13 ต.ค. เวลา 03:14 • บันเทิง

บนบานสานต่อ

...
บางอย่างมันอาจจะใช้คำว่าบังเอิญไม่ได้
มันอาจจะถูกลิขิตมาแล้ว
แม้จะอยากปฏิเสธมันแค่ไหนก็ตาม
...
สวัสดีคุณผู้อ่านทุกคน
ผมมาขอใช้พื้นที่นี้เพื่อแชร์เรื่องราวที่ได้พบเจอมา
เป็นเรื่องราวซึ่งผมกับเพื่อนไปเจอกันมา
และเหตุการณ์นี้มันก็ทำให้ผมเสียใจปนกับความสงสัยคาใจมาจนถึงทุกวันนี้
ผมชื่อเพชรครับ
มีอาชีพเป็นคนขับรถส่งของ
โดยส่วนมากก็จะส่งจากกรุงเทพไปทางภาคอีสาน
ผมจะมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง
ชื่อว่านก
เรา 2 คนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ประถมแล้วครับ
และที่ผมได้มาทำงานนี้
ก็เป็นเพราะได้ไอ้นกมันช่วยคุยกับหัวหน้าให้
เรียกได้ว่ามันก็มีบุญคุณกับผม
พวกเราก็จะได้ขับรถคันเดียวกัน
คอยสลับมือกันขับเวลาส่งของทางไกล
มีอะไรก็จะช่วยเหลือกันมาตลอดครับ
...
จนมาช่วงหนึ่ง
ผมเห็นไอ้นกมันดูเงียบ ๆ
ไม่เฮฮาทักทายเล่นกับคนอื่น ๆ ในบริษัทเหมือนแต่ก่อน
จังหวะที่ขับรถไปส่งของด้วยกันผมเลยมีโอกาสถาม
“พ่อกูไม่ค่อยสบายว่ะ”
ก็ได้ใจความว่าพ่อมันที่อยู่ต่างจังหวัดไม่ค่อยสบาย
เข้าโรงพยาบาลมาได้ 3 วัน
คุณหมอบอกว่าพ่ออาจจะเป็นเนื้องอกในสมองครับ
นั่นจึงทำให้มันเครียดมาก
นอกจากจะเป็นห่วงพ่อแล้ว
มันก็ต้องหาเงินไปรักษาด้วย
โดยตอนนี้ก็ให้แม่กับน้องสาวคอยดูแลไปก่อน
พอได้ฟังเรื่องทั้งหมด
ผมก็สงสารมันมาก
เพราะจากคนที่ร่าเริงเฮไหนเฮนั่น
ตอนนี้มันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ผมก็ทำได้แค่ปลอบใจมันไป
แล้วก็บอกว่ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอก
ผมพร้อมจะช่วยเต็มที่
ซึ่งมันก็ได้แต่พยักหน้ารับ
...
มาถึงอีกวัน
พวกผมก็ได้รับคำสั่งจากหัวหน้า
ให้ไปส่งของที่จังหวัดหนึ่งในภาคเหนือครับ
เพราะรถคันที่ไปส่งประจำนั้นเกิดอุบัติเหตุ
หัวหน้าเลยให้พวกผมไปส่งแทน
พวกผมก็ไม่มีปัญหา
เริ่มออกเดินทางกันประมาณบ่าย 3 โมงเย็น
ปักหมุดเสร็จก็ขับตามทางไปเรื่อย ๆ
จนมาถึงทางช่วงหนึ่ง
ผมก็เหลือบไปมองข้างทาง
มันสะดุดตามากครับ
เพราะมีชุดนางรำห้อยอยู่ตามต้นไม้หลายชุด
แล้วพอชะลอรถมอง
ผมก็เห็นว่ามีศาลไม้หลังไม่ใหญ่มากตั้งอยู่ข้างทาง
มีเหมือนของถวายวางอยู่เยอะแยะ
และมีคนกำลังจุดธูปนั่งไหว้อยู่ 2-3 คน
“ศาลอะไรวะ”
ไอ้นกมันก็พูดออกมาลอย ๆ
“กูว่าน่าจะเป็นศาลนางรำมั้ง”
“ดูสิมีแต่คนเอาชุดนางรำมาแก้บนกันเต็มไปหมด”
ผมก็พูดเสริมไอ้นกมันไป
แล้วพวกเราก็ขับผ่านไปไม่คิดอะไรครับ
...
พอถึงวันขากลับ
พวกผมก็ต้องขับผ่านถนนเส้นนี้อีกครั้ง
แต่คราวนี้เป็นตอนเกือบจะ 3 ทุ่มแล้ว
และก็เป็นหน้าที่ของไอ้นกขับ
ขณะที่ผมกำลังงีบอยู่นั้น
ผมก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้น
เพราะได้ยินไอ้นกมันร้องขึ้นมา
“เฮ้ยมึงเป็นอะไรวะ”
“ร้องซะกูตกอกตกใจหมด”
ผมหันไปมองหน้ามัน
ผมเห็นหน้ามันซีดมากเลยครับ
เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาตามใบหน้า
เหมือนท่าทางของคนที่ตกใจอะไรสักอย่าง
แต่ไอ้นกก็ไม่ได้ตอบคำถามของผมครับ
ถามไปกี่รอบก็เงียบ
เอาแต่บอกว่าถึงบริษัทค่อยคุยกัน
ถึงจะสงสัยแต่ผมก็ไม่อยากจะซักครับ
...
จนเมื่อกลับมาถึงบริษัท
พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
ผมก็มานั่งคุยกับไอ้นกว่ามันเป็นอะไร
แล้วมันก็เล่าให้ผมฟังว่า...
ขากลับมาตอนที่ขับผ่านศาลนางรำที่พวกเราเห็นตอนขาไป
ซึ่งตอนนี้ศาลนั้นจะอยู่ฝั่งขวามือ
พอขับรถใกล้จะถึงศาล
ไอ้นกบอกว่ามันเห็นเป็นเหมือนนางรำคนหนึ่ง
กำลังรำอยู่หน้าศาล
ทีแรกก็คิดว่าคงมีคนมารำแก้บน
แต่ก็เอะใจว่า
รำแก้บนอะไรป่านนี้
อีกทั้งยังไม่มีไฟอะไรเลย
รำอยู่มืด ๆ คนเดียวแบบนั้น
พอคิดจบ
นางรำคนนั้นก็ค่อย ๆ เดินรำออกมาที่ถนน
ไอ้นกมันก็เริ่มชะลอรถ
เพราะไม่รู้ว่าที่กำลังรำออกมากลางถนนนั้น
มันคนหรือผีกันแน่
แต่ยังไม่ทันจะได้ชะลอรถดีครับ
มันบอกว่านางรำคนนั้นก็วิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถ
แล้วก็หายเข้าไปในความมืดของป่าข้างทาง
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้มันร้องออกมาลั่นรถครับ
พอผมฟังจบก็ขนหัวลุกเลยครับ
คิดในใจว่าโชคดีที่ผมไม่ใช่คนขับ
เพราะก็ไม่รู้ว่าผมจะคุมสติได้แบบไอ้นกหรือเปล่า
...
ผ่านมาอีกไม่กี่วัน
พวกผมก็ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าให้ไปส่งของที่จังหวัดเดิมในภาคเหนืออีกครับ
แล้วก็เหมือนเช่นเคย
พวกผมก็ต้องขับผ่านศาลนางรำนั้นอีก
พอนึกถึงเรื่องที่ไอ้นกมันเล่าให้ฟัง
มันก็หนาวสันหลังขึ้นมา
ดีที่ว่าตอนนี้มันยังเป็นช่วงบ่ายอยู่
พอมาถึงเส้นที่มีศาล
พวกผมก็เห็นว่าบริเวณหน้าศาลมีรถจอดอยู่เยอะเลยครับ
มองไปก็เห็นคนนับได้เกือบ 20 นั่งบ้างยืนบ้าง
กำลังพากันไหว้ศาลอยู่
ด้วยความสงสัยผมเลยจอดรถแล้วร้องถามป้าคนหนึ่งไป
“ขอโทษครับป้า”
“กำลังทำพิธีอะไรกันหรอครับ”
ก็ได้ความจากป้ามาว่า
เขามาบนกับศาลนี้ไว้
ว่าขอให้ลูกชายที่โดนรถชนนอนอยู่ห้อง ICU ปลอดภัย
แล้วก็จะนำอาหารพร้อมชุดนางรำมาแก้บน
ปรากฏว่าวันต่อมาลูกชายก็ปลอดภัยจริง ๆ
จึงชวนญาติ ๆ นำของมาถวาย
พอได้ยินแบบนั้นผมก็ไม่ได้อะไรครับ
แต่ผมมองไปที่ไอ้นก
หลังจากฟังป้าแกเล่าจบ
ผมเห็นดวงตาของมันเป็นประกายเลยครับ
เหมือนกับคนที่มองเห็นความหวัง
...
พอส่งของเรียบร้อยแล้ว
ก็ต้องกลับกันตอนกลางคืนอีกแล้วครับ
บอกตรง ๆ ว่าถ้าไม่ติดว่าต้องไปขึ้นของต่อ
ผมอยากจะชวนไอ้นกหาที่นอนกันก่อน
เพราะไม่อยากจะผ่านศาลนั้นตอนกลางคืน
ไอ้นกมันก็บอกว่าไม่เป็นไร
เดี๋ยวมันจะเป็นคนขับเอง
ให้ผมนอนได้เลย
แต่พอยิ่งขับมาใกล้จะถึงศาล
ใครมันจะไปหลับลงครับ
ผมก็บอกให้ไอ้นกรีบเหยียบผ่านไปให้เร็วที่สุด
ทันใดนั้น...
แทนที่ไอ้นกจะขับผ่านศาลไป
มันกลับจอดรถครับ
จอดตรงหน้าศาลพอดีเลย
แล้วมันก็ลงจากรถเดินเข้าไปที่ศาลนั้น
ตอนนั้นผมไม่กล้าลงไปครับ
เพราะบรรยากาศมันค่อนข้างจะน่ากลัวมาก
ได้แต่มองตามไอ้นกมันเดินข้ามถนนไปที่ศาล
แล้วผมก็เห็นมันนั่งลงพนมมือพูดอะไรอยู่พักหนึ่ง
ก่อนที่มันจะข้ามถนนกลับมาที่รถ
ผมก็ถามครับว่ามันลงไปทำอะไร
มันก็บอกว่า
“กูลงไปบนขอให้พ่อกูปลอดภัย”
“และก็ขอให้กูมีเงินไปรักษาพ่อ”
ผมเห็นแววตาของมันดูมีความหวังมากครับ
ผมเลยเลือกจะเงียบไม่พูดอะไรต่อ
ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของมันอยู่
...
ผ่านมาอีกเกือบอาทิตย์
ขณะที่ผมกำลังเช็ดรถอยู่
ไอ้นกมันก็วิ่งเข้ามากอดผมครับ
พร้อมกับร้องไห้ไปด้วย
แต่ลักษณะคือคนที่ร้องไห้ดีใจ
กว่าจะบอกให้มันใจเย็นลงได้ก็เหนื่อยเลยครับ
แล้วมันก็เล่า
แม่ของไอ้นกโทรมาบอกว่าพ่อปลอดภัยแล้ว
คุณหมอบอกว่าตรวจไม่เจอเนื้องอกในสมองแล้ว
ทั้ง ๆ ที่ก็เตรียมการจะผ่าตัดแล้ว
เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจของทีมแพทย์มาก
และตอนนี้พ่อของมันก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่เท่านั้นครับ
ไอ้นกบอกว่ามันพึ่งจะถูกหวยมา
ได้เงินมาก้อนใหญ่พอสมควร
พอที่จะนำไปจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาล
ได้ยินแบบนั้นผมก็ร้องไห้กอดกับมันเลยครับ
มันตื้นตันบอกไม่ถูก
ดีใจกับไอ้นกมากจริง ๆ
แล้วมันก็ไปขอลางานเพื่อกลับไปเยี่ยมพ่อที่ต่างจังหวัด
...
ผมก็ต้องขับรถคนเดียวไปก่อนครับ
จนกว่าไอ้นกจะกลับมา
และพอไอ้นกมันกลับมา
“วันนี้มึงไปกับกูหน่อยนะ”
“กูลาหัวหน้าให้แล้ว”
มันก็ชวนผมไปกับมันครับ
ถามไปก็รู้ว่ามันจะไปแก้บน
จะให้ผมไปเป็นเพื่อนนำอาหารและชุดนางรำไปแก้บนที่ศาลนางรำนั้น
ผมก็ไม่ติดอะไรครับ
พอมาถึงศาลก็เกือบจะเที่ยง
ผมก็ยืนดูมันจัดอาหารถวาย
นำชุดนางรำไปแขวนไว้กับกิ่งไม้ใกล้ ๆ
แล้วก็มานั่งจุดธูปบอกศาล
เมื่อเรียบร้อยทุกอย่างก็เดินทางกลับกัน
ผมเห็นสีหน้ามันสดใสมากครับ
กลับมาเป็นไอ้นกคนเดิม
จนกระทั่ง...
...
มันก็เริ่มมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น
ยิ่งนานวันเข้า
ผมยิ่งสังเกตเห็นว่าไอ้นกมันเริ่มผอมลง
ผิวก็ดูคล้ำขึ้น
ทั้งที่ก็ไม่ค่อยจะโดนแดดมาก
ขอบตาเองก็ดำเหมือนคนไม่ได้นอน
อดสงสัยไม่ได้ผมก็เลยถามมันไป
“มึงไปทำอะไรมาวะไอ้นก”
“สภาพหยั่งกับผีตายซาก”
มันก็เล่าให้ฟัง
หลังจากไปแก้บนมา
เวลานอนมันมักจะฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอใส่ชุดนางรำเต็มยศดูสวยงามมาก
เธอจะมายืนรำอยู่ปลายเตียงในฝันตลอด
และก็จะปิดท้ายด้วยการชวนไอ้นกไปอยู่กับเธอด้วย
แล้วไอ้นกก็จะสะดุ้งขึ้นมากลางดึกเวลาเดิมซ้ำ ๆ
จนมันแทบไม่ได้นอนเลย
สภาพก็เลยออกมาอย่างที่เห็น
ผมก็ไม่รู้จะช่วยมันยังไงครับ
ก็แนะนำให้มันหาพระมาคล้องและก็สวดมนต์ก่อนนอน
แต่ใจลึก ๆ ผมก็รู้ว่ามันคงไม่น่าจะทำ
เพราะแต่ไหนแต่ไรมา
มันก็ไม่ชอบคล้องพระ ไม่ชอบสวดมนต์
แต่มันก็รับปากผมนะครับว่าจะลองทำดู
...
แล้ววันนั้นผมก็เจอ
ขณะที่ผมกำลังขับรถไปร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอย
เวลาตอนนั้นน่าจะประมาณ 4 ทุ่ม
โดยเส้นทางจากบ้านของผมออกไปปากซอย
จะมีช่วงหนึ่งของถนนที่ 2 ข้างทางจะเป็นป่า
เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอกครับ
เพราะขับผ่านทุกวัน
แต่วันนี้มันดันไม่เหมือนเดิม
พอขับมาถึงถนนช่วงที่ว่า
ไฟรถมอเตอร์ไซค์ของผมก็ส่องไปกระทบกับร่างหนึ่ง
กำลังยืนอยู่กลางถนน
ผมใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย
เพราะร่างนั้นอยู่ในชุดนางรำเต็มยศ
และตอนนี้กำลังยืนชี้นิ้วมาทางผม
สีหน้าของเธอผมเห็นได้ชัดเลยว่ากำลังโกรธมาก
“มึงอย่ายุ่ง!!”
จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงตะโกนเข้ามาที่หู
มันดังก้องจนแก้วหูผมแทบจะแตก
เท่านั้นเองผมก็จอดับไปทันที
มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาล
มีคนไปเจอผมรถล้มนอนสลบอยู่ข้างทาง
เลยนำมาส่งที่โรงพยาบาล
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมรู้ว่านางรำคนนั้นไม่ได้มาดีแน่
และผมก็จะเลี่ยงไม่ออกจากบ้านตอนกลางคืน
กลัวว่าจะเจอแบบนั้นอีก
...
ผมก็เล่าเรื่องนี้ให้ไอ้นกฟัง
แต่ก็เหมือนจะไม่เข้าหูมันแล้วครับ
เอาแต่นั่งเหม่อมองไปแบบล่องลอยไม่มีจุดหมาย
เวลาก็ผ่านไป
สภาพของไอ้นกก็ดูแย่ลงเรื่อย ๆ
จนหัวหน้าต้องให้มันหยุดพักงาน
เพราะไม่ไว้ใจให้มันขับรถแล้ว
ผมก็เลยต้องหาคู่คนใหม่ครับ
หลังจากนั้นผมก็ไม่ค่อยได้เจอกับไอ้นกอีก
...
จนมาวันหนึ่ง
ผมก็ได้ยินในสิ่งที่ไม่อยากได้ยิน
หัวหน้าได้มาแจ้งข่าวว่า
ไอ้นกมันตายแล้ว
ตอนนั้นผมตัวชาไปทั้งตัว
หูมันอื้อจนฟังอะไรไม่รู้เรื่อง
สาเหตุของการตายคือ
มีคนไปพบไอ้นกรถมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่ที่ถนนเส้นหนึ่ง
และมันก็ยิ่งทำให้ผมขนลุกขึ้นไปอีก
เพราะถนนเส้นที่ไอ้นกมันไปรถล้มนั้น
มันคือเส้นเดียวกับที่ศาลนั้นตั้งอยู่
และจุดที่มันรถล้มก็คือตรงหน้าศาลพอดี
ผลการชันสูตรคือไอ้นกหัวใจวายเฉียบพลัน
ตอนนั้นความรู้สึกของผมมันปนเปกันไปหมด
ทั้งความเสียใจ ความเศร้า ความสงสัย
จากนั้นทางญาติของมันก็ทำเรื่องรับศพกลับไปทำพิธีที่ต่างจังหวัดครับ
ซึ่งผมก็ลางานกลับไปช่วยงานด้วย
พองานศพไอ้นกผ่านไป
คืนหนึ่งผมก็ฝันเห็นไอ้นกครับ
มันมายืนร้องไห้ต่อหน้าของผม
“กูต้องลามึงแล้วเพื่อน”
“กูต้องไปอยู่กับเขาแล้ว”
ในฝันมันพูดกับผมแบบนั้นแล้วก็หายไป
ผมตื่นมาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเลยครับ
อย่างที่บอกว่าไอ้นกกับผมพวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันมาก
ผ่านอะไรกันมามากมาย
ตอนนี้ผมต้องมาเสียมันไป
ก็ทำให้ผมใจหายและเสียใจไม่ใช่น้อย
แต่ผมก็ได้แค่ทำใจครับ
...
ซึ่งความสงสัยในใจผมมันก็ไม่เคยหายไป
เพราะการตายของไอ้นกสำหรับผมมันดูไม่ปกติ
ด้วยสภาพของมันก่อนตาย
ด้วยเรื่องที่มันเล่าให้ผมฟัง
มันทำให้ผมคิดฟุ้งไปหลายอย่าง
จะว่าเพราะเรื่องที่ไอ้นกไปบนแล้วไม่ได้แก้
เขาก็เลยมาเอามันไป
ก็ไม่น่าใช่
เพราะผมก็เห็นอยู่กับตาว่ามันเอาอาหารกับชุดนางรำไปแก้บนแล้ว
ถึงอย่างงั้นทำไมเขาถึงมาเอามันไปอีก
จนผมได้มีโอกาสเล่าเรื่องนี้ให้แม่ผมฟัง
แม่เลยชวนผมไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง
ซึ่งมีพระอาจารย์ที่แม่นับถืออยู่
จะได้สบายใจขึ้น
ผมก็ไม่ได้ขัดอะไรครับ
ถือว่าจะได้ทำบุญให้ไอ้นกมันด้วย
พอทำบุญช่วงเช้าเสร็จ
พวกเราก็ได้มีโอกาสไปกราบพระอาจารย์ครับ
แล้วผมก็ได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้ท่านฟัง
พระอาจารย์ท่านก็เข้าสมาธิไปพักนึง
แล้วก็หันมาพูดกับผม
“โยมทั้งสอง เขาเคยทำกรรมร่วมกันมา”
“พอมาชาตินี้เขาหาตัวเจอแล้ว”
“เขาก็เลยมาพาไปอยู่ด้วย”
“ทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากทำบุญให้เพื่อนเยอะ ๆ”
“จะได้หลุดพ้นโดยเร็ว”
ก็ได้ความตามนั้นครับ
คือนางรำคนนั้นกับเพื่อนผมเคยมีเวรกรรมร่วมกันมาในชาติก่อน
พอมาชาตินี้เขาก็หาเพื่อนผมเจอ
ตอนที่พวกเราขับรถผ่านศาลนั้นพอดี
เขาก็เลยมาเอามันไปอยู่กับเขา
ไม่ใช่เพราะเรื่องของการบนบานสานกล่าวแต่อย่างใด
ผมก็ได้แต่ย้อนคิดไปเองครับ
ว่าถ้าไม่มีเหตุการณ์ให้พวกผมต้องผ่านไปยังถนนเส้นนั้น
บางทีตอนนี้เพื่อนของผมมันก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้
...
ทุกครั้งที่มีโอกาสผมก็จะทำบุญให้ไอ้นกอยู่เสมอครับ
ทุกวันนี้ก็ยังนึกถึงมันอยู่
และทุกครั้งที่ผมขับรถผ่านถนนเส้นนั้น
ผมก็จะต้องเหลือบมองที่ศาลนั้นทุกครั้ง
แล้วก็ไม่รู้ว่าผมตาฝาดหรือเปล่า
ในทุกครั้งที่ผมเหลือบมองศาลนั้น
ผมจะเห็นภาพของเพื่อนมายืนโบกมือให้เสมอ
...จบ...
เรื่องโดย ลานฝึกผี
ภาพโดย Copilot
โฆษณา