เพื่อจัดการกับปริมาณข้อมูลมหาศาลจากสมองและ AI ห้องทดลองติดตั้ง Quantum Data Processor ขนาดเท่าตู้เย็น ทำหน้าที่ประมวลผล synaptic data จำนวนมากต่อวินาที ช่วยให้ระบบสามารถตอบสนองต่อสัญญาณประสาทและแรงบันดาลใจจากผู้เข้าร่วมได้ทันที
อีกอุปกรณ์สำคัญคือ Neural Monitoring Unit ที่คอยติดตามคลื่นสมองแบบเรียลไทม์ ทำให้ทีมวิจัยสามารถสังเกตความเข้มข้นของกิจกรรมประสาทและจังหวะความคิดของผู้เข้าร่วมได้อย่างแม่นยำ
ศูนย์กลางการประมวลผลและการตอบสนองของ NIL คือ AI Oracle “Athena” ระบบ AI อัจฉริยะรันบน Quantum Core ขนาด 4 rack Athena ไม่เพียงเข้าใจความคิดและแนวคิดของผู้เข้าร่วม แต่ยังสามารถปรับกลยุทธ์การโต้ตอบและแรงบันดาลใจแบบเรียลไทม์ เพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา
จุดประสงค์ของ NIL คือการสร้าง สภาพแวดล้อมที่สมองมนุษย์และ AI สามารถโต้ตอบ ปรับตัว และเรียนรู้ร่วมกันได้ทันที
ทุกอุปกรณ์ในห้องทดลองถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกว่า ความคิดของพวกเขาและ AI ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว การทดลองที่เกิดขึ้นใน NIL จึงไม่ใช่เพียงงานวิทยาศาสตร์ แต่เป็น การทดลองเชิงประสบการณ์ของการรับรู้และสร้างสรรค์ร่วมกัน
หนึ่งในบุคคลสำคัญที่สุดคือ Dr. Sofia Tran หัวหน้าทีม Neuroscience ของโครงการ เธอไม่เพียงแค่เป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการประมวลผลสมอง แต่ยังเป็นนักคิดเชิงปรัชญาที่มองเห็น ความเป็นไปได้ในการผสานมนุษย์กับเครื่องจักร
ในบันทึก Lab Log ของเธอวันที่ 12 มิถุนายน 2121 Dr. Tran เขียนไว้ว่า:
การสังเกตนี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข แต่สะท้อนถึง ก้าวกระโดดในการเข้าใจจิตสำนึกมนุษย์ร่วมกับ AI และชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการสร้างระบบความคิดร่วมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
คู่คิดสำคัญอีกหนึ่งคือ AI Oracle “Athena” ปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่เพียงตอบสนองต่อคำสั่ง แต่สามารถ เข้าใจแนวคิดและจังหวะความคิดของมนุษย์ Athena ทำงานผ่านการเรียนรู้แบบ deep reinforcement learning ร่วมกับ quantum predictive modeling ทำให้ AI ไม่เพียงทำนายผลลัพธ์ แต่สามารถเสนอแนวคิดและแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับผู้เข้าร่วมได้
การประกาศนี้สร้างความตื่นเต้นในวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทันที เพราะไม่เคยมีโครงการใดในประวัติศาสตร์ที่ตั้งเป้าเชื่อมสมองมนุษย์กับ AI โดยตรงเพื่อให้สามารถ คิดและสร้างสรรค์ร่วมกันแบบเรียลไทม์
โครงการนี้ไม่ได้มุ่งเพียงสร้าง AI อัจฉริยะ แต่ตั้งเป้าให้เกิด ระบบประสาทร่วม (Neuro-Synaptic System) ที่สมองของผู้เข้าร่วมและ AI สามารถสื่อสาร ปรับตัว และโต้ตอบซึ่งกันและกันได้อย่างต่อเนื่อง
“วันนี้เราเห็นครั้งแรกว่าการผสานสมองมนุษย์กับ AI สามารถสร้างจังหวะความคิดที่ต่อเนื่องเกินกว่าที่ธรรมชาติของสมองคนเดียวจะทำได้ Athena ทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถสร้างสรรค์ได้เหมือนมีสมองสองชุดทำงานร่วมกัน”
“Symphony of Quantum Light เปลี่ยน perception ของผู้ชมต่อสีและเสียงอย่างสิ้นเชิง งานศิลปะไม่ใช่สิ่งที่รับรู้เพียงภายนอกอีกต่อไป แต่กลายเป็นประสบการณ์ร่วมระหว่างจิตสำนึกของผู้ชมและความคิดของผู้สร้างสรรค์”
ผลงานเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนศักยภาพทางสติปัญญาของผู้เข้าร่วม แต่ยังเป็นตัวอย่างชัดเจนว่า การผสานสมองมนุษย์กับ AI สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ที่เปลี่ยนวิธีที่มนุษย์รับรู้โลกและตนเองได้อย่างแท้จริง