Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Ashero
•
ติดตาม
12 ต.ค. เวลา 12:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ
75 ปี ตำนานประวัติศาสตร์ของทองคำที่ทำให้คนรวยหรืจนก็ได้
"ยุคที่ 1: คำสัญญาแห่งทองคำ (The Golden Age of Stability: 1950 - 1971)
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกได้ก่อตั้งระบบการเงินที่เรียกว่า "เบรตตัน วูดส์" (Bretton Woods) ขึ้นมา หัวใจของระบบนี้คือ "คำสัญญา" ของสหรัฐอเมริกา ที่จะผูกค่าเงินดอลลาร์ไว้กับทองคำในอัตราคงที่ $35 ต่อหนึ่งออนซ์ และสกุลเงินอื่นๆ ทั่วโลกก็จะผูกค่าเงินของตัวเองไว้กับดอลลาร์อีกทอดหนึ่ง
กราฟราคา: ในยุคนี้ หากเรามีกราฟดู มันจะเป็นเพียงเส้นตรงที่น่าเบื่อ ทองคำนิ่งมากๆไม่มีบวกหรือลบ
เหตุผล: ราคาทองคำถูก "ตรึง" ไว้ด้วยกฎหมาย มันไม่ใช่สินทรัพย์เก็งกำไร แต่เป็น "สมอ" ที่ค้ำยันเสถียรภาพของทั้งโลกไว้
ยุคที่ 2: เมื่อคำสัญญาถูกฉีกทิ้ง (The Great Inflation: 1971 - 1980) ยุคนี้ทองวิ่ง 2300%
ทุกอย่างเปลี่ยนไปในปี 1971... สหรัฐฯ ซึ่งใช้จ่ายเงินมหาศาลไปกับสงครามเวียดนามและนโยบายต่างๆ ได้พิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาเกินกว่าทองคำที่มีอยู่จริง เมื่อประเทศต่างๆ (นำโดยฝรั่งเศส) เริ่มไม่เชื่อใจและนำดอลลาร์มาขอแลกทองคำคืน ประธานาธิบดีนิกสันจึงตัดสินใจ "ฉีกคำสัญญา" ทิ้ง และประกาศยกเลิกการผูกติดดอลลาร์กับทองคำอย่างถาวร
ทองคำได้ถูกปลดปล่อย... และมันก็ทะยานขึ้นฟ้า!
กราฟราคา: นี่คือ ยอดเขาลูกแรก ที่คุณเห็นในกราฟ ราคาทองคำระเบิดจาก $35 ไปสู่จุดสูงสุดที่ประมาณ $850 ในปี 1980 หรือ +2300%
เหตุผลที่ราคาสูงขึ้น:
การล่มสลายของความเชื่อมั่น: ความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์และเงินกระดาษทุกสกุลพังทลายลง
ภาวะ Stagflation: โลกเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อรุนแรงที่เกิดขึ้นพร้อมกับเศรษฐกิจที่ถดถอย
วิกฤตน้ำมัน: สงครามในตะวันออกกลางทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูง สร้างความโกลาหลไปทั่วโลก
ผู้คนต่างวิ่งหนีตายจากเงินกระดาษที่เสื่อมค่า... เข้าสู่ทองคำซึ่งเป็นหลุมหลบภัยเพียงหนึ่งเดียว
ยุคที่ 3: ยุคหลับใหลอันยาวนาน (The Long Winter: 1981 - 2001) ติดดอยสูงสุด 60%+ เป็นเวลา 20 ปี
หลังจากพุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ทองคำก็เข้าสู่ยุคมืดที่ยาวนานถึง 20 ปี
กราฟราคา: นี่คือ "หุบเขาอันยาวนาน" ที่คุณเห็นในกราฟ ราคาดิ่งจากจุดสูงสุดลงไปสู่จุดต่ำสุดที่ประมาณ $250 ติดดอยสูงสุด 60%+
เหตุผลที่ราคาลดลง:
ยาแรงของพอล โวลเกอร์: ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ในขณะนั้น ได้ตัดสินใจ "ฆ่า" เงินเฟ้อด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปสู่ระดับเกือบ 20%
ต้นทุนค่าเสียโอกาส: เมื่อฝากเงินในธนาคารหรือซื้อพันธบัตรแล้วได้ดอกเบี้ยสูงถึง 15-20% ใครจะอยากถือทองคำที่ไม่มีดอกเบี้ย?
ดอลลาร์ที่แข็งแกร่ง: นโยบายนี้ได้ฟื้นคืนความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์กลับมาอีกครั้ง
ยุคแห่งความมั่งคั่ง: เศรษฐกิจที่เติบโตและตลาดหุ้นที่รุ่งเรือง (โดยเฉพาะฟองสบู่ดอทคอม) ทำให้คนลืมทองคำไปชั่วขณะ
ยุคที่ 4: กระทิงคำรามรอบใหม่ (The Supercycle Reborn: 2002 - 2011) ทองวิ่ง +680%
ทองคำฟื้นคืนชีพอีกครั้ง และครั้งนี้มันได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่
กราฟราคา: นี่คือ ยอดเขาลูกที่สอง ที่สูงกว่าลูกแรก ราคาทะยานจาก $250 ไปสู่จุดสูงสุดใหม่ที่ประมาณ $1,900 ในปี 2011 หรือ +680%
เหตุผลที่ราคาสูงขึ้น:
วิกฤตการเงินโลก 2008: ครั้งนี้ปัญหาไม่ได้เกิดจากรัฐบาลโดยตรง แต่เกิดจาก "ภาคธนาคาร" ที่ล้มครืนจากวิกฤตซับไพรม์ ความเชื่อมั่นในสถาบันการเงินพังทลาย
การพิมพ์เงินมหาศาล (QE): เพื่ออุ้มระบบธนาคาร ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้เริ่มนโยบายพิมพ์เงิน Quantitative Easing ทำให้นักลงทุนกลัวว่าประวัติศาสตร์ยุค 70s (เงินเฟ้อรุนแรง) จะกลับมาอีกครั้ง พวกเขาจึงเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง
ยุคที่ 4: กระทิงคำรามรอบใหม่ (The Supercycle Reborn: 2002 - 2011)
ทองคำฟื้นคืนชีพอีกครั้ง และครั้งนี้มันได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่
กราฟราคา: นี่คือ ยอดเขาลูกที่สอง ที่สูงกว่าลูกแรก ราคาทะยานจาก $250 ไปสู่จุดสูงสุดใหม่ที่ประมาณ $1,920 ในเดือนกันยายน ปี 2011
เหตุผลที่ราคาสูงขึ้น:
วิกฤตการเงินโลก 2008: ปัญหาเกิดจาก "ภาคธนาคาร" ที่ล้มครืนจากวิกฤตซับไพรม์ ความเชื่อมั่นในสถาบันการเงินพังทลาย
การพิมพ์เงินมหาศาล (QE): เพื่ออุ้มระบบธนาคาร ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้เริ่มนโยบายพิมพ์เงิน Quantitative Easing ทำให้นักลงทุนกลัวว่าประวัติศาสตร์ยุค 70s (เงินเฟ้อรุนแรง) จะกลับมาอีกครั้ง
วิกฤตหนี้ยุโรป: ในปี 2011 ความกลัวลุกลามไปสู่หนี้สินของรัฐบาลในยุโรป (กรีซ, อิตาลี) และสหรัฐฯ ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นี่คือจุดที่ความกลัวพุ่งขึ้นถึงขีดสุด และเป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในรอบหลายสิบปี
ยุคที่ 5: บทเรียนจากยอดดอย (The Lost Decade: 2012 - 2020) ทองพาเราติดดอยสูงสุด -30%
นี่คือช่วงเวลาที่เจ็บปวดสำหรับคนที่ไล่ซื้อทองคำบนยอดสูงสุดด้วยความกลัว... หรือที่นักลงทุนไทยเรียกว่า "ยุคติดดอย" มันคือบททดสอบความอดทนที่ยาวนานเกือบทศวรรษ
กราฟราคา: หลังจากทำจุดสูงสุดที่ $1,920 ในปี 2011 ราคาทองคำได้กลับทิศทางเป็นขาลงอย่างรุนแรง ดิ่งลงไปสู่จุดต่ำสุดที่ประมาณ $1,050 ในช่วงปลายปี 2015 (ขาดทุนไปเกือบ -45% จากยอดดอย) และใช้เวลาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ อีกหลายปีกว่าที่จะกลับมาทำลายสถิติเดิมได้สำเร็จในช่วงกลางปี 2020
เหตุผลที่ราคาลดลงและนิ่งยาวนาน (ทำไมถึงติดดอย?):
ธนาคารกลาง "เอาอยู่": ธนาคารกลางทั่วโลก (นำโดย Fed และ ECB) ได้ประสานพลังกันอัดฉีดเงินและให้คำมั่นว่าจะ "ทำทุกอย่างที่จำเป็น" (Whatever it takes) เพื่อรักษาระบบไว้ ซึ่งมันได้ผล! ความเชื่อมั่นในระบบการเงินค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมา
เงินเฟ้อไม่มาตามนัด: เงินเฟ้อรุนแรงที่ทุกคนกลัวจากการทำ QE ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในภาคผู้บริโภค ทำให้เหตุผลหลักในการถือทองคำเพื่อ "หนีเงินเฟ้อ" อ่อนแอลงไป
ตลาดหุ้นกระทิงดุ: เมื่อความกลัวลดลง เงินทุนมหาศาลได้ไหลออกจากทองคำ (สินทรัพย์ปลอดภัย) กลับเข้าไปสู่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (สินทรัพย์เสี่ยง) ซึ่งเริ่มต้นเข้าสู่ยุคกระทิงครั้งใหญ่ที่ยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
ดอลลาร์แข็งค่า: เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ดีกว่ายุโรป ทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งแกร่งและกดดันราคาทองคำ
บทเรียนจากยุคนี้คือ: การซื้อสินทรัพย์ด้วยอารมณ์ FOMO (Fear Of Missing Out) หรือความตื่นตระหนกที่จุดสูงสุดของข่าวร้าย อาจทำให้เราติดอยู่บนยอดดอยได้เป็นเวลานานอย่างไม่น่าเชื่อ
ยุคที่ 6: เกมใหม่... วิกฤตแห่งรัฐบาล (The Final Chapter: 2020 - 2025)
การระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 คือจุดเปลี่ยนที่พาทองคำออกจาก "ยุคติดดอย" และเริ่มต้นเกมกระดานใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม
กราฟราคา: คือ ยอดเขาลูกที่สาม ที่กำลังก่อตัวสูงขึ้นไปอีก... สู่ระดับ $4,000
วิกฤตหนี้สินรัฐบาล: การอัดฉีดเงินในช่วงโควิดทำให้หนี้สินของรัฐบาลทั่วโลกพุ่งทะยานสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ปัญหาในครั้งนี้จึงย้ายจาก "ภาคธนาคาร" มาอยู่ที่ "ตัวรัฐบาลเอง"
เงินเฟ้อกลับมา "ของจริง": ครั้งนี้เงินเฟ้อได้เกิดขึ้นจริงและฝังรากลึก จากทั้งการพิมพ์เงินและปัญหาห่วงโซ่อุปทาน
การเสื่อมศรัทธาในพันธบัตร: "สินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก" อย่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังถูกตั้งคำถามถึงความปลอดภัย
การเปลี่ยนขั้วอำนาจโลก (De-Dollarization): ประเทศมหาอำนาจตะวันออก (กลุ่ม BRICS) กำลังท้าทายระบบดอลลาร์ด้วยการเทขายพันธบัตรและกว้านซื้อทองคำจริงอย่างเป็นระบบ
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย