BTC และ Crypto ทั้งหลาย กำลังถูกตั้งคำถาม และสงสัยในความสูญเสียอุดมการณ์ที่แท้จริง??
เหตุการณ์ความผันผวนครั้งใหญ่ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในปี 2025 ซึ่งเกิดจากการประกาศของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และความเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยของ "วาฬ" หรือนักลงทุนรายใหญ่ที่สามารถทำกำไรได้อย่างแม่นยำอย่างเหลือเชื่อ นำไปสู่การตั้งคำถามต่อหลักการความเป็นกลางของคริปโตฯ และบทบาทใหม่บนเวทีภูมิรัฐศาสตร์โลก
1. รูปแบบการเทรดที่น่าสงสัยรอบการประกาศของทรัมป์
วิดีโอชี้ให้เห็นถึงสองเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นห่างกันไม่กี่เดือน แต่มีผลลัพธ์ตรงกันข้าม โดยมีนักลงทุนกลุ่มเล็กๆ ทำกำไรมหาศาลจากการเทรดที่ลงจังหวะอย่างสมบูรณ์แบบ:
• เหตุการณ์ปั่นราคา (Pump) เดือนมีนาคม 2025:
• การประกาศ: ทรัมป์โพสต์บน Truth Social ถึงแผนการจัดตั้ง กองทุนสำรองคริปโตเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ โดยระบุชื่อเหรียญชั้นนำ 5 สกุล (Bitcoin, Ethereum, XRP, Solana, Cardano) ส่งผลให้ราคาพุ่งทะยาน
• การเทรดที่น่าสงสัย: เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนประกาศ มีเทรดเดอร์รายหนึ่งเปิดสถานะ Long ด้วยเงิน 6 ล้านดอลลาร์ และใช้เลเวอเรจถึง 50 เท่า การเทรดที่แม่นยำนี้ทำกำไรไป 7 ล้านดอลลาร์ ภายใน 24 ชั่วโมง
• เหตุการณ์ทุบราคา (Dump) วันที่ 10 เดือนตุลาคม 2025:
• การประกาศ: ทรัมป์ประกาศเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าซอฟต์แวร์จากจีนอย่างมหาศาล เพื่อตอบโต้พฤติกรรมที่ไม่เป็นมิตร
• ผลกระทบ: ตลาดคริปโตฯ ตอบสนองด้วยการ "พังพินาศ" เกิดการล้างพอร์ตสถานะ Long ที่มีเลเวอเรจมูลค่ากว่า 16,000 ล้านดอลลาร์ ในไม่กี่ชั่วโมง
👇👇❗️❗️
• การเทรดที่น่าสงสัย (Short): ท่ามกลางความโกลาหล มี "วาฬ" อีกรายเปิดสถานะ Short มูลค่ากว่า 1,100 ล้านดอลลาร์ โดยมีการเพิ่มเดิมพันเป็นสองเท่าเพียง 30 นาทีก่อนการประกาศอย่างเป็นทางการ และทำกำไรไปสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์ ภายในวันเดียว
2. ผลประโยชน์ส่วนตัวและการกล่าวหาเรื่องการปั่นตลาด
ความแม่นยำในการเทรดที่เกิดขึ้น 2 ครั้งนี้ นำไปสู่การตั้งข้อสงสัยรุนแรงเรื่อง "ข้อมูลวงใน" (Insider Trading) และ "การปั่นแล้วทุบ" (Pump and Dump) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินของประธานาธิบดีทรัมป์
• การเปลี่ยนจุดยืน: จากเดิมที่เคยเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในคริปโตฯ ในปี 2019 ทรัมป์ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือครอง Bitcoin รายบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2025 ด้วยมูลค่าการลงทุนที่ประเมินไว้สูงถึง 870 ล้านดอลลาร์
• ที่มาของการถือครอง: การถือครองนี้เกิดจากการที่บริษัท Trump Media and Technology Group ที่เขามีหุ้น 41% ได้ระดมทุนและนำเงิน 2,000 ล้านดอลลาร์ไปซื้อ Bitcoin เข้ามาเป็นสินทรัพย์หลักของบริษัท
• ข้อกล่าวหาทางกฎหมาย: การเทรดที่น่าสงสัยควบคู่ไปกับการถือครองส่วนตัวมูลค่ามหาศาลนี้ อาจเข้าข่ายการละเมิดกฎหมายการเงินของสหรัฐฯ หลายฉบับ เช่น การฉ้อโกงหลักทรัพย์ และการปั่นตลาด
.
3. จุดสิ้นสุดของอุดมการณ์ความเป็นกลางของคริปโตฯ
หัวใจหลักของคริปโตฯ คือ การกระจายอำนาจ และ ความเป็นอิสระจากการแทรกแซงทางการเมือง แต่เหตุการณ์เหล่านี้พิสูจน์ว่าอุดมการณ์นี้กำลังเผชิญวิกฤต
• อิทธิพลเหนือตลาด: คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของผู้นำทางการเมืองคนเดียวสามารถทำให้มูลค่าของสินทรัพย์ที่ควรจะเป็นกลางสั่นสะเทือนไปทั้งตลาดได้
• การตอบสนองแบบสินทรัพย์ดั้งเดิม: การล้างพอร์ตมูลค่ามหาศาลในเวลาสั้นๆ เป็นปฏิกิริยาที่ตอบสนองต่อข่าวการเมืองโดยตรง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พบในตลาดสินทรัพย์แบบดั้งเดิม ไม่ใช่สินทรัพย์ที่เป็นกลาง
• การควบคุมจากภาครัฐ: รัฐบาลทั่วโลกเริ่มใช้กฎระเบียบต่างๆ เป็นเครื่องมือควบคุมคริปโตฯ เช่น การจัดตั้งกองทุนสำรองคริปโต (เป็นการ "เลือกข้าง" และกำหนดผู้ชนะในตลาด) และกลไกระดับโลกอย่าง CARF (Common Reporting Standard for Crypto-Asset Reporting Framework) ที่ใช้เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการถือครองคริปโตฯ ของประชาชนโดยอัตโนมัติ ซึ่งทำลายหลักการความเป็นส่วนตัวที่เป็นจุดขายสำคัญ
.
4. บทบาทใหม่ของคริปโตฯ: สินทรัพย์ในสมรภูมิภูมิรัฐศาสตร์
จากการสูญเสียความเป็นกลาง คริปโตฯ ได้วิวัฒนาการไปสู่บทบาทใหม่ที่สำคัญยิ่งกว่าเดิม
• สินทรัพย์หลบภัย: งานวิจัยพบว่า ตลาดคริปโตฯ กลับมี เสถียรภาพมากขึ้น ในช่วงที่โลกเกิดความขัดแย้งรุนแรง ชี้ให้เห็นว่าคริปโตฯ กำลังถูกใช้เป็น "สินทรัพย์หลบภัย" จากความวุ่นวายทางการเมือง (ตรงกันข้ามกับความเชื่อเดิม)
• เครื่องมือทางยุทธศาสตร์: หลายประเทศเริ่มมองคริปโตฯ เป็นเครื่องมือทางยุทธศาสตร์ เช่น รัสเซียใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร
• บทสรุป: คริปโตฯ ในปัจจุบันได้เปลี่ยนบทบาทไปจาก "ทองคำดิจิทัล" สู่การเป็น "เครื่องมือและสินทรัพย์สำคัญบนเวทีภูมิรัฐศาสตร์โลก" แม้จะสูญเสียอุดมการณ์เดิมไป แต่กลับค้นพบบทบาทใหม่ที่มีความสำคัญและทรงอิทธิพลมากกว่าที่เคยจินตนาการไว้
#BTC
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
