15 ต.ค. เวลา 17:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ
My DCA Project Ep 3: "เดือนที่ 5"
ใจจริงผมก็อยากจะมาเขียนเป็นประจำในทุกช่วงสิ้นเดือนนะครับ แต่เนื่องจากว่า ช่วงที่ผ่านมา ในบางจังหวะ หุ้นมีการย่อตัวลงมาบ้าง + ผมคันมือ ก็เลยซื้อไปเล่น ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาส
ทำไปทำมา ผมก็เลยได้ซื้อส่วนของเดือนนี้ครบไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
และเห็นว่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ งบ ASML ก็ออกพอดี ผมก็เลยใช้โอกาสนี้เขียนสรุปของเดือนนี้มันซะเลยแล้วกัน
จะสรุปเป็นข้อ ๆ ให้อ่านแบบง่าย ๆ ดังนี้ครับ
- ใน Ep ก่อน พอร์ตนี้มีหุ้นทั้งหมดอยู่ 47 ตัว และในเดือนนี้ ผมหามาเติมได้อีก 3 ตัวจนครบ 50 ตัวแล้วครับ ต่อจากนี้ผมตัดสินใจแล้วว่า จะไม่หามาเพิ่มเข้าพอร์ตนี้อีก ถ้าจะซื้อก็คงเข้าพอร์ตส่วนตัวแล้ว
หุ้น 3 ตัวที่เข้ามาใหม่ ประกอบด้วย
COST สุดยอดหุ้นคุณภาพดี ที่อาจจะไม่ได้เติบโตร้อนแรงแล้วก็ตาม แต่ผมก็ชอบบริษัทนี้มาก และคิดว่าในระยะยาวมาก ๆ บริษัทนี้ก็น่าจะยังอยู่ได้
RBRK ซึ่งอยู่ในหมวด Cybersecurity อีกตัว ที่ Unique ดี
ผมไปลองเช็คดูแล้ว ในบรรดาบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรม เจ้าที่เก่ง ๆ ก็ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่ RBRK ทำกันสักเท่าไร ในหมวดของ Data Recovery ผมว่าน่าสนใจ และสิ่งที่ RBRK ทำ ก็ดูโดดเด่นดี
ตอนแรกลังเลว่าจะเอา ZS เข้ามา ซึ่งผมอ่านแล้วก็ชอบนะ แต่ Product ของบริษัทดูจะทับซ้อนกับ PANW พอสมควร และยังถือว่าเล็กมาก ซึ่งผมยังมองไม่ออกว่า บริษัทจะขยายไปเป็น Platform ครบวงจรและกลายเป็นมหาอำนาจในอุตสาหกรรม แบบ PANW และ CRWD แบบที่ผมเห็น ได้อย่างไร
สุดท้ายก็เลยจำใจต้องตัดออกไป เพราะผมอยากจะถือหุ้น โดยที่ไม่ต้องมาคิดเรื่องขายมันบ่อย ๆ
ผมยังเชื่อว่า ZS ยังโตได้อีกแหละ แต่ผมมองไม่ออกว่า จากสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน บริษัทจะกลายเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมแบบเจ้าอื่นอย่างไร
บอกไว้ก่อนว่า ไอ้ที่ผมเขียนมา ผมอาจจะผิดมากกว่าถูกนะครับ เพราะผมก็ยังมองว่าอุตสาหกรรม Cybersecurity มันเข้าใจยากมาก ผมเลยเน้นมองไปที่ Business Model, ขนาด, และการจัดสรรเงินทุนของบริษัท มาประกอบในการเลือกหุ้นครับ
1
และมีหุ้นอีกตัวนึงที่ผมอยากได้มาก และรู้สึกว่าตัวเองพลาดไป เคยดูคร่าว ๆ เมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด และใช้ Product ของเค้าอยู่เป็นประจำด้วย
หุ้นตัวนั้นคือ NET ครับ ต้องยอมรับเลยว่า Hamilton Helmer เก่งมากจริง ๆ ที่ถือหุ้นตัวนี้มานาน แล้วได้หลายเด้งด้วย
ผมพลาดจริง ๆ เพราะผมใช้ VPN ของเค้าอยู่ และคิดไปว่าเค้าทำแค่ VPN จนลืมไปถึงคุณภาพที่แท้จริงที่บริษัทซ่อนอยู่
จนมาตอนนี้หุ้นตัวนี้ก็ราคาแพงเกินไป ไปดู Multiple อย่าง P/FCF แพงมากกว่า PLTR ด้วยซ้ำ เพราะมันสูงถึง 380 เท่า
ผมก็หวังว่าสักวันมันจะย่อลงมาบ้าง ให้ผมได้เป็นเจ้าของกับเค้าบ้าง
และหุ้นตัวที่ 50 ที่เข้ามาในพอร์ตนี้ก็คือ MNDY จากอิสราเอลครับ
เมื่อก่อนเห็นโฆษณาใน YouTube บ่อย ๆ แต่ผมไม่เคยเหลียวแลเลย เพราะมองว่า มันจะไปสู้พวก NOW และ CRM ได้อย่างไร
แต่พอได้ลองศึกษาดู เห็นกลยุทธ์การทำธุรกิจที่แตกต่าง + Valuation ที่ผมคิดว่า ไม่ได้แพงเลย ถ้าเทียบกับ Potential ในการ Growth สำหรับบริษัทที่อยู่ในตลาดที่ใหญ่พอสมควร
ก็เลยทำให้ตัดสินใจเลือกหุ้นตัวนี้มาครับ
แต่ความเสี่ยงที่ทำให้ผมกลัว ก็มีเหมือนกันคือ วันใดที่ NOW กับ CRM โดดเข้ามาแข่งในตลาด SMB ด้วย บริษัทอาจจะลำบากก็ได้
1
- เริ่มคิดถึงการเอาหุ้นบางตัวออกจากพอร์ต
ในบรรดาหุ้น 50 ตัวที่ผมถืออยู่ในพอร์ตนี้ ผมพูดได้ว่า ผมรักพวกมันทั้งหมด แต่แค่มีบางตัว ที่อาจจะรู้สึกว่า รักน้อยหน่อย
พวกนี้ก็คือ
NVO (ไปอ่าน LLY มา แล้วชอบมากกว่าครับ ไม่ใช่ NVO ไม่ดีนะครับ)
BKNG
GTLB
และ LMND
ส่วน GTLB กับ LMND ผมว่ามันไม่ได้แย่เลย แต่แค่ผมรู้สึกว่า มีหุ้นเทพบางตัวที่ผมอยากเอามาแทนที่ในพอร์ตมากกว่า แต่ก็ยังไม่รู้ว่า จะพิจารณาเปลี่ยนหุ้นเมื่อไร
สำหรับ NVO ผมคิดเอาง่าย ๆ ว่า ถ้าขึ้นมาสัก 100% ก็อาจจะตัดสินใจขาย เหมือนในพอร์ตฟาลังซ์ก็เหมือนกัน ถ้ามันขึ้นมาเด้งนึง ผมว่าก็จะปล่อยแล้วครับ
- จุดประสงค์ของการทำสิ่งเหล่านี้ทุกเดือน
ผมอยากลอง Challenge กับตัวเองเล่น ๆ ดูว่า จากมูลค่าพอร์ตในปัจจุบันนี้ ถ้าผม DCA ทุกเดือน เดือนละ 5,000 บาท และทำผลตอบแทนทบต้นได้ CAGR 12% ต่อปี ไปอีก 354 เดือนที่เหลือ
ในตอนสุดท้าย พอร์ตนี้ควรจะมีมูลค่าประมาณ 17,200,000 บาท
ผมก็คิดเล่น ๆ ว่า ด้วยระยะเวลา 30 ปีที่เราอดทนทำกันมาต่อเนื่องแบบนี้ ถ้าในวันนั้น เราเป็นคนที่มีอายุมากกันแล้ว จนไม่มีแรงจะทำงาน แต่เรามีเงินจากพอร์ตนี้ 17,200,000 บาท
แล้วต่อจากนั้นเป็นต้นไป เลือกแปลงเงินในพอร์ตนี้ ให้มาเน้นสร้าง Passive Income ที่ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยสัก 5% ต่อปี
เราก็จะได้กระแสเงินสด ปีละ 860,000 บาท หรือตกเดือนละ 71,667 บาท
สมมติว่าทุกวันนี้ เรามีค่าใช้จ่ายต่อเดือน เดือนละ 20,000 บาท โดยที่ยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อยู่
ถ้าเกิดเงินเฟ้อปีละ 3% ไปอีก 354 เดือน เงินที่เราจะต้องใช้จ่ายในตอนนั้น เพื่อให้ได้คุณภาพชีวิตเท่ากับตอนนี้ จะเท่ากับ 48,406 บาท
จะเห็นว่า หากเราทำได้ตามแผน ในตอนนั้น Passive Income ของเรา ก็จะยังมากกว่าค่าใช้จ่ายต่อเดือน ถึง 23,260 บาทเลย
ซึ่งเงินก้อนที่เหลืออยู่นี้ เราก็ยังสามารถเก็บสำรอง หรือเอาไป Reinvest เพิ่มได้ทุกเดือนไปเรื่อย ๆ โดยที่เงินต้นของเรา จะไม่มีวันหมดลงเลย
แต่แน่นอน ก็มีโอกาสอยู่เหมือนกัน ที่เราจะทำผลตอบแทนได้ไม่ถึง 12% ต่อปี
ผมไปลองคำนวณดูคร่าว ๆ ว่า ถ้าเราทำได้ต่ำกว่า 11% ต่อปี เงินก้อนสุดท้ายของเรา จะไม่สามารถสร้าง Passive Income ได้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่ปรับเงินเฟ้อแล้ว
ซึ่งวิธีแก้ ก็มีอยู่หลายทาง เช่น ออมเพิ่มให้เยอะขึ้น, ใช้จ่ายให้น้อยลง, สำรองเงินในส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติม, หรือทำทั้งหมดนี้เลย
เรื่องนี้แต่ละคนก็ต้องไปเลือกกันเอาเองว่าอยากจะทำแบบไหนครับ แต่สำหรับผม พอร์ตนี้มันคือการทดลองทางสมมติฐานของผมครับว่า มันจะเป็นไปตามที่ผมคิดหรือป่าว
ผมไม่ได้มาแนะนำให้ใครมาทำตาม ผมแค่อยากทำเอาสนุกของตัวเอง และในตอนสุดท้ายจะได้สรุปผลว่า วิธีนี้ที่ผมอดทนทำมา 30 ปี มันเวิร์คจริงหรือไม่
เงินจำนวน 17 ล้านบาท พูดกันตามตรง ในอีก 30 ปีข้างหน้า ก็ไม่ได้นับว่าเป็นคนรวยอะไร ยังไม่ได้เป็น Millionaire ด้วยซ้ำ
แต่หากทุกวันนี้ เราใช้เงินประมาณไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน แล้วยังมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขได้แบบสบายกายสบายใจ
การออมเดือนละ 5,000 ทุกเดือน เป็นเวลา 30 ปี + มหัศจรรย์ของการทบต้น เงินจำนวนนี้สามารถเติบโตเป็น 17 ล้านบาทได้
และ 17 ล้านบาท ก็สามารถสร้าง Passive Income ที่มากกว่าค่าใช้จ่ายเพื่อการดำรงชีวิตของเราได้
นั่นก็ถือว่า การกระทำแบบนี้ของเราซ้ำ ๆ ในอนาคตมันจะสามารถซื้ออิสรภาพทางการเงินที่แท้จริง ให้กับชีวิตของเรา ได้แล้วครับ
เพราะอิสรภาพทางการเงินของแต่ละคน เป็นเงินจำนวนไม่เท่ากันครับ มันขึ้นอยู่กับ Lifestyle ชีวิต ที่เราเลือกเองครับ
เอาล่ะ พิมพ์มาซะตั้งยาว เพลินไปอีกแล้ว ทุกครั้งผมอยากจะเขียนแค่ 5 บรรทัดจบจริง ๆ นะ แต่มันยิ่งเขียน ยิ่งพรั่งพรูออกมาครับ 5555
ตอนนี้ พอร์ตนี้มีมูลค่าอยู่ที่ 773 ดอลลาร์ครับ เรายังเหลือเวลาให้ DCA กันอีก "354 เดือน" ครับ
และเราน่าจะเจอกันอีกครั้ง ตอนช่วงสิ้นเดือน พ.ย. 2568 ครับ
ลิงค์สำหรับ Ep เก่าครับ:
โฆษณา