ภาษีที่ต้องเสียและงบการเงินบริษัทของเจนนึ่-รัชนก
สำหรับคนธรรมดาทั่วไปที่ใช้ช่องทาง TikTok ไลฟ์ขายสินค้า ช่วงนี้อาจหูตาร้อนผ่าวกับยอดขายของ รัชนก สุวรรณเกตุ หรือ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น”
9 ตุลาคม 2568 คือวันแรกที่เจนนี่ไลฟ์ 12 ชั่วโมงมีการระบุว่าเที่ยงวันยันเที่ยงคืนเธอทำยอดขาย 24 ล้านบาท
วันที่ 10 ต.ค.2568 33 กว่าล้านบาท
วันที่ 11 ต.ค.2568 80 กว่าล้านบาท
วันที่ 12 ต.ค. 2568 ยอดทะลุ 100 กว่าล้านบาท
และมูลค่ายอดขายผ่านติ๊กต็อกช่วงเช้าวันที่ 13 ต.ค.2568 ประมาณ 126 ล้านบาท
รวม 5 วัน 330 ล้านบาท
จำนวนยอดขายมหาศาลยิ่งทำให้สังคมไทยถอดบทเรียนและกลยุทธ์การไลฟ์กันอุตลุด
เราคงไม่ตั้งคำถามถึงยอดขายหรือกลยุทธ์ใดๆของเจนนี่ว่าจริงหรือไม่ แต่เราตั้งคำถามถึงคนไทยทั้งประเทศมีกำลังซื้อของบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง TikTok Shop ได้มากในระดับ 300 ล้านบาทจริงหรือ?
ยอดขายมากกว่า 300 ล้านบาทนี้ เป็นตัวเลขที่กรมสรรพากรเห็นแล้วยิ้มหวานทันที เพราะไม่ต้องออกไปนับชามก๋วยเตี๋ยวทุกคืนให้เสียเวลาเหมือนร้านค้าริมทาง
โดยเงื่อนไขในการคำนวณยอดขายเบื้องต้นอยู่ที่จำนวนผู้เข้าชมไลฟ์ระดับ 5 แสนวิว ซึ่งทำให้มีคนติดตะกร้า (Affiliate marketing) หลักหมื่นเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ ต้องดูที่ยอดการยกเลิก-หยิบสินค้าลงตะกร้าแต่ไม่ชำระเงิน หรือบางส่วนอาจมีการจัดเก็บเงินปลายทาง (Cash on delivery : COD) เป็นต้น
เจนนี่-รัชนก เปิดบริษัทประกอบธุรกิจ 4 แห่ง ได้แก่
1. บริษัท ได้หมดถ้าสดชื่น จำกัด จำหน่ายเพลงและลิขสิทธิ์เพลง จดทะเบียน 1 เมษายน 2562 ด้วยทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 170/36 หมู่ที่ 4 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช
2. บริษัท มูชิน จำกัด ขายส่งผลิตภัณฑ์อาหาร อาหารแห้ง กึ่งสำเร็จรูป อาหารสำเร็จรูปและอาหารสด จดทะเบียนเมื่อ 25 มกราคม 2565 ด้วยทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช
3. บริษัท เจนนี่โอเค จำกัด ขายส่งเครื่องสำอาง อาหารเสริม จดทะเบียนเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2566 ด้วยทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช
4. บริษัท มูชิน88 จำกัด ขายส่งเสื้อผ้า จดทะเบียนเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2567 ด้วยทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 90/6 ถ.จตุโชติ แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม.มีกรรมการ 1 คนคือนายฉัตรมงคล สมแก้ว
ทั้ง 4 บริษัท มีเพียงบริษัท เจนนี่โอเค จำกัด ที่ผลประกอบการทะลุปรอท จากปี 2566 มีรายได้ 12,164,949 บาท แต่ปี 2567 ส่งงบการเงินระบุว่ามีรายได้ 228,719,427 บาท
หมายความว่าภายในเวลาเพียง 1 ปี 2566-2567 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 216 ล้านบาท มีกำไรจาก 2.4 ล้านบาท เพิ่มเป็น 36 ล้านบาทในปี 2567
เป็นตัวเลขรายได้และกำไรก่อนเจนนี่-รัชนก จะไลฟ์ผ่านช่องทาง TikTok Shop
กลับไปที่คำถามว่าคนไทยมีกำลังซื้อ 300 ล้านบาทภายในเวลา 5 วันหรือไม่ ?
ตรงนี้น่าสนใจเนื่องจากการหยิบสินค้าลงตะกร้าในทางปฏิบัติอาจกดยกเลิกหรือไม่ชำระเงินก็ได้
และวิทยาการ AI ปัจจุบันก็สามารถปั่นยอดออเดอร์สินค้าได้โดยไม่เกี่ยวกับจำนวนคนเข้ามาชมไลฟ์หรือยอดผู้ติดตาม
เราไม่ได้หมายความว่าเจนนี่-รัขนก ปั่นยอดขาย
แต่เรากำลังจะบอกว่าสิ่งที่เจนนี่ไลฟ์ขายให้กับสินค้า 200 แบรนด์ คนไทยไม่มีกำลังซื้อได้แน่นอนในระดับยอดจำหน่ายมูลค่ามากกว่า 300 ล้านบาท
ในเวลาเพียง 5 วัน กับยอดขายที่มากกว่าเซ็นทรัลและซีพีซึ่งมีสาขาทั่วประเทศ
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ยอดขาย 300 ล้านบาท หรือกำลังซื้อในมากเกินกว่าภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่ยอดขายนี้เจนนี่-รัชนก จะนำไปลงบัญชีรายได้บริษัทอะไร
อยากให้จับตาบริษัท เจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่น จำกัด ที่บัญชีรายได้ 228 ล้านบาทเมื่อปี 2567
ยอดจำหน่ายสินค้าแค่ 5 วัน 300 ล้านบาท 1 ปีจะเท่าไร เจนนึ่-รัชนก จะเพิ่มทุนจดทะเบียนหรือไม่ และหากทะลุพันล้านบาทจะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือเปล่า?
นอกจากถอดกลยุทธ์การขายแล้ว นักบัญชียังจับตากลยุทธ์แจ้งผลประกอบการของ 4 บริษัทอย่างมีนัยสำคัญด้วยเช่นกัน
#เจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่น
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
