17 ต.ค. เวลา 11:05 • ข่าวรอบโลก

ราคาทองคำพุ่งทะยาน ช่วยหนุนเครื่องจักรสงครามของเครมลิน

ราคาทองคำโลกที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปีสองปีนี้ เชื่อมโยงโดยตรงกับความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลกในอนาคต วิกฤตการณ์ต่างๆ ตั้งแต่การระบาดของไวรัสโคโรนา สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน และความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ล้วนผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นไปอีก
เมื่อไม่นานมานี้ “สงครามการค้าที่ยืดเยื้อ” ของทรัมป์ ได้กระตุ้นให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอีก เนื่องจากนักลงทุนที่วิตกกังวลหันกลับมาจับจองทองคำในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” อีกครั้ง
เห็นได้จากหลังที่ทรัมป์ขู่จีนว่าจะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 100% เมื่อ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งครอบคลุมสินค้านำเข้าหลากหลายประเภท ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่ราคาทองคำก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน ความกังวลเกี่ยวกับการชัตดาวน์ในสหรัฐ และความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ก็มีส่วนทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้เช่นกัน [1]
อย่างไรก็ตามรัสเซียได้วางเดิมพันกับทองคำมาเกือบสองทศวรรษแล้ว ข้อมูลจากสภาทองคำโลกซึ่งเป็นสมาคมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่ารัสเซียได้เป็นผู้ซื้อทองคำสุทธิ (Net Buyer: ซื้อทองเข้ามากกว่าขายออก) ตั้งแต่ปี 2006 จากนั้นรัสเซียจึงเร่งซื้อทองคำตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติกรณีเข้าผนวกไครเมีย [2]
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมารัสเซียได้สะสมทองคำสำรองไว้เป็นจำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์สำรองที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจท่ามกลางการใช้จ่ายที่เป็นประวัติการณ์ของเครมลินในการทำสงครามกับยูเครน [3]
เครดิตภาพ: Alexsey Druginyn / Reuters
  • ยุทธศาสตร์ของรัสเซียกำลังได้รับผลตอบแทนที่ทันท่วงที
แม้ว่าธนาคารกลางรัสเซียจะไม่ได้เพิ่มสินทรัพย์กายภาพเข้าไปในคลัง แต่ราคาทองที่พุ่งสูงขึ้นก็ผลักดันให้มูลค่าทองคำสำรองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นต่างจากสินทรัพย์อื่นของรัสเซียมูลค่าเกือบ 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ถูกอายัดไว้ในธนาคารต่างประเทศ ทองคำสำรองเหล่านี้ยังอยู่ในดินแดนของรัสเซีย ซึ่งอยู่นอกเหนือขอบเขตของการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ [4][5]
“รัสเซียโชคดี เพราะการคว่ำบาตรและการเตรียมการสำหรับมาตรการดังกล่าว บังคับให้รัสเซียต้องเพิ่มสัดส่วนทองคำในคลังสำรองและเลิกลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นยุทธศาสตร์นี้จึงกำลังให้ผลตอบแทนในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ”
1
ในเวลาเดียวกันการขายทองคำจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของกระทรวงการคลังรัสเซียในราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้น ช่วยชดเชยการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางที่พุ่งสูงขึ้นได้บางส่วน ซึ่งขณะนี้คาดการณ์ไว้ที่ 5.7 ล้านล้านรูเบิล (ประมาณ 7.1 หมื่นล้านดอลลาร์) หรือ 2.6% ของ GDP [6]
เครดิตภาพ: goldchartsrus.com
  • ทองคำแท่งมูลค่าหลายแสนล้าน
แม้จะมีมาตรการคว่ำบาตรทองคำรัสเซียจากนานาชาติ แต่ราคาที่สูงขึ้นก็ยังคงส่งผลดีต่อภาคการทำเหมืองทองคำของประเทศ ซึ่งยังคงมุ่งเน้นไปที่การส่งออกเป็นหลัก สภาทองคำโลกระบุว่า “รัสเซียเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับสองของโลก” ในปี 2024 โดยมีปริมาณการผลิต 330 ตัน [7]
เมื่อกรกฎาคมปีนี้ บลูมเบิร์กรายงานว่าการส่งออกโลหะมีค่าของรัสเซียไปยังจีน ซึ่งรวมถึงทองคำและเงิน เพิ่มขึ้น 80% แตะระดับ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 [8]
แม้ว่านักวิเคราะห์บางคนจะเตือนว่าราคาทองคำที่ทำลายสถิติอยู่ในตอนนี้ไม่สามารถคงอยู่ได้อย่างยั่งยืน แต่การลดลงที่อาจเกิดขึ้นนั้นไม่น่าจะส่งผลกระทบใดๆ ต่อรัสเซีย ดังที่คริส ไพรซ์ บรรณาธิการด้านตลาดของเดอะเทเลกราฟ กล่าวไว้ว่า “หากราคาทองคำตกต่ำอย่างรุนแรงเป็นประวัติการณ์ ปูตินก็ยังคงมีทองคำแท่งมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ให้นำไปใช้ได้อยู่” [9]
เรียบเรียงโดย Right Style
17th Oct 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: (พื้นหลัง) Russian Presidency (ในวงรี) Evgenia Novozhenina / Reuters>
โฆษณา