Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธรรมะ คือ คุณากรณ์
•
ติดตาม
14 ต.ค. เวลา 07:19 • ปรัชญา
watthakhanun
วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ วันนวมินทรมหาราช คือ วันคล้ายวันสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา
กระผม/อาตมภาพนำคณะญาติโยม ผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๗/๒๕๖๘ ภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบตั้งแต่ตี ๓ พร้อมกับจารพระพุทธรูปต่าง ๆ ที่ญาติโยมได้ถวายมาในงานกฐิน แล้วเอาเข้าพิธีภาวนาพระคาถาเงินล้านใน
ครั้งนี้ด้วย กว่าจะจารครบถ้วนสมบูรณ์ก็ใช้เวลาไปเป็นชั่วโมง
เสร็จสรรพจากงานภาวนาพระคาถาเงินล้านแล้ว วันนี้ทางวัดท่าขนุนงดบิณฑบาต เนื่องเพราะว่าที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งจัดงานวันนวมินทรมหาราช ได้นิมนต์พระเพื่อทำการสวดพระพุทธมนต์ และใส่บาตรถวายพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ ๙
โดยนิมนต์พระวัดท่าขนุน ๓๐ รูป ประกอบกับยังอยู่ในช่วงงานบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติด้วย กระผม/อาตมภาพจึงให้ประกาศหยุดการบิณฑบาต ๒ วัน เนื่องเพราะว่าวันรุ่งขึ้น ก็คือวันที่ ๑๔ ตุลาคมนั้น จะเป็นงานทำบุญถวายหลวงปู่สายทุกเดือนในช่วงนอกพรรษา ซึ่งเป็นวันที่พระวัดท่าขนุนของเราหยุดการบิณฑบาต ให้
ญาติโยมทั้งหลายไปใส่บาตรที่วัดแทน
เมื่อฉันเช้าร่วมกับบรรดาญาติโยมผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ ท่านนายอำเภอชาคริต ตันพิรุฬห์ มาต้อนรับกระผม/อาตมภาพและคณะ ซึ่งวันนี้ตัวกระผม/อาตมภาพต้องทำหน้าที่ประธานสงฆ์ ในการสวดพระพุทธมนต์พิธีบำเพ็ญกุศลวันนวมินทรมหาราช
โดยที่พระเดชพระคุณพระครูวรกาญจนโชติ, ดร. เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมินั้น ท่านพยายามจัดพระครูสัญญาบัตร พระมหาเปรียญ ผู้ทรงสมณศักดิ์ เป็นชุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ตลอดจนกระทั่งถึงวันพ่อแห่งชาติ หรือว่าวันนวมินทรมหาราช บรรดาพระครูสัญญาบัตรและมหาเปรียญ ตลอดจนกระทั่งพระฐานานุกรมผู้ทรงสมณศักดิ์ จะได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกงาน
แต่ด้วยความที่กระผม/อาตมภาพนั้นไม่ทราบว่าไปติดหวัดจากผู้ใด แล้วก็เจ้ากรรมเถอะ..วันนี้ไมโครโฟนทุกตัวดังหมด ยกเว้นตัวที่กระผม/อาตมภาพใช้งานอยู่ ดัง
นั้น..ในช่วงให้ศีล จึงต้องตะเบ็งเสียงให้ดัง เพื่อที่จะได้ยินทั่วถึงกันทั้งหอประชุม ปรากฏว่าให้ศีลยังไม่ทันจะจบดี ซุ่มเสียงก็หายหมดแล้ว ครั้นจะมอบหมายให้พระครูสุตกาญจนวัฒน์, ดร. เจ้าอาวาสวัดวังปะโท่ ท่านดำเนินการแทน ท่านเองก็ไม่ถนัดในงานพิธีหลวงแบบนี้ จึงต้องฝืนใจขึ้นบทสวดด้วยเสียงแหบ ๆ ทำเอาคนอื่นตามกันแทบจะไม่ไหว..!
ครั้นเห็นว่าไปไม่รอดจริง ๆ กระซิบบอกพระครูสุตกาญจนวัฒน์, ดร.ท่าน ก็ยังไปพลาดในช่วงสุดท้ายอีก ก็คือการยถา ฯ สัพพี ฯ โดยปกติแล้วงานหลวงหรืองานของส่วนราชการ ก็ต้องมีการสวดสัพพีฯ ๓ จบ แต่ท่านพระครู ดร.ตัดเหลือจบเดียว ไม่สามารถที่จะห้ามทันหรือเปลี่ยนแปลงได้ เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับ
ประสบการณ์ของแต่ละรูปแต่ละท่าน
ดังที่กระผม/อาตมภาพเคยเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งเล่าให้ญาติโยมทั้งหลายฟังว่า ในช่วงที่เป็นพระใหม่ ๒ พรรษาแรก กระผม/อาตมภาพออกงานทุกงานที่ขวางหน้า ก็คือนอกจากไปตามคิวกิจนิมนต์ของตนเองแล้ว ยังต้อง
ไปแทนพระพี่พระน้องอีกเป็นจำนวนมาก
เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้นไปเป็นนาคอยู่ที่วัดท่าซุง ๓๗ วัน นอกจากการถวายการรับใช้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ในแต่ละช่วงของการลงรับแขกแล้ว เวลาที่เหลือก็คือซ้อมท่องขานนาคและพิธีกรรมต่าง ๆ ในการอุปสมบท
แต่ด้วยความที่เป็นคนความจำดี ใช้เวลา ๒ วันก็มีความคล่องตัวทุกอย่าง เวลาที่เหลือจึงใช้ในการท่องบทสวด ๗ ตำนาน ๑๒ ตำนาน ว่ากันจนได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้น..เมื่อบวชเสร็จก็สามารถที่จะออกงานได้เลย เพียงแต่ว่าต้องมีรุ่นพี่แนะนำว่าแต่ละงานใช้บทอะไรบ้าง
ขนาดนั้นก็ยังมีการทิ่มผิด เนื่องเพราะว่าในตอนฉันเพลของวันหนึ่ง กระผม/อาตมภาพถึงคิวที่จะต้องให้พรญาติโยม ก็ปรากฏว่าส่วนใหญ่ได้ยินรุ่นพี่ท่านขึ้นบท
สัพพะโรคะ วินิมุตโตฯ ไปเลย กระผม/อาตมภาพก็ขึ้นไปด้วยความมั่นใจ ผลปรากฏว่าหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ (พระราชภาวนาโกศล วิ.) ซึ่งในตอนนั้นยังเป็นพระอนันต์ พทฺธญาโณ ยังไม่ได้เป็นแม้แต่พระฐานานุกรมของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกว่า "วันนี้มีเจ้าภาพถวายภัตตาหารให้กับญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว ถ้างานลักษณะอย่างนี้ เมื่อยถาฯ สัพพีฯ แล้ว ต้องขึ้นบท อะยัญจะ โขฯ ด้วย"
โดยปกติค่านิยมทั่ว ๆ ไปก็คือ ถ้าอยู่ต่อหน้าศพ เราจะขึ้นเต็มบทตั้งแต่ "อะทาสิ เม อะกาสิ เม ญาติมิตตา สะขา จะ เมฯ" แต่ถ้าหากว่าเป็นงานทำบุญอัฐิ หรือว่าเจ้าภาพนำมาแต่รูปผู้ตาย เราก็จะขึ้นตรง "อะยัญจะ โข ทักขิณา ทินนาฯ" เป็นต้นไป ด้วยความที่กระผม/อาตมภาพไม่ทราบว่าวันนี้มีเจ้าภาพ ก็เลยขึ้นบท "สัพพะโรคะ วินิมุตโตฯ" ว่าจบไปเลย
ยังดีที่หลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ท่านเมตตาบอกไว้ จึงทำให้คิดว่าเราจะต้องออกงานจนกว่าจะรู้ว่า แต่ละงานเขาใช้บทสวดอะไร ? บทให้พรอย่างไร ? มีพิธีกรรมพิธีการอย่างไรบ้าง ? จึงกลายเป็น "มือปืนรับจ้าง" ก็คืออยู่ในลักษณะที่ว่า ถึงไม่ใช่คิวนิมนต์
ของตนเอง แต่พระพี่พระน้องท่านใดให้ไปแทนก็ไปทันที ไม่ได้ไปเพราะหวังปัจจัยไทยธรรม แต่ไปเพื่อศึกษาว่าแต่ละงานนั้นใช้บทสวดอะไรบ้าง ? ไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานแต่ง งานศพ เหล่านี้เป็นต้น จนกระทั่ง ๒ พรรษาผ่านไป มั่นใจว่าตนเองรู้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ก็เริ่ม "โบ้ย" ภาระให้กับรุ่นน้องที่มีใจทางนี้ไปแทนบ้าง
เมื่อมีการศึกษาขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ว่าจะงานหลวง งานราษฎร์ จนกระทั่งมั่นใจตัวเอง ก็สามารถที่จะให้คำแนะนำ ตลอดจนกระทั่งกระทำได้ถูกต้อง เพียงแต่ว่าท่านที่มีประสบการณ์น้อย ก็อาจจะมีความผิดพลาดได้ เพียงแต่ว่าความผิดพลาดในลักษณะนี้ พระเรามักจะรู้กันเอง ญาติโยมไม่รู้ เพราะว่าฟังออกน้อยมาก มักจะฟังขลัง ๆ ไปว่าเป็นการให้พรภาษาบาลีเท่านั้น..!
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๘
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย