11 ต.ค. เวลา 14:07 • การศึกษา

ลักทรัพย์

ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์...
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
โดยคำว่า "เอาไป" ในที่นี้หมายถึง "การแย่งการครอบครองในลักษณะตัดกรรมสิทธิ์ของเจ้าของทรัพย์"
การที่จะวินิจฉัยว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่นั้น จึงต้องดูว่า
  • 1.
    ทรัพย์นั้นเป็นของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย หรือไม่
  • 2.
    มีการ "เอาไป" หรือ "แย่งการครอบครอง (เจ้าของ/ผู้ครอบครองเดิมมิได้อนุญาต) ในลักษณะตัดกรรมสิทธิ์ (ในลักษณะที่จะทำให้กรรมสิทธิ์ของเจ้าของสูญสิ้นไป)" หรือไม่
  • 3.
    ผู้กระทำมีเจตนากระทำความผิด (รู้สำนึกในการกระทำและประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำ) หรือไม่ (ดูตามมาตรา 59)
  • 4.
    ผู้กระทำมีเจตนาทุจริต หรือไม่ (เจตนาโดยทุจริต มาตรา1(1) หมายความว่า เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น)
ซึ่งจากทั้ง 4ข้อนี้ สามารถแยกได้เป็นองค์ประกอบภายนอกและองค์ประกอบภายใน ซึ่งข้อ 1.และ 2 อาจเรียกว่าอยู่ในส่วนขององค์ประกอบภายนอก ส่วนข้อ 3.และ 4. อาจเรียกว่าอยู่ในส่วนขององค์ประกอบภายใน ถ้าองค์ประกอบครบทั้ง 4ข้อ ผู้กระทำก็มีความผิดฐานลักทรัพย์
ตัวอย่างการเขียนวินิจฉัยว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
  • การที่นายหนึ่งแอบหยิบเอาเงินของนายสองไป เป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต นายหนึ่งจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตร 334
  • การที่นายหนึ่งแอบหยิบเอาเงินของนายสองไป เป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น นายหนึ่งจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334
  • การที่นายหนึ่งแอบหยิบเอาเงินของนายสองไป เป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไป โดยที่นายหนึ่งรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันนายหนึ่งประสงค์ต่อผลที่จะเอาทรัพย์ของนายสองไป โดยมีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น นายหนึ่งจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334
แต่ถ้าขาดข้อใดข้อหนึ่งข้างต้นไป ก็สามารถวินิจฉัยได้เลยว่าผู้กระทำไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ เช่น
  • ทรัพย์นั้นเป็นทรัพย์ที่ไม่มีเจ้าของหรือเป็นของผู้กระทำผิดเอง
  • ไม่มีการแย่งการครอบครองทรัพย์จากผู้ใด เช่นเจ้าของหรือผู้ครอบครองเดิมอนุญาตให้หยิบเอาไปได้หรือเป็นทรัพย์สินหายที่ขาดจากการครอบครองของเจ้าของไปแล้ว
  • มีการแย่งการครอบครอง แต่ไม่ใช่ในลักษณะตัดกรรมสิทธิ์ เช่น มีเจตนาเอาไปเพียงชั่วคราว
  • ไม่มีเจตนากระทำความผิดหรือไม่มีเจตนาแย่งการครอบครองทรัพย์ของผู้อื่น
  • ไม่มีเจตนาทุจริต
โฆษณา