17 ต.ค. เวลา 06:25 • ไลฟ์สไตล์
พระพุทธเจ้าทรงอธิบายเรื่องปาฏิหาริย์ในเกวัฏฏสูตร (Kevatta Sutta) ซึ่งเป็นพระสูตรในพระไตรปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค โดยทรงประกาศว่าปาฏิหาริย์มี 3 ประการที่ทรงแจ้งด้วยปัญญาเอง และทรงชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของแต่ละประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรงยกย่องประการสุดท้ายว่าเป็นสิ่งสูงสุดที่นำไปสู่การหลุดพ้นจากทุกข์   ปาฏิหาริย์ทั้งสามนี้คือ:
1. อิทธิปาฏิหาริย์ (Iddhipāṭihāriya): คือการแสดงฤทธิ์ทางกายภาพอันอัศจรรย์ เช่น ทำให้คนเดียวปรากฏเป็นหลายคน หายตัวได้ เดินบนน้ำหรือทะลุกำแพงได้ หรือเหาะไปถึงพรหมโลก ท่านทรงเห็นว่าปาฏิหาริย์นี้แม้จะสร้างความศรัทธาแก่ผู้มีศรัทธา แต่ผู้ไร้ศรัทธาอาจมองว่าเป็นเพียงเวทมนตร์ จึงไม่นำไปสู่ปัญญาที่แท้จริง และทรงไม่ส่งเสริมให้แสดงเพื่อดึงดูดผู้คน
2. อาเทสนาปาฏิหาริย์ (Ādesanāpāṭihāriya): คือการทายใจหรือรู้ความคิด ความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างละเอียด ท่านทรงชี้ว่าปาฏิหาริย์นี้ก็อาจถูกมองว่าเป็นวิชาอาคมโดยผู้ไร้ศรัทธา จึงก่อให้เกิดความสงสัยและไม่ช่วยให้เกิดการปฏิบัติธรรมที่ยั่งยืน ทรงจึงอึดอัดและไม่ส่งเสริม  
3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (Anusāsanīpāṭihāriya): คือปาฏิหาริย์ทางคำสอนที่ทรงพร่ำสอนชี้แนะให้ละเว้นสิ่งชั่ว ทำสิ่งดี และเข้าถึงสิ่งประเสริฐ โดยนำผู้ฟังให้เกิดศรัทธา ปฏิบัติตามศีล ฌาน และวิชชา จนบรรลุธรรมและหลุดพ้นจากอาสวะสิ้นเชิง ท่านทรงยกย่องว่านี่คือปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะเป็นทางสายกลางที่นำไปสู่นิพพานโดยตรง สูงส่งกว่าปาฏิหาริย์อื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด  
สรุปแล้ว พระพุทธเจ้าทรงเน้นว่าปาฏิหาริย์ที่แท้จริงไม่ใช่การแสดงฤทธิ์ภายนอก แต่คือพลังของคำสอนที่เปลี่ยนใจผู้ฟังให้บรรลุธรรม หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถศึกษาจากพระไตรปิฎกฉบับแปลไทยได้
โฆษณา