14 ต.ค. เวลา 13:44 • นิยาย เรื่องสั้น

🌅 ทฤษฎีการพบกันครั้งสุดท้าย

แนว: โรแมนติกอบอุ่นหัวใจ / ฉากภาคใต้ติดทะเล
เสียงคลื่นซัดกระทบชายหาดยามเช้า เบา ๆ และต่อเนื่อง เหมือนเสียงลมหายใจของทะเลที่ไม่เคยหลับ กิ่งก้าวเท้าเปล่าลงบนผืนทรายเย็นชื้นหลังฝนเมื่อคืน กลิ่นเกลือจาง ๆ ลอยมากับลม เขายืนมองเส้นขอบฟ้าที่เริ่มมีแสงสีทองของอาทิตย์แรกของวัน ละอองหมอกบางเบาไหลผ่านต้นมะพร้าวเรียงรายราวกับม่านบาง ๆ ที่กั้นระหว่างความฝันกับความจริง
เขากลับมาที่นี่...หลังจากจากไปกว่า 15 ปี
หมู่บ้านชายทะเลเล็ก ๆ แห่งนี้เคยเป็นทุกสิ่งในวัยเด็กของเขา ทั้งสนามเด็กเล่น ห้องเรียน และโลกทั้งใบที่มีชื่อหนึ่งอยู่ตรงกลาง — “เมย์”
บทที่ 1 : เด็กชายจากชานเมือง
ในวัยอนุบาล หมู่บ้านเล็ก ๆ ริมทะเลทางใต้มีเด็กในรุ่นเดียวกันเพียงคนเดียว — กิ่ง เด็กชายผิวคล้ำจากแดด ท่าทางขี้อายแต่ตาเป็นประกาย เขาเป็นลูกชายชาวสวนมะพร้าวที่บ้านอยู่ชานเมือง ต้องนั่งรถเมล์เก่าของอาอุ่นไปเรียนในตัวตำบลทุกวัน รถเมล์คันนั้นสีซีดสนิมเกาะ แต่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ และกลิ่นน้ำมันดีเซลผสมกลิ่นทะเล
วันที่เขาเริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล เขาไม่รู้เลยว่าโลกของเขาจะเปลี่ยนไปเพราะเด็กหญิงคนหนึ่งที่มาพร้อมรถเก๋งสีขาว
เมย์ ลูกสาวเจ้าของโรงสีในอำเภอ — เด็กหญิงผิวขาวผมยาว มีริบบิ้นสีชมพูติดผมตลอดเวลา เธอยิ้มเก่ง ชอบแบ่งขนมให้เพื่อน ๆ และมักจะเป็นศูนย์กลางของกลุ่มเด็ก ๆ ทุกครั้งที่เล่นกัน เธอเรียกกิ่งว่า “ไอ้เด็กบ้านชานเมือง” ด้วยน้ำเสียงหยอก ๆ แต่กิ่งไม่เคยโกรธ เขากลับจำได้ทุกคำพูดของเธอ
เขาเรียนเก่งกว่าเด็กทุกคนในโรงเรียน ไม่เพราะเก่งโดยกำเนิด แต่เพราะทุกเย็นหลังกลับจากโรงเรียน เขาจะอ่านหนังสือใต้แสงตะเกียงน้ำมันก๊าด แม่เคยพูดว่า “กิ่งเป็นความหวังของหมู่บ้านนะลูก” คำพูดนั้นเหมือนคำสาบานเงียบ ๆ ที่เขาจะไม่ยอมให้ใครผิดหวัง
บทที่ 2 : เด็กหญิงกับรอยยิ้มใต้ต้นหูกวาง
เมย์มักจะนั่งรอกิ่งหลังเลิกเรียนทุกวันใต้ต้นหูกวางหน้าโรงเรียน เธอมักถือหนังสือการ์ตูนหรือขนมมากินระหว่างรอรถเก๋งของพ่อมารับ
“กิ่ง วันหลังอยากนั่งรถเรามั้ย?”
“ไม่เป็นไร เราขึ้นรถเมล์ของอาอุ่นได้”
“แต่รถเมล์นั่นเสียงดังจะตาย”
“แต่ถ้าไม่นั่ง ก็ไม่มีใครคุยกับอาอุ่นสิ”
เด็กหญิงหัวเราะ “พูดเหมือนผู้ใหญ่เลยนะ”
เสียงหัวเราะของเธอทำให้หัวใจเด็กชายอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
เวลาผ่านไปจนถึงประถมปลาย ทั้งคู่สนิทกันอย่างบอกไม่ถูก เมย์จะขอให้กิ่งช่วยสอนการบ้านทุกครั้ง ส่วนกิ่งก็แอบดีใจที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน ถึงแม้เธอจะไม่เคยรู้ว่าเขาแอบเก็บเศษกระดาษโน้ตที่เธอเขียนคำว่า “ขอบใจนะ” ไว้ทุกแผ่นในกล่องเหล็กเล็ก ๆ ใต้หมอน
บทที่ 3 : การจากลาครั้งแรก
วันหนึ่งในชั้น ป.6 ครูใหญ่เรียกกิ่งไปพบและแจ้งข่าวว่า เขาได้รับทุนเรียนต่อในโรงเรียนประจำจังหวัด เป็นทุนเต็มจากมูลนิธิ
เขากลับมาบอกแม่ด้วยความดีใจ แต่ในคืนนั้น เขากลับนั่งมองทะเลเงียบ ๆ เพราะรู้ว่าต้องจากบ้าน — และจากเธอ
วันสุดท้ายของเทอม เมย์ยื่นของขวัญให้เขา
“นี่...สร้อยลูกปัด เราร้อยเองนะ ถ้ากลับมาอย่าลืมใส่มาให้ดูด้วย”
เขารับไว้และพยักหน้า “สัญญา”
แต่ไม่มีใครรู้ว่านั่นจะเป็นวันสุดท้ายที่พวกเขาได้เจอกันในวัยเด็ก เพราะอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เมย์ก็เดินทางไปเรียนต่างประเทศกับครอบครัว
บทที่ 4 : เมืองใหญ่กับคนตัวเล็ก
ชีวิตในเมืองสำหรับกิ่งไม่ง่ายเลย แต่เขาไม่เคยลืมภาพต้นหูกวางและรอยยิ้มของเมย์
เขาเรียนต่อด้านเกษตรศาสตร์ เพราะอยากกลับมาพัฒนาบ้านเกิด เขาเรียนหนัก ทำงานพิเศษทุกชนิด ตั้งแต่ขายน้ำ ไปจนถึงปลูกผักในกระถางขาย เพื่อส่งเงินกลับบ้าน
หลายคืนในหอพัก เขาหยิบสร้อยลูกปัดที่เก็บไว้ขึ้นมาดู เศษลูกปัดบางเม็ดหลุดไปแล้ว แต่ความรู้สึกกลับแน่นกว่าเดิม
เขามักจะคิดถึงประโยคหนึ่งที่เมย์เคยพูด “ถ้าเราตั้งใจจริง ๆ สักวันโลกอาจพาเรามาเจอกันอีกก็ได้นะ”
มันกลายเป็น ทฤษฎีเล็ก ๆ ในใจของเขา — “ทฤษฎีการพบกันครั้งสุดท้าย”
ความเชื่อที่ว่า หากใครสักคนยังจำได้ด้วยหัวใจ โลกจะจัดให้พบกันอีกครั้ง
บทที่ 5 : กลับบ้าน
หลังเรียนจบ เขากลับมาบ้านพร้อมความฝันจะทำเกษตรแบบยั่งยืน เขาเปลี่ยนสวนมะพร้าวของครอบครัวให้เป็น “ฟาร์มท่องเที่ยวเชิงเกษตร” และเปิดโฮมสเตย์เล็ก ๆ ติดชายหาดชื่อ “บ้านกิ่งฟ้า”
ในทุกเช้า เขาจะเดินออกไปชายหาด ดูพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนตอนเด็ก ๆ และพูดในใจว่า “วันนี้...เธอจะอยู่ที่ฟากฟ้าไหนนะ เมย์”
ธุรกิจของเขาเติบโตจนมีรายได้ดี นักท่องเที่ยวเริ่มรู้จักที่นี่ เขามีทีมงานท้องถิ่นหลายคน และยังเป็นคนหนุ่มที่หญิงสาวในหมู่บ้านพูดถึงเสมอ แต่กิ่งไม่เคยเปิดใจให้ใคร
บทที่ 6 : หญิงสาวจากเมืองกลับมา
เช้าวันหนึ่ง รถเก๋งสีขาวจอดหน้าฟาร์ม เสียงล้อบดกับกรวดเบา ๆ ก่อนประตูรถเปิดออก
หญิงสาวในชุดเรียบง่าย สวมหมวกฟางลงจากรถ เธอยืนมองทุ่งมะพร้าวและเสียงคลื่น ก่อนจะหันมาเจอกับสายตาของชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงระเบียง
กิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง — เพราะแม้เวลาจะผ่านไปนาน แต่เขาจำแววตาคู่นั้นได้ทันที
“เมย์...” เขาเรียกชื่อเธอเบา ๆ
เธอยิ้ม — ยิ้มแบบเดียวกับเมื่อครั้งใต้ต้นหูกวาง
“กิ่ง จำเราได้ด้วยเหรอ”
“ใครจะลืมได้”
เธอหัวเราะเบา ๆ “เราเห็นข่าวในเพจท่องเที่ยว ว่ามีโฮมสเตย์เกษตรชื่อบ้านกิ่งฟ้า เลยอยากมาเที่ยวดู...ไม่คิดว่าจะเป็นนายจริง ๆ”
“ก็นี่ไง ฟ้าเลยพาเธอกลับมา”
บทที่ 7 : ฟ้าหลังฝน
เมย์พักอยู่ที่โฮมสเตย์นั้นสามวัน เธอเดินชมสวน ฟังเขาเล่าเรื่องปลูกผัก ปลูกมะพร้าว และเลี้ยงแพะ ในแต่ละวันพวกเขาเหมือนได้ย้อนเวลา
คืนหนึ่งหลังฝนตก ทั้งคู่ยืนอยู่ริมชายหาด ฟ้าหลังฝนส่องแสงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า
“ยังจำสร้อยลูกปัดได้ไหม” เขาถาม
“แน่นอนสิ...” เธอยิ้ม “แต่เราไม่มีแล้ว ของเราขาดตอนอยู่เมืองนอก”
“ของเรายังอยู่” เขาหยิบสร้อยที่แขวนไว้ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมา “เราเก็บไว้ตลอด”
เธอมองด้วยแววตาอ่อนโยน “นายไม่เปลี่ยนเลย”
“เราก็คิดแบบเดียวกัน...”
เสียงคลื่นซัดเบา ๆ ใต้ฟ้าสีเงิน และนาทีนั้น โลกทั้งใบดูเหมือนจะเงียบ เหลือเพียงเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นประสานกันอย่างพอดี
บทที่ 8 : ทฤษฎีที่เป็นจริง
วันสุดท้ายก่อนเธอกลับ เมย์เดินไปที่ต้นหูกวางหน้าโรงเรียนเก่าซึ่งตอนนี้กลายเป็นอาคารอนุรักษ์ เธอวางมือลงบนเปลือกไม้ แล้วหันมามองเขา
“จำได้ไหม นายเคยบอกเราว่า ถ้าใครยังจำอีกคนได้ โลกจะพามาเจอกันอีก”
“อืม เราเรียกมันว่า ‘ทฤษฎีการพบกันครั้งสุดท้าย’”
“งั้นเรามาพบกันครั้งสุดท้าย...เพื่อเริ่มต้นอีกครั้งดีไหม”
กิ่งยิ้ม แล้วพยักหน้า
บทส่งท้าย : ฤดูที่กลับมา
หลายปีต่อมา “บ้านกิ่งฟ้า” กลายเป็นโฮมสเตย์ยอดนิยมริมทะเลใต้ เมย์และกิ่งทำงานร่วมกัน เขาดูแลฟาร์ม เธอดูแลการตลาด และสอนภาษาอังกฤษให้เด็กในหมู่บ้าน
ทุกเย็น ทั้งคู่จะนั่งริมชายหาดดูพระอาทิตย์ตก มือของทั้งสองประสานกันอย่างแน่นแฟ้น
“บางที...” เธอพูดเบา ๆ
“อะไรเหรอ”
“บางที การพบกันครั้งสุดท้าย...อาจไม่ได้หมายถึงการจากลา แต่อาจหมายถึงครั้งสุดท้ายที่เราต้องอยู่คนเดียว”
เขาหันมามอง ยิ้ม และพูดเพียงคำเดียวว่า
“ใช่ — ครั้งสุดท้ายที่เรารอใครบางคน”
เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งอีกครั้ง เหมือนคำตอบจากทะเล
และใต้ฟ้าหลังฝน — ทฤษฎีการพบกันครั้งสุดท้าย
ก็กลายเป็น ทฤษฎีของการเริ่มต้นตลอดไป 🌅
โฆษณา