21 ต.ค. เวลา 02:09 • ธุรกิจ

“October Theory” วิธีรีเซ็ตตัวเอง ก่อนเริ่ม “สร้างธุรกิจ”

เดือนตุลาคมไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้นไตรมาสสุดท้ายของปี ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งนี่คือเดือนที่อยู่ระหว่าง “ความเหนื่อยของปีเก่า” กับ “ความหวังของปีใหม่” ถ้าใช้ให้ถูก มันคือเดือนที่เป็นโอกาสทองสำหรับ “รีเซ็ตตัวเอง” ก่อนลุยสร้างธุรกิจใหม่ ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นและเคยได้ยินเรื่อง ทฤษฎีตุลาคม (October Theory) กันมาบ้าง
ว่ากันว่าเดือนตุลาคมนี้เป็นเหมือนช่วงที่เราจะได้คิดทบทวนชีวิตหนึ่งปีที่ผ่านมา หากทำได้ไม่ดีก็สามารถใช้ช่วงเวลาโค้งสุดท้ายของปีในการทำบางอย่างเพื่อทดแทนช่วงเวลาที่เปล่าประโยชน์นั้น ตุลาคมจึงเป็นเดือนที่ดีสำหรับการเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิต แก้ตัวใหม่ จัดการชีวิตให้เข้าที่เข้าทางก่อนปีใหม่จะมาถึง
นักจิตวิทยาให้ความเห็นว่า ‘ฤดูใบไม้ร่วง’ มีพลังพิเศษบางอย่างที่ส่งผลต่อจิตสำนึกของคน เปรียบได้กับเมื่อใบไม้เปลี่ยนสีและร่วงหล่นลงมา จะทำให้เรานึกถึงความงดงามของการปล่อยวางและเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ
และ ทฤษฎีตุลาคม (October Theory) ยังไปสัมพันธ์กับแง่มุมเชิงโหราศาสตร์ เพราะเดือนตุลาคมคือราศีตุลย์ จะเกี่ยวข้องกับความสมดุล หรือการชั่งน้ำหนัก การตัดสินใจเลือกบางอย่าง
ในอีกมุมหนึ่ง 3 เดือนสุดท้ายของปีเป็นช่วงเวลาที่มีทั้งโอกาสและความท้าทายมีข้อมูลน่าสนใจที่แสดงให้เห็นชัดว่าทำไมการทำธุรกิจในช่วงเวลานี้ถึงมีโอกาสประสบความสำเร็จได้
1️⃣ ยอดขายเพิ่ม 20-30% ในช่วงเทศกาล
ช่วงปลายปีแบบนี้เป็นฤดูกาลช็อปปิ้งที่สำคัญ พฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงนี้มีการมองหาสินค้าและบริการมากเป็นพิเศษ สอดคล้องกับข้อมูลยอดขายค้าปลีกทั่วโลกในช่วงเทศกาลปลายปีเพิ่มขึ้น 20-30% เมื่อเทียบกับไตรมาสอื่น หรือมองในส่วนของประเทศไทยยอดขายออนไลน์ช่วงปลายปีอย่าง 11.11 และ 12.12 เพิ่มขึ้นถึง 25%
2️⃣ การแข่งขันเพิ่มขึ้นดุเดือดขึ้น 40%
แต่ก็ต้องยอมรับว่าหากจะเริ่มธุรกิจในช่วงเวลานี้ก็ต้องเจอกับการแข่งขันที่ดุเดือดรอบด้าน ประมาณการว่าคู่แข่งเองในช่วงนี้ก็ทุ่มงบหนักขึ้นด้วย ข้อมูลจาก Google Ads ระบุว่าในปีที่ผ่านมาค่าโฆษณาในช่วงปลายปีเพิ่มขึ้น 40% เนื่องจากความต้องการพื้นที่โฆษณาสูง ถ้าอธิบายให้เห็นภาพ
ยกตัวอย่างว่า หากเราเปิดร้านเสื้อผ้าออนไลน์ในเดือนตุลาคม และใช้จ่ายโฆษณา 10,000 บาท/เดือน อาจได้ลูกค้าเพียง 50 ราย เทียบกับคู่แข่งที่ลงโฆษณา 50,000 บาท/เดือน และได้ลูกค้า 300 ราย ทางแก้ไขคืออาจต้องมีงบประมาณการตลาดอย่างน้อย 15-20% ของรายได้ที่คาดหวัง และกลยุทธ์ที่แตกต่าง เช่น การใช้ influencer หรือโปรโมชันพิเศษเข้ามาช่วย
3️⃣ เวลา 90 วันในการสร้างฐานลูกค้า
ข้อดีของการเริ่มธุรกิจในช่วง October Theory คือจะมีเวลาประมาณ 90 วันเพื่อสร้างฐานลูกค้าและจะได้กลายเป็นธุรกิจที่เริ่มขายดีในช่วงต้นปีใหม่ มีข้อมูลที่น่าสนใจระบุว่าธุรกิจที่เริ่มในไตรมาส 4 มีโอกาสเติบโต 15% เร็วกว่าไตรมาสอื่น หากจับกระแสเทศกาลได้
ยกตัวอย่างถ้าเราเลือกเปิดร้านกาแฟและใช้โซเชียลมีเดีย เช่น Instagram , Facebook , TikTok เพื่อโปรโมตเมนูพิเศษช่วงคริสต์มาส อาจทำให้มีลูกค้าประจำได้ถึง 150 รายภายใน 3 เดือน
4️⃣ มีโอกาสสำเร็จถ้าวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลระบุชัดว่าธุรกิจที่เริ่มในไตรมาส 4 มีอัตราความสำเร็จ 50% ในปีแรก หากจับกระแสเทศกาลและมีเงินสำรองเพียงพอ และธุรกิจที่ใช้การตลาดดิจิทัล เช่น SEO หรือโฆษณาในโซเชียลมีเดีย มีโอกาสเติบโต 70% ใน 6 เดือนแรก
ยกตัวอย่างรกิจขายของตกแต่งบ้านที่เริ่มในเดือนตุลาคม โดยใช้ TikTok และ Shopee ในการโปรโมต สามารถทำยอดขาย 500,000 บาทใน 3 เดือนแรก ด้วยงบการตลาด 50,000 บาท และมีกำไร 20% จากยอดขาย
📌ยกตัวอย่างธุรกิจที่เริ่มต้นช่วง October Theory
จากข้อมูล ปี 2024-2025 มีสตาร์ทอัพหลายแห่งที่เริ่มต้นหรือเปิดตัวในช่วงตุลาคมและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยวัดจากยอดระดมทุน การเติบโตของผู้ใช้ และมูลค่าบริษัท
ยกตัวอย่างเช่น Unlikely AI ที่เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2024 ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนชั้นนำใน 90 วันแรก และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่ร้อนแรง หรืออีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือ ClayCo ผลิตภัณฑ์ความงามในประเทศโมร็อกโก ที่เปิดตัวเมื่อตุลาคม 2024 มียอดขายเติบโต 3 เท่าในช่วงไตรมาสสุดท้าย
หรือถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ในเมืองไทยก็มีตัวอย่างของ Nori ที่เป็นเตารีดไฟฟ้าไอน้ำ ที่เริ่มเติบโตอย่างจริงจังช่วงเดือนตุลาคม 2024 และสามารถขยายตลาดไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้
และสำหรับผู้ที่อยากรีเซ็ตตัวเองให้เริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพใน October Theory มีขั้นตอนเบื้องต้นคือ
1️⃣ ทบทวนเป้าหมายเก่า
โดย 80% ของความสำเร็จมาจากการรู้จุดยืนตัวเอง ถ้าอยากสร้างธุรกิจต้องรู้ก่อนว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้ทำอะไรไปบ้าง อาจจะเขียนเป้าหมายที่เคยตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นปี และสำรวจดูว่าสำเร็จไปกี่เปอร์เซ็นต์ มีอะไรที่เป็นอุปสรรค
2️⃣ ลดปัจจัยรบกวนที่ทำให้เป้าหมายเราไม่สำเร็จ
เหตุผลที่ทำให้เป้าหมายของเราไม่ขยับไปไหนแม้จะเคยตั้งใจไว้ ส่วนหนึ่งเพราะปัจจัยรบกวนรอบด้าน มีงานวิจัยระบุว่าถ้าลดสิ่งรบกวนได้ 50% จะเพิ่มโฟกัสสู่เป้าหมายได้ชัดเจนขึ้น
เช่น การใช้โซเชี่ยลมีเดียที่ไม่จำเป็น , การไม่ลำดับความสำคัญของเรื่องที่จะทำ แนะนำว่าให้ลดปัจจัยที่ไม่เกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจลงสัก 30% จะทำให้มีเวลาในการโฟกัสเรื่องธุรกิจของเราได้มากขึ้น
3️⃣ วางแผนการเงินสำหรับธุรกิจ
หากจะเริ่มทำธุรกิจจำเป็นต้องมีเงินสำรองอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งก็ต้องมาคำนวณรายละเอียดด้านการเงินทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ต้องใช้ ,เงินทุนที่จะต้องหาสำหรับธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่นหากต้องใช้เงิน 50,000 บาท/เดือนในการเริ่มธุรกิจ ให้วางแผนเก็บเงิน 300,000 บาทภายใน 6-12 เดือน เป็นต้น
4️⃣ พัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับทำธุรกิจ
มีหลายทักษะที่ต้องใช้ในการทำธุรกิจเช่น การตลาด การเงิน หรือการบริหารเวลา ถ้าอยากรีเซ็ตตัวเองในช่วง 3 เดือนต่อจากนี้อาจต้องเพิ่มความรู้ให้ตัวเองเช่น คอร์สการทำ SEO หรือคอร์สการเงินพื้นฐาน รวมถึงคอร์สการตลาดออนไลน์ อาจตั้งเป้า เรียนรู้การยิงโฆษณา Facebook Ads เพิ่มยอดคลิก 20% ภายใน 3 เดือน เป็นต้น
5️⃣ ตั้งเป้าหมายและไปให้ถึงอย่างที่ต้องการ
เรียกว่าเป็นการตั้งเป้าหมายตามหลัก SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) เช่นภายใน 6 เดือน จะมีลูกค้า 50 ราย โดยใช้เงินลงทุน 100,000 บาท หรือการแบ่งเป็นเป้าหมายย่อยเช่น เดือนแรกหาลูกค้า 10 ราย, เดือนที่สองเพิ่มเป็น 15 ราย
October Theory แม้จะเป็นทั้งช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้นไม่ว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ หรือทำธุรกิจ แต่ก็ต้องประกอบไปด้วยแผนที่ชัดเจนและการลงมือทำอย่างเป็นขั้นตอน และถึงแม้ว่าจะเป็นแนวคิดที่ไม่ได้มีการรับรองในทางวิชาการ
แต่ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีสำหรับคนที่อยากใช้ 3 เดือนสุดท้ายในการเป็นบันไดก้าวไปสู่ความสำเร็จ หรือใครที่มีธุรกิจอยู่แล้วช่วง October Theory อาจเป็นเวลาในการอัดแคมเปญการตลาดที่คาดว่าจะกระตุ้นยอดขายและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมาก
#OctoberTheory #วิธีรีเซ็ตตัวเอง #สร้างธุรกิจ #วางแผนการเงิน #สร้างรายได้เพิ่ม
โฆษณา