16 ต.ค. เวลา 00:30 • ข่าวรอบโลก

🚨 ด่วนที่สุด! สหรัฐฯ-อังกฤษ ผนึกกำลัง "คว่ำบาตร" เครือข่ายสแกมเมอร์ Jin Bei Group/Prince Group

นี่คือการประสานงานครั้งใหญ่ที่สุดและเป็นประวัติการณ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ในการโจมตีเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อพลเมืองทั่วโลก โดยมีเป้าหมายหลักคือ Prince Group และบริษัทลูก Jin Bei Group ในกัมพูชา
1. "เฉิน จื้อ" กับอาณาจักรอาชญากรรมข้ามชาติ
นายเฉิน จื้อ (Chen Zhi) คือผู้ก่อตั้งและประธานของ Prince Holding Group (Prince Group) กลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งในกัมพูชา ซึ่งประกอบธุรกิจที่ดูเหมือนจะถูกกฎหมายในด้านอสังหาริมทรัพย์ การบริการทางการเงิน (รวมถึง Prince Bank Plc.) และธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริการ (โรงแรม และคาสิโน)
แต่ล่าสุด กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกา รวมถึงสหราชอาณาจักร ได้ประกาศคว่ำบาตรและดำเนินคดีทางอาญา โดยกำหนดให้ Prince Group เป็น "องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (TCO)" และมีการยึดทรัพย์สินเป็นบิตคอยน์มูลค่ามหาศาล ซึ่งถือเป็นการริบทรัพย์สินครั้งประวัติศาสตร์
นายเฉิน จื้อ ประธาน Prince Group ผู้สร้างอาณาจักรธุรกิจหรูหราในกัมพูชา ซึ่งถูกนานาชาติระบุว่าเป็น 'องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ' (TCO)
2. เจาะลึกธุรกิจบาป: โรงแรมหรูบังหน้า ศูนย์สแกมเมอร์เบื้องหลัง
รายได้มหาศาลของ Prince Group ถูกกล่าวหาว่ามาจากการดำเนินงานผิดกฎหมายอย่างเป็นระบบ โดยใช้บริษัทในเครือเป็นเครื่องมือสำคัญ:
Jin Bei Group คืออะไร? Jin Bei Group เป็นบริษัทลูกของ Prince Group ที่ดำเนินธุรกิจโรงแรมและคาสิโนระดับหรูในเมืองสีหนุวิลล์ แต่ถูกระบุว่าอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ถูกใช้เป็น "ศูนย์หลอกลวง" (Scam Compounds)
ปฏิบัติการค้ามนุษย์: ฐานปฏิบัติการเหล่านี้ถูกกล่าวหาว่ากักขังและ บังคับใช้แรงงาน กับเหยื่อที่ถูกล่อลวงหรือค้ามนุษย์เข้ามาทำงานในศูนย์สแกมเมอร์ โดยใช้กลยุทธ์ "Pig Butchering Scam" (การหลอกลวงแบบเชือดหมู) เพื่อหลอกลวงเหยื่อทั่วโลกให้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลปลอม
เกี่ยวข้องคดีฆาตกรรม: Jin Bei Group ยังถูกเชื่อมโยงกับรายงานอาชญากรรมร้ายแรง รวมถึง คดีฆาตกรรม หยี่หมิงต้าหลี่ ชายชาวจีนวัย 25 ปี ที่แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงในเครือข่าย
3. ใต้เงาตระกูลฮุน: เส้นสายที่ไม่ธรรมดา
การที่เครือข่ายนี้สามารถดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายในกัมพูชาได้อย่างกว้างขวาง ตอกย้ำถึงปัญหาการทับซ้อนอำนาจ:
ความใกล้ชิดกับรัฐบาล: นายเฉิน จื้อ ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษา ของอดีตนายกฯ ฮุน เซน และนายกฯ ฮุน มาเนต และได้รับบรรดาศักดิ์ "เนียะ อ๊กญา" ซึ่งแสดงถึงการได้รับความคุ้มครองและอิทธิพลทางการเมือง
การปกป้องคุ้มครอง: มีรายงานที่ชี้ว่า รัฐบาลกัมพูชาได้เกื้อหนุน แก๊งสแกมเมอร์ออนไลน์ และ เพิกเฉยไม่เข้าไปจัดการ กับเจ้าพ่อสแกมรายใหญ่ เพราะคือแก๊งนี้แหล่งเงินทุนสนับสนุนตระกูลฮุน โดยทางการสหรัฐฯ เชื่อว่านี่คือความพยายามในการ "ผสมผสาน" รายได้ผิดกฎหมายเข้ากับระบบเศรษฐกิจที่ถูกกฎหมาย
ใต้เงาตระกูลฮุน: เส้นสายที่ไม่ธรรมดา "สายสัมพันธ์ระดับสูง: เครือข่ายอาชญากรรมเติบโตได้ภายใต้ร่มเงาของชนชั้นนำกัมพูชาที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกื้อหนุน
4. มาตรการร่วม: โจมตีระบบเพื่อคุ้มครองพลเมือง
ปฏิบัติการร่วมครั้งนี้เป็นการโจมตี "กลไก" ของอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อป้องกันพลเมืองทั่วโลกจากภัยคุกคาม 3 ด้าน:
การตัดแหล่งทุน (ยึดทรัพย์): กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องร้องทางอาญาต่อนายเฉิน จื้อ และทำการ ยึด Bitcoin มูลค่าสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ได้มาจากการฉ้อโกง ซึ่งเป็นการตัดวงจรเงินผิดกฎหมายที่ใช้เป็นทุนในการดำเนินการของอาชญากร
การปิดช่องทางฟอกเงิน (คว่ำบาตร): สหรัฐฯ และอังกฤษ ได้ร่วมกันประกาศคว่ำบาตร โดยขึ้นบัญชีดำบริษัทในเครือ 146 แห่ง รวมถึง Jin Bei Group และ Prince Bank Plc. การคว่ำบาตรนี้จะ ตัดเครือข่ายเหล่านี้ออกจากระบบการเงินของสหรัฐฯ และอังกฤษ ทำให้เงินสกปรกไม่สามารถนำไปใช้จ่ายหรือลงทุนอย่างถูกกฎหมายได้อีก
การทำลายฐานปฏิบัติการ (การดำเนินคดี): การดำเนินคดีทางอาญาและการกำหนดเป้าหมายองค์กรที่ใช้ทรัพย์สินเป็นศูนย์สแกมเมอร์ (เช่น Jin Bei Group) เป็นการ ทำลายโครงสร้างทางธุรกิจ ที่อยู่เบื้องหลังศูนย์กักขังและบังคับใช้แรงงาน
การดำเนินการครั้งประวัติศาสตร์นี้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า อาชญากรรมข้ามชาติที่พัวพันกับการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงทางไซเบอร์จะไม่ถูกยอมรับอีกต่อไป และน่าจะเป็นการกดดันให้รัฐบาลเขมรต้องเร่งปราบปรามเครือข่ายที่ใกล้ชิดกับชนชั้นนำของตนเองอย่างจริงจัง (จะเป็นไปได้ไหม?) รวมทั้งรัฐบาลไทยก็ควรจะเริ่มปราบปรามอย่างจริงจังกับธุรกิจในลักษณะนี้ที่อยู่ในกัมพูชาทั้งหมดด้วย
#PrinceGroup #JinBeiGroup #สแกมเมอร์ #ค้ามนุษย์ #ฟอกเงิน #กัมพูชา #เตือนภัย #ข่าวอาชญากรรม #คว่ำบาตร
โฆษณา