ถ้าเราจ่ายเบี้ยประกันต่อไม่ไหว ทำอย่างไรต่อดี มีทางเลือกอะไรบ้างเพื่อยังคงได้รับความคุ้มครอง
ก่อนจะตัดสินใจซื้อประกันชีวิตหลายคนคงจะประเมินทั้งจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ครอบคลุมเพียงพอต่อภาระหนี้ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ของคนในครอบครัวในวันที่ไม่มีเราอยู่ โดยจำนวนความคุ้มครองนั้นควรจะต้องสอดคล้องกับความสามารถจ่ายเบี้ยประกันได้ครบตามระยะเวลาที่กำหนดด้วย เพื่อ
แต่ในบางช่วงจังหวะชีวิตของบางคนอาจจะเจอเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบกับเงินในกระเป๋า หรือมีเหตุฉุกเฉินต้องใช้เงินก้อนใหญ่ จนทำให้เรามีเงินหมุนเวียนไม่เพียงพอในการชำระเบี้ยประกันปีต่อไป
วันนี้เราเลยรวบรวมทางเลือกที่ช่วยลดภาระเบี้ยประกันมาฝาก โดยจะแบ่งเป็น 3 กรณี ดังนี้
1. จ่ายชำระเบี้ยประกันไม่ไหวในระยะสั้น
- ชำระเบี้ยประกันในระยะเวลาผ่อนผัน โดยบริษัทประกันจะมีระยะเวลาผ่อนผันให้ 31 วันนับตั้งแต่วันครบกำหนดชำระ และเรายังคงได้รับความคุ้มครองตามปกติ ช่วงระยะเวลาผ่อนผันนี้เรายังพอมีเวลาหาเงินมาชำระเบี้ยประกันได้ หากเสียชีวิตในช่วงผ่อนผันนี้ กรมธรรม์ก็ยังคงให้ความคุ้มครองตามปกติ และบริษัทประกันภัยจะจ่ายเงินชดเชยตามทุนประกันชีวิต แต่จะหักเบี้ยประกันที่ค้างชำระออกไปจากเงินชดเชย
- ชำระเบี้ยประกันด้วยบัตรเครดิต ก็จะทำให้รอบบัญชีชำระเงินเลื่อนออกไปอีก แต่ต้องไม่ลืมชำระบัตรเครดิตเมื่อถึงกำหนดชำระด้วยนะ เพื่อไม่ต้องเสียดอกเบี้ยของบัตรเครดิต
- เปลี่ยนงวดการชำระเบี้ยประกัน โดยเปลี่ยนเป็นงวดที่น้อยกว่า เช่น จากรายปี มาเป็นรายเดือน ราย 3 เดือน หรือ 6 เดือน เป็นต้น เพื่อช่วยให้ไม่ต้องชำระค่าเบี้ยด้วยเงินก้อนใหญ่ทีเดียว แต่ใช้วิธีทยอยจากเป็นรายงวด
2. จ่ายชำระเบี้ยประกันไม่ไหวในระยะยาว
- ลดจำนวนเงินเอาประกันภัยลง เพื่อช่วยให้เบี้ยประกันที่จ่ายน้อยลง โดยจำนวนเงินเอาประกันที่ขอลดต้องไม่ต่ำกว่าทุนประกันขั้นต่ำที่กำหนด และต้องไม่มีหนี้กับบริษัทประกันชีวิตนั้นขณะขอลดทุนประกัน
- เปลี่ยนแบบกรมธรรม์ที่ถูกลง อาจมีแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกันแต่มีค่าเบี้ยที่แตกต่างกันเล็กน้อย ทั้งนี้จะต้องตรวจสอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของบริษัทในการขอเปลี่ยนแบบประกันภัยเป็นแบบอื่น
- ยกเลิกสัญญาเพิ่มเติมแนบท้าย จะเหลือจ่ายแค่เบี้ยประกันของสัญญาหลักเท่านั้น เช่น ทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพในกรมธรรม์ฉบับเดียวกัน ในปีถัดไปขอยกเลิกประกันสุขภาพ และเหลือเพียงประกันชีวิตอย่างเดียว
3. ไม่สามารถจ่ายเบี้ยประกันได้อีก
- เปลี่ยนเป็นกรรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ : เปลี่ยนหรือลดวงเงินเอาประกัน แต่จะยังได้รับความคุ้มครองในระยะเวลาเท่าเดิม
- เปลี่ยนเป็นกรรมธรรม์แบบขยายเวลา : จะยังได้รับเงินเอาประกันเท่าเดิมตามที่ทำประกันไว้ แต่ระยะเวลาความคุ้มครองจะลดลง
- นำมูลค่าเวนคืนมาชำระเบี้ยประกันภัยโดยอัตโนมัติ : เมื่อถึงวันสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันชำระเบี้ยประกันแล้วยังไม่ได้จ่าย บริษัทจะกู้เงินอัตโนมัติเพื่อมาชำระค่าเบี้ยแทน และคิดอัตราดอกเบี้ยทบต้นตามอัตราดอกเบี้ยที่ระบุในกรมธรรม์ และบวกดอกเบี้ยเพิ่มอีก 2% ต่อปี
- เวนคืนกรมธรรม์ (ยกเลิกกรมธรรม์) : ขอยกเลิกกรมธรรม์ เพื่อจะได้เงินสดคืนจากบริษัท โดยเงินสดที่ได้คืนอาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าเบี้ยทั้งหมดที่เคยจ่ายไปก็ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ การยกเลิกประกันหรือปล่อยประกันชีวิตขาดสัญญา ควรจะเป็นทางเลือกสุดท้ายถ้าจ่ายเบี้ยประกันไม่ไหวจริงๆ เพราะทางเลือกนี้ทำให้เราขาดความคุ้มครองและต้องแบกรับความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่สามารถประเมินความสูญเสียนั่นเอง
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
