้านพยายามจะเอาตู้เสื้อผ้าหลังนั้นไปทิ้งหลายครั้ง
แต่ไม่ว่าจะใช้คนมายกกี่คน
มันก็ไม่ยอมขยับ
เอาพระมาทำพิธีแล้วก็ยังไม่ได้ผล
จนต้องปิดบ้านหลังนี้ไป
...
แล้วก็ตามนั้นครับ
ผ่านมานานพี่เจ้าของบ้านคงคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้ว
เลยเอาป้ายมาติดว่าให้เช่า
และผมนี่แหละที่เป็นลูกค้ารายแรก
เป็นหนูทดลองของบ้านหลังนี้
ที่มันคงจะทำให้ผมจำไม่ลืม
...จบ...
เรื่องโดย ลานฝึกผี
ภาพโดย Copilot
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย