Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
17 ต.ค. เวลา 08:48 • ข่าว
🩸 “แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์” = ภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติที่กำลังสูบเลือดเศรษฐกิจไทย
เมื่อความเสียหายไม่ใช่แค่เงินในบัญชี แต่คือ “ความเชื่อมั่น” ของประเทศ ถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนต้องประกาศสงครามกับเนื้อร้ายนี้อย่างจริงจัง
====
💥 อันตรายที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวที่กำลังกัดกร่อนประเทศไทย
* ข่าวคนไทยถูกหลอกจนสิ้นเนื้อประดาตัว, พ่อค้าแม่ค้าถูกอายัดบัญชีโดยไม่รู้ตัว, หรือการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน กลายเป็น “ข่าวประจำวัน” ที่ผู้คนเริ่มชินชาอย่างน่ากลัว
* ความชินชานี้คือสัญญาณของ “ภาวะดื้อยา” ทางสังคม — เรากำลังคุ้นชินกับความผิดปกติ จนลืมไปว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเล็กระดับบุคคล แต่มันคือ “สงครามเศรษฐกิจเงียบ” (Silent Economic War) ที่กำลังสูบเลือดจากระบบเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง
* สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ประเมินว่า ความเสียหายจากอาชญากรรมทางไซเบอร์ในปี 2566 สูงกว่า 1.4 แสนล้านบาท — ไม่ใช่แค่ตัวเลขในรายงาน แต่คือเงินเก็บทั้งชีวิตของแรงงาน, เงินทุนหมุนเวียนของ SME, และเม็ดเงินหมุนเวียนที่ควรสร้างการเติบโตในประเทศ แต่กลับถูกสูบออกไปยังเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ
====
🔍 ทำไม “เนื้อร้าย” นี้ถึงตัดไม่ขาด?
ปัญหาไม่จบเพราะเรากำลังเผชิญกับ “เครือข่ายอาชญากรรมระดับอุตสาหกรรม” ที่ซับซ้อนและข้ามพรมแดน
1. โครงสร้างพื้นฐานที่เปราะบาง: “บัญชีม้า” เปิดง่ายเกินไป
* บัญชีม้าเป็นเส้นเลือดใหญ่ของระบบฟอกเงิน และยังถูกเปิดได้โดยง่ายในหลายธนาคาร แม้จะมีระบบ KYC แล้วก็ตาม ความหละหลวมของการตรวจสอบผู้เปิดบัญชี ทำให้ไทยกลายเป็นจุดผ่านเงินผิดกฎหมายอย่างไม่ตั้งใจ
2. ฐานที่มั่นนอกประเทศ: เครือข่ายข้ามชาติที่ยากเข้าถึง
* รายงานจาก Interpol 2023 และ Reuters 2024 ระบุว่า ศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมากตั้งอยู่ในเมียนมา กัมพูชา และลาว ภายใต้การคุ้มครองของกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่น การปราบในประเทศเพียงอย่างเดียวจึงไม่พอ
3. การแทรกซึมของผลประโยชน์ในโครงสร้างอำนาจ
* บทความสืบสวนของ Tom Wright จาก Project Brazen (2023) ชี้ว่าอาจมี “ผู้มีอำนาจ” หรือเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่มเกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์จากขบวนการเหล่านี้ ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมการปราบปรามมักหยุดที่ระดับปฏิบัติการ
====
⚔️ “วาระแห่งชาติ”: แผนรบที่ต้องทำพร้อมกัน
การต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องเป็นยุทธศาสตร์ชาติที่ผสานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน
1. สถาบันการเงิน — ตัดเส้นเลือดใหญ่ของขบวนการ
* เพิ่มความเข้มข้นของระบบ e-KYC และการตรวจสอบตัวตนแบบ biometric เพื่อปิดช่องโหว่ของบัญชีม้า
* ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมการโอนเงินแบบเรียลไทม์ เพื่อจับธุรกรรมผิดปกติ
* หากบัญชีม้าที่เปิดอย่างหละหลวมก่อให้เกิดความเสียหาย ธนาคารต้องร่วมรับผิดชอบ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ป้องกันตั้งแต่ต้นทาง
2. ภาครัฐ — ทลายฐานที่มั่นและขุดรากถอนโคน
* ประกาศให้การปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็น วาระแห่งความมั่นคงแห่งชาติ ใช้กลไกทางการทูตและความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่นเดียวกับที่เกาหลีใต้และสิงคโปร์ทำสำเร็จในการทลายเครือข่ายในกัมพูชา
* ตรวจสอบและเปิดเผยเจ้าหน้าที่รัฐที่อาจมีส่วนรู้เห็น เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นจากประชาชน
* ตั้ง “กองทุนช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมไซเบอร์” โดยร่วมกับธนาคารและบริษัทประกันภัย เพื่อบรรเทาความเสียหายระยะสั้นและสร้างความเชื่อมั่นระยะยาว
3. ภาคเอกชนและประชาชน — สร้างภูมิคุ้มกันสังคมดิจิทัล
* สร้างแคมเปญให้ความรู้ เช่น “อย่าโอน อย่าแชร์ อย่าเชื่อ” ต่อเนื่องผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อเข้าถึงผู้สูงอายุและแรงงานต่างจังหวัด
* ผลักดันบริษัทโทรคมนาคมให้ใช้ระบบ Caller ID ปลอม (STIR/SHAKEN Protocol) และ AI ตรวจจับข้อความหลอกลวงอัตโนมัติ
* จัดตั้ง “ศูนย์ตอบสนองฉุกเฉินทางไซเบอร์ชุมชน” เพื่อช่วยผู้เสียหายในพื้นที่ต่างๆ ภายใน 24 ชั่วโมงหลังแจ้งเหตุ
====
✨ สงครามเพื่อ “จิตวิญญาณทางเศรษฐกิจ” ของชาติ
เงินทุกบาทที่ถูกหลอกไปคือเลือดที่ไหลออกจากระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทุกครั้งที่ปล่อยให้บัญชีม้าทำงาน หรือเจ้าหน้าที่ละเลยหน้าที่ เรากำลังยอมให้ประเทศอ่อนแรงลงอีกหนึ่งจุด
เราต้องเปลี่ยนจากการ “ตามแก้” ไปสู่การ “สร้างภูมิคุ้มกัน” อย่างเป็นระบบ ทั้งในเชิงกฎหมาย เทคโนโลยี และวัฒนธรรมดิจิทัล
“สงครามนี้ไม่ได้ต่อสู้ด้วยปืน แต่ต่อสู้ด้วยความรู้ เทคโนโลยี และความร่วมมือของคนดีทั้งประเทศ”
ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐต้องประกาศให้การปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็น วาระแห่งชาติ และให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง เพื่อทวงคืนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและศักดิ์ศรีของประเทศไทยกลับคืนมา
====
📚 แหล่งอ้างอิง
1. Bank of Thailand Financial Crime Report — อ่านรายงานฉบับเต็ม
https://www.bot.or.th/content/dam/bot/documents/th/research-and-publications/reports/payment-report/bi-monthly-report/Bi-monthly_report_Vol14-2022_April.pdf
: ระบุว่าอาชญากรรมทางการเงินในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 40% ในช่วงปี 2021–2023 จากการหลอกลวงทางออนไลน์และธุรกรรมที่ใช้บัญชีม้า
2. Interpol Cybercrime Report — Interpol.int
https://www.interpol.int/en/Crimes/Cybercrime:
ยืนยันแนวโน้มอาชญากรรมไซเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเตือนให้รัฐเข้มงวดกับการยืนยันตัวตนทางดิจิทัล
3. Reuters Asia Scam Network (2025) —
Reuters.com
: เปิดเผยข้อมูลเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาและกัมพูชา รวมถึงความเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์และฟอกเงิน
4. Project Brazen Investigation (Tom Wright, 2023) —
ProjectBrazen.com
: รายงานการสืบสวนว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่มอาจเกี่ยวพันกับขบวนการอาชญากรรมทางไซเบอร์ในเอเชีย
5. BIS Cyber Resilience Report —
BIS.org
: แนะนำแนวทางการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินเพื่อป้องกันการโจมตีไซเบอร์และการฟอกเงินข้ามชาติ
6. The Straits Times (2023) — อ่านข่าวที่นี่
https://www.straitstimes.com/
global: รายงานการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของเกาหลีใต้ในกัมพูชา ที่ถือเป็นกรณีศึกษาความร่วมมือข้ามประเทศที่ประสบความสำเร็จ
7. GSMA Fraud Prevention Report 2023 —
GSMA.com
: เสนอโมเดลการใช้เทคโนโลยี AI และ Big Data ในการตรวจจับการหลอกลวงผ่านโทรคมนาคม
#วันละเรื่องสองเรื่อง #วาระแห่งชาติ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #บัญชีม้า #ความมั่นคงของชาติ #อาชญากรรมข้ามชาติ #เศรษฐกิจไทย
อาชญากรรม
ข่าว
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย