บางทีการเงียบเป็นเรื่องที่ดีกว่าเพราะว่าบางคนที่ถามเขาต้องการกระตุ้นคำตอบจากเรา คนที่เจตนาไม่ดีมีเยอะค่ะ ไม่ควรตอบทุกคำถาม การเงียบและมองแบบยิ้มๆ เขาก็รู้ว่าเรารู้ทันก็พอค่ะ
มีคำแนะนำหนึ่งที่เราชอบมากซึ่งคือ
อย่าทะเลาะกับคนงี่เง่า ทำเออออเห็นด้วยไปจะทำให้เราไม่เหนื่อย
จริงๆ วิธีแก้ง่ายมาก พยักหน้ายิ้มๆ ชิวๆ มั่นๆ ไว้ก็ได้แล้วค่ะ เราไม่ตอบซะอย่างเขาดันทุรังไปมันก็แค่นั้น บางคนอยากให้เกิดการทะเลาะเราก็เงียบดีกว่า อย่าเสียเวลาค่ะ
ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด เราเองไปงานแฟนมีตดารา เจอแฟนคลับโดนซักถามเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว ทำงานอะไร บริษัทที่ทำธุรกิจแบบไหน ตอนแรกก็ไม่ได้คิดไรมาก ก็ตอบๆไป แต่พอกลับมานั่งคิดดู ก็คือนางต้องการเปรียบเทียบค่ะ ต้องการสร้าง influence มันกระทบเรามากตอนเราแชร์เรื่ืองส่วนตัว จนแบบตอนจะออกมาขี้เกียจพูดคุยเพราะนางมัวแต่เชียร์ให้อยู่ต่อ เราก็เดินออกมาเลยไม่พูดไรกลับบ้านไปทันที
เราไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร บอกไปตรงๆว่าการได้รับ benefit มันน่าจะใช่เรื่องบังเอิญ มันมีสมการอยู่ ที่นั่งดีๆ ต้องมีกั๊กไว้ให้ VIP ควรไปงานที่ผู้จัดเขามีบ่อยเพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ของรางวัล (ที่เขาอ้างว่าสุ่ม)
พอเรากลับมาบ้านคือเรา block คนๆนั้นกับอีกคนที่ใกล้ชิดกันทันที เพราะว่าตอนเราพูดบอกความคิดว่า "ไม่มีอะไรแฟร์หรอก" และอธิบายว่ารางวัลที่เขาอยากได้มันได้ยากเพราะไม่ถึง 10% ของคนที่ไปจะได้ มันเป็นพวก core belief ของเราซึ่งการเป็นชาวพุทสายเถรวาทเชื่อเกี่ยวกับ ปฎิจสมุปบาท ว่าทุกอย่างที่เกิดมีเหตุก่อน
ประเด็นหลักๆ คือ ถ้าไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นออกไปเราก็จะไม่ได้โดนซักถามโดนแซะ จนนอยด์ ตอนไปงานอื่นก็โดนถามไรประมาณนี้แต่ไม่ได้มากเท่าคนนี้ เวลาสถานที่มันทำให้เราแฮปปี้ ไม่ก็การสังสรรค์แล้วคนเมากัน มันทำให้เราหลุดความคิดพวกนี้ออกไป ซึ่งคนที่ถามไม่ได้จำเป็นต้องรู้ การเงียบไม่ใช่การหลีกเลี่ยงเพราะเรากลัว หรือ ไม่มั่นใจ แต่กลับเป็นการทำให้เราไม่ต้องปวดหัวกับมนุษย์ป้าต่างหากค่ะ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
