15 ต.ค. เวลา 06:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🎵 ไม่ใช่แค่พรสวรรค์! งานวิจัยชี้ ‘การเรียนดนตรี’ ช่วยให้เด็กอ่านหนังสือเก่งขึ้นได้อย่างไร

คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจเคยได้ยินว่าการเรียนดนตรีดีต่อพัฒนาการของลูก... แต่คุณเคยรู้ไหมครับว่ามันอาจเป็น “กุญแจลับ” ที่ช่วยให้ลูกของคุณมีทักษะการอ่านที่ยอดเยี่ยมขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ?
เป็นที่รู้กันมานานว่าการฝึกฝนดนตรีมีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาทักษะการอ่านในระยะเริ่มต้น แต่กลไกเบื้องหลังที่ว่า “ทำไม” และ “อย่างไร” นั้นยังคงเป็นปริศนามาตลอด จนกระทั่งงานวิจัยล่าสุดได้ออกมาให้คำตอบที่ชัดเจนขึ้นอย่างน่าทึ่ง
📖 บททดสอบระหว่างเสียงดนตรีและตัวอักษร
เพื่อค้นหาความจริง มาเรีย การ์เซีย-เด-โซเรีย (Maria Garcia-de-Soria) และทีมงานจากมหาวิทยาลัยแอเบอร์ดีน สหราชอาณาจักร ได้ศึกษาเด็กอายุ 5 ถึง 9 ปี จำนวน 57 คน โดยแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม:
• กลุ่มดนตรี: เด็กที่เรียนเครื่องดนตรีมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งเดือน และฝึกซ้อมสัปดาห์ละ 30 นาทีขึ้นไป
• กลุ่มควบคุม: เด็กที่ทำกิจกรรมเสริมนอกหลักสูตรอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับดนตรี
พวกเขาพบว่าเด็กที่เรียนดนตรีทำคะแนนได้ดีกว่าอีกกลุ่มอย่างชัดเจนในการทดสอบ “การตระหนักรู้ทางเสียง” (Phonological Awareness)
นี่คือหัวใจสำคัญของการค้นพบ! การตระหนักรู้ทางเสียงคือความสามารถในการรับรู้และจัดการกับหน่วยเสียง (phonemes) ที่ประกอบกันขึ้นเป็นคำพูด มันคือทักษะพื้นฐานที่สุดของการอ่าน เช่น การแยกแยะได้ว่าคำว่า “แมว” กับ “แนว” นั้นเสียงต่างกันตรงไหน หรือการผสมเสียง “ก-า” เป็นคำว่า “กา” ได้ และแน่นอนว่า เด็กกลุ่มดนตรีก็แสดงทักษะการอ่านที่ดีกว่าด้วยเช่นกัน
🧠 มองลึกเข้าไปในสมองของนักดนตรีตัวน้อย
นี่คือจุดหักมุมที่น่าสนใจที่สุด... ทีมวิจัยไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น พวกเขาได้ใช้เครื่อง EEG (electroencephalography) เพื่อบันทึกการทำงานของสมองของเด็กๆ ขณะที่กำลังฟังนิทานเรื่อง “มนุษย์ขนมปังขิง”
พวกเขาพบว่า:
• โดยทั่วไปแล้ว การทำงานของสมองซีกซ้ายในส่วนที่เกี่ยวกับภาษาที่แข็งแรงกว่า จะสัมพันธ์กับผลการอ่านที่ดีกว่าในเด็กทุกคน
• แต่... เด็กกลุ่มดนตรีกลับได้คะแนนการอ่านที่สูงกว่า แม้จะมีระดับการทำงานของสมองส่วนนี้น้อยกว่า!
เรื่องนี้บอกอะไรเรา? มันอาจหมายความว่าสมองของเด็กที่เรียนดนตรีมีการประมวลผลภาษาที่มีประสิทธิภาพและคล้ายกับผู้ใหญ่มากกว่า
“ผู้ใหญ่มักจะประมวลผลดนตรีและคำพูดโดยใช้สมองทั้งสองซีก (bilaterally) และบางครั้งก็ใช้สมองซีกขวามากกว่า เด็กที่ได้รับการฝึกฝนดนตรีดูเหมือนจะมีการติดตามคำพูดที่คล้ายกับผู้ใหญ่มากกว่า” การ์เซีย-เด-โซเรียกล่าว
อลิซ มาโด โปรเวอร์บิโอ (Alice Mado Proverbio) จากมหาวิทยาลัยมิลาน-บิโคคคาในอิตาลี เสริมว่า “การค้นพบนี้สอดคล้องกับงานวิจัยในวงกว้าง และการฝึกดนตรีก็ยังสามารถนำไปสู่ความเชี่ยวชาญในสมองซีกขวา ซึ่งช่วยส่งเสริมการอ่านที่เร็วขึ้นได้ด้วย”
🏡 บทเรียนถึงระบบการศึกษาไทย
ในยุคที่การเรียนการสอนในประเทศไทยมักจะมุ่งเน้นไปที่วิชาการเป็นหลัก การค้นพบนี้คือเครื่องย้ำเตือนที่ทรงพลังว่า ดนตรีและศิลปะไม่ใช่แค่ “วิชาเลือก” หรือ “กิจกรรมเสริม” แต่มันคือเครื่องมือที่ช่วยลับคมสมองและสร้างทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ในทุกๆ ด้าน
การส่งเสริมให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และสัมผัสกับดนตรีตั้งแต่วัยเยาว์ อาจไม่ใช่แค่การสร้างนักดนตรี แต่คือการสร้าง “นักอ่าน” และ “นักเรียนรู้” ที่มีประสิทธิภาพไปตลอดชีวิต
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ดนตรีสร้างนักอ่าน: การเรียนดนตรีช่วยเพิ่มพูนทักษะการอ่านในเด็กเล็กได้อย่างมีนัยสำคัญ
✅ กุญแจคือ “การฟัง”: กลไกหลักคือการที่ดนตรีช่วยฝึกฝน “การตระหนักรู้ทางเสียง” ซึ่งเป็นความสามารถในการแยกแยะและจัดการกับหน่วยเสียงในคำพูด
✅ สมองทำงานเหมือนผู้ใหญ่: สมองของเด็กที่เรียนดนตรีมีการประมวลผลภาษาที่มีประสิทธิภาพและคล้ายกับผู้ใหญ่มากขึ้น โดยอาจใช้สมองทั้งสองซีกได้ดีกว่า
✅ ไม่ใช่แค่ความบังเอิญ: งานวิจัยนี้ได้ควบคุมปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการอ่าน เช่น สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม และความสามารถในการรับรู้ทั่วไปแล้ว
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
การค้นพบนี้เปลี่ยนมุมมองที่คุณมีต่อความสำคัญของ ‘วิชาดนตรี’ ในโรงเรียนไปมากน้อยแค่ไหนครับ และคุณคิดว่าเราควรจัดสรรเวลาให้กับการเรียนศิลปะและดนตรีในระบบการศึกษาอย่างไร?
มาแบ่งปันมุมมองกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องนี้น่าสนใจ 🎼 อย่าลืมกดบันทึกไว้ หรือแชร์ให้คุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นได้อ่านด้วยกันนะครับ!
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Garcia-de-Soria, M. C., et al. (2025). Benefits of music training for learning to read: Evidence from cortical tracking of speech in children. bioRxiv. https://doi.org/p72r
🙏 ถึงผู้อ่านทุกท่าน
ผมตั้งใจทำเนื้อหาเชิงสารคดีในเพจนี้ขึ้นมา เพื่อสร้างพื้นที่แห่งความรู้ที่เข้มข้นและเข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน เนื้อหาทุกชิ้นเกิดขึ้นจากการค้นคว้าและเรียบเรียงอย่างสุดความสามารถโดยไม่มีองค์กรใดสนับสนุน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนเมษายน ผมมีความสุขที่ได้แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ และใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวในการดำเนินงานมาโดยตลอดด้วยความเต็มใจ แต่เมื่อเพจยังไม่มีรายได้เข้ามาเลย การที่จะสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ต่อไปในระยะยาวก็เป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้นทุกที
หากคุณชื่นชอบและเห็นคุณค่าของงานที่ผมทำ การสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณจะเป็นพลังสำคัญอย่างยิ่ง เปรียบเสมือน 'ค่ากาแฟ' ที่ช่วยต่อลมหายใจ และทำให้ผมสามารถเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไปได้ เพื่อให้พื้นที่แห่งการเรียนรู้ของเรายังคงอยู่
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเมตตาจากทุกท่าน เพื่อให้เพจนี้ได้เดินต่อไปครับ
Link สนับสนุนค่ากาแฟ [https://ezdn.app/witlyofficial]

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา